ลูกรัก(น้องหมา)จากไปด้วยโรคไต

สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้แรกในพันทิปที่ไม่คิดว่าจะได้มาเขียนในนี้แต่อยากมาเล่าเรื่องราวเป็นอุทาหรณ์ ให้ผู้ที่เลี้ยงน้องหมาเหมือนลูกคอยสังเกตุอย่าชะล่าใจ ไม่อย่างนั้นท่านจะเสียลูกรักไปอย่างไม่มีวันกลับจากโรคร้ายที่มาอย่างเงียบๆ ทั้งๆ ที่น่าจะอยู่ต่อด้วยกันได้อีก และหวังว่าจะเป็นบุญให้กับน้องที่จากไปเผื่อเรื่องราวที่ผมนำมาเผยแพร่อาจช่วยชีวิตให้น้องหมาสุดรักของใครบางคนหายป่วยหรือไม่ป่วยจากโรคนี้ครับ

“ไข่ต้ม” เป็นสุนัขพันธุ์บางแก้วตัวใหญ่น้ำหนัก 30 กิโลกรัม มีนิสัยหวงเจ้าของ หวงของในบ้าน ไม่คบหมาด้วยกันคบเฉพาะเจ้าของ และขี้อ้อนมาก ประมาณปี 65 มีสุนัขข้างบ้านซึ่งเป็นบ้านแม่ได้ตายไปจากโรคไตวายเฉียบพลัน ผมจึงกลัวว่าไข่ต้มจะปาวยผมจึงพาไปตรวจเลือดซึ่งตอนนั้นน่าจะอายุประมาณ 11 ปี ผลที่ออกมาคือค่าไตเกินกว่าปกติจำค่าไม่ได้คุณหมอเลยให้เข้าน้ำเกลือใต้ผิวหนัง 2 สัปดาห์ และให้เปลี่ยนอาหารแนะนำให้กินเนื้อปลาต้ม และอาหารสำหรับสุนัขป่วยเป็นโรคไตสูตรหาได้จากในอินเตอร์เน็ต ผมทำตามหมอแนะนำและกลับไปตรวจผลคือค่าไตลดลงเป็นปกติ ผมดีใจมาก กลับมาบ้านก็ใช้ชีวิตปกติ ให้กินอาหารจืดตั้งแต่บัดนั้น หลักๆ มีออกไก่ต้ม จืดๆ ไข้ต้ม หนังไก่ ผักต้ม มีบ้างให้ไก่ทอดบดเพราะดูน้องจะเบื่อๆ จนกระทั่งปลายปี 66 ผมสังเกตเห็นว่าน้อง ไม่ค่อยอยากออกมารับเวลาผมกลับมาบ้านตอนเย็น ปกติเขาได้ยินเสียงรถเขาจะออกมารับพร้อมหอนต้อนรับ มีอาการเดินผิดปกติอาการขาหลังสะบัดและมีอาการขาอ่อนแรง ไม่คล่องแคล่ว แต่ผมก็ไม่ได้เอะใจ แค่คิดว่าน้องอายุเยอะและขาก็อาจจะอ่อนแรง เจ็บข้อขา จึงได้ซื้อยาบำรุงข้อ antinol ให้กินประมาณ 1 เดือน ก็เหมืออาการจะทรงๆ ดูไม่ออก เพราะน้องยังกินได้เยอะ ร่าเริง ประมาณมกราคม 2567 สังเกตว่าเวลาพาไปเดินเล่นจะหอบ เหนื่อยง่าย ก็ยังคิดว่าน้องคงอายุเยอะเดินพาขับถ่ายเสร็จก็พาเข้าบ้าน มาต้นเดือน น่าจะ 1 กุมภาพันธ์ 2567 น้องเริ่มกินอาหารน้อยลง ต้องป้อนถึงกิน ปวดฉี่บ่อยขึ้น กินน้ำเยอะขึ้น ดูไม่ค่อยมีแรงเดิน จึงรีบพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจเลือด ผลออกมาคือค่าไตอยู่ที่ 9 ซึ่งสูงมากค่าปกติอยู่ที่ 1.4 หมอแนะนำให้เข้าน้ำเกลือใต้ผิวหนังวันละ 500 ซีซี และให้ยามากิน และนัดตรวจอีกครั้งวันที่ 6 กุมภาพันธุ์ 2567 ผมกลับมาทำตามหมอบอกทุกอย่าง และวันที่ 6 กุมภาพันธุ์ก็ได้ไปหาคุณหมออีกแต่วันนั้นคุณหมอติดเคสผ่าตัดรอนานก็เลยพากลับบ้านก่อนไม่ได้ตรวจ แต่ก็ยังเข้าน้ำเกลือใต้ผิวหนังทุกวันกินยา ป้อนข้าว น้ำ จนถึงวันที่ 10 กุมภาพันธุ์ 2567 สังเกตเห็นว่าน้องดูเหนื่อย กระวนกระวาย นอนไม่ได้ อ่อนแรง ไม่กินอาหารเลย หัวใจเต้นแรง จึงพาไปตรวจเลือดอีกครั้ง ผลเลือดค่าไตอยู่เท่าเดิมคือ 9 หมอบอกน่าจะเป็นระยะสุดท้ายแล้ว ให้ยามากิน ให้เข้าน้ำเกลือใต้ผิวหนังต่อ 14 กุมภาพันธุ์ 2567 น้องอาการลงเรื่อยๆ เริ่มไม่รู้สึกตัว นอนราบอย่างเดียว ลุกไม่ได้ ร้องเจ็บปวด ผมทนไม่ไหวเลยโทรหาคุณหมออีกคนหนึ่งคนละคนกับที่ไปตรวจทีแรก กะว่าจะให้คุณหมอฉีดยาระงับปวดให้น้องประมาณว่าถ้าเป็นคนก็คือมอร์ฟีน ให้น้องไม่เจ็บปวด พอไปถึงหมอ ๆ บอกว่าถ้าค่าไตขนาดนี้ต้องเข้าน้ำเกลือเข้าเส้นเลือดเลย เพื่อขับของเสียออกจากร่างกายให้เร็วที่สุด ถ้าค่าไตลงแล้วจะได้วางแผนรักษาต่อ ก่อนหน้านี้ผมก็ได้หาข้อมูลในเน็ตนะว่า ถ้าเร่งด่วนต้องให้น้ำเกลือที่เส้นเลือดดำทันที แต่คุณหมอคนแรกไม่ได้แนะนำไว้ แต่ตอนนั้นเลยบอกแค่ว่าช่างมัน เลยถามคุณหมอว่าคุณหมอตอนนี้ “ทันไหม” คุณหมอก็ทำท่าหนักใจแต่ก็ตอบผมว่า “ลองสู้ดู” ก็เลยฝากคุณหมอไว้ที่ รพ. เพื่อเข้าน้ำเกลือ กลับมาบ้านคืนนั้นนอนไม่หลับทั้งคืน ตอนเช้าโทรไปถามคุณหมอ คุณหมอก็บอกน้องร้องทั้งคืนเพิ่งหลับไป พอเคลียงานเสร็จ ก็รีบไปดู ดูแล้วอาการแย่กว่าเดิม จับพลิกตัวให้เช็ดตัวให้ไปจับหน้าเช็ดหน้าเช็ดตาให้ คุยด้วยแต่น้องไม่มีแรง แต่น้องรับรู้ได้ว่าเรามา อยากเอากลับบ้าน แต่ก็อยากหวัง หวังว่าน้องจะดีขึ้น ประกอบกับพรุ่งนี้มีงานสำคัญเลยตัดสินใจฝากน้องไว้อีกคืน คืนนี้กลับมาก็หลับบ้างไม่หลับบ้าง ทรมารจริงๆ 15 กุมภาพันธุ์ 2567 เช้าไปทำงานเสร็จเที่ยง ลา ครึ่งวันรีบไป รพ สัตว์ ไปนั่งเฝ้านั่งคุยจนบ่ายแก่ๆ จับหน้าน้อง จับจมูกถามว่ากลับบ้านกันไหมลูก น้องก็ทำท่าจะร้องแต่ก็ไม่มีแรง เลยบอกคุณหมอว่าจะเอากลับ โดยใส่น้ำเกลือไปด้วย เลยอุ้มขึ้นรถพากลับมาบ้านจัดที่ให้นอนตรงที่ประจำ เช็ดตัว เช็ดหน้าให้ ไปนั่งคุยด้วย เลยไปทำกิจวัตรตอนเย็นในบ้าน จนกระทั้งประมาณทุ่มนึงสังเกตุเห็น ไข่ต้มฉี่ในผ้าที่รองไว้ แล้วเหยียดตัว ซึ่งตั้งแต่ลุกไม่ได้ก็เห็นฉี่แบบนี้ แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม ผมลองเอานิ้วจิ้มบริเวณขอบตาน้องถ้าน้องรู้สึกตัวดีน้องจะขยิบตา แต่ครั้งนี้น้องไม่ขยิบตาแล้วเลยรู้ว่าน้องกำลังจะจากไปก็เลย รีบถอดสายน้ำเกลือออก เพื่อให้น้องสบาย โอบกอด บอกรักไข่ต้ม พูดให้น้องไปสู่ภพภูมิที่ดีกว่าเดิม ถ้ามาเกิดเป็นคนให้เกิดมาเป็นพ่อลูกกัน หรือใกล้ชิดกันจะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร น้องก็ทำท่าจะร้องตอบรับและลมหายใจก็แผ่วเบาไปเรื่อยๆ มือข้างนึงของผมก็จับตรงหัวใจของน้อง มันค่อยๆ เต้นช้าลงไปเรื่อย และน้องก็หมดลมหายใจสุดท้ายในอ้อมกอดของผมเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดที่สุด น้องมีอายุ 13 ปี 
สรุป
1.       น้องหมามีอายุ 6 ปี ขึ้นไป ควรพาไปตรวจเลือดทุกปี
2.       อาหารที่ให้กินควรเป็นอาหารที่มีโภชนาการเหมาะสมกับสุนัข ปัจจุบันมีแบบสำเร็จขาย และมีสูตรอาหารในอินเตอร์เน็ต
3.       น้องหมาอายุมากหากพบว่าเดินไม่คล่องแคล่วเหมือนเดิม ให้สันนิษฐานไว้ว่าป่วยให้รีบไปพบแพทย์
4.       ถ้าค่าไตอยู่ในค่าที่สูง ให้พิจารณาให้น้ำเกลือทางกระแสเลือดก่อน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่