คนที่ติดตามข่างสงครามนี้ผมว่าน่าจะได้ยินเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ฝั่ง EU ส่งให้ยูเครนบ้างแหละ ไหนจะ HIMARS, Leopard รุ่นต่างๆ, Challenger II, ปืนใหญ่ M777, M2 Bradley, M1 Abrams, มิสไซล์ Storm Shadow และอาวุธยุทโธปกรณ์อีกหลายๆอย่าง
ผมนั้นทุนเดิมแล้วสนใจอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีต้นกำเนิดมาจากสหภาพโซเวียด แน่นอนว่ามันก็ต้องตกมาที่รัสเซียหลังจากโซเวียดล่มสลายไป
ผมติดตามสงครามนี้ประมาณหลังการรุกตอบโต้ของยูเครนในแนวหน้าซาโปริสเซียนั้นล้มเหลว ใครหลายๆคนก็น่าจะเห็นอาวุธน้องใหม่ที่เพิ่งเห็นสงครามเป็นครั้งแรก
สำหรับฝั่งยูเครนก็น่าจะเป็น HIMARS ที่ยิงเข้าไปที่คลังสรรพาวุธแนวหลังของรัสเซียบ้าง, M2 Bradley ที่ดวลไปกับ T-90M บ้าง, ต้นสงครามก็โดรน TB-2 บ้างละ
เท่าที่ผมเห็นจากที่ดูมาผมแทบไม่เห็นกระทู้เกี่ยวกับอะไรแบบนี้สำหรับฝั่งรัสเซียเลยว่าจะเขียนให้ดูหน่อย
เริ่มจากอันที่น่าจะดังที่สุดในสงครามนี้เลยละกัน
LANCET 3
โดรนชนิดคามิคาเซย์ (หรือก็คือบินชนแล้วระเบิดนั่นแหละ) สามารถบรรจุหัวรบแบบ HEAT (High Explosive Anti-Tank) หนักสุด 3 กิโลกรัม ความเร็วสุงสุดราวๆ 80-110 กม/ชม. ใช่โดรนลาดตระเวนไม่ก็คนบังคับเองเพื่อล็อคเป้าหมายและกำจัดเป้าหมาย ราคาต่อหน่วยอยู่ประมาณ 20000-40000 usd (ราวๆ 7-14 ล้าน)
บอกได้อย่างแน่นอนเลยว่าเป็นหนึ่งในอาวุธที่เรียกว่าพลิกเกมจริงๆ คิดซะว่าเป็น Javelin เวอร์ชั่นเบบี๋แล้วกัน พลังทำลายล้างอาจไม่เทียบเท่าแต่ระยะหวังผลนี่เทียบไม่ติด (40 กิโล vs 4 กิโล) ง่ายๆคือถ้าโดนเจอแล้วไม่ยอมเปลี่ยนตำแหน่งก็มีโอกาสโดนโจมตีสูง (ยิ่ง Orlan-10 กับ FPV ลาดตระเวนเข้าไปอีก จะแอบซ่อนก็ยากอะนะ)
พลังทำลายล้างนั้นไม่ได้สูงพอที่จะทำลายรถถังทั้งคันได้แต่ว่าได้กลับเข้าอู่แน่นอนอย่างน้อย
จุดหลักที่ทำให้อาวุธชิ้นนี้นั้นดีถึงขั้น
กระทรวงกลาโหมอังกฤษออกมาประกาศก็น่าจะมาจากการที่ราคาของ Lancet นั้นถูกกว่าอาวุธเคียบเคียงไปพอสมควร ( Javelin 240,000 usd ต่อมิสไซล์ vs 20,000-40,000 ของ Lancet 3) และถูกกว่าเป้าหมายที่โจมตีไปหลายขุม (Leopard 2A6 29 ล้านยูโร) เลยทำให้สามารถผลิตจำนวนมากได้
พักหลังมาเหมือนมีข่าวว่าฝั่ง ZALA Group (บริษัททำ Lancet) ได้มีการใช้ AI เพื่อเพิ่มศักยภาพในการติดตามเป้าหมาย
ขนาดปีกหักยังโดนเลย
มีข่าวว่าทางบริษัทจะสร้าง Lancet ที่ถูกกว่านี้อีกโดยสละศักยภาพบางอย่างไปแต่ผมก็ยังไม่เคยเห็นมันออกภาคสนามนะ
อันที่สองนี้บอกสวัสดีมาจากฟากฟ้า
ชุดแปลงระเบิดร่อนแบบสากล (UMPK - Unified Planning and Correction Modules)
หรือถ้าแปลตามกูเกิ้ลก็
โมดูลการวางแผนและการแก้ไขแบบครบวงจร
*สังเกตตรงด้านล่างของระเบิด
ด้วยศักยภาพของอาวุธต่อต้านอากาศยานของยูเครนที่เล่นเก็บ Su-25, Ka-52, Mi-28, Mi-24 และอีกหลายอย่างจนรัสเซียไม่สามารถดำเนินการ CAS (Close Air Support) ได้เลย กองทัพอากาศรัสเซียก็ถือได้ว่าเกือบ AFK ไปเลยในช่วงถอยทัพกลับช่วงพฤศจิกายนปี 2022 เพราะว่าบินเข้าไปทิ้งระเบิดก็โดน Patriot, S-300, BUK หรือไม่ก็ IRIS-T สอยร่วงอยู่ดีเลยจำเป็นต้องหาทางปล่อยอาวุธโดยที่ไม่โดนยิงร่วงซะเอง
UMPK ให้อธิบายง่ายๆเลยก็คือระเบิดที่ติดปีกมาแหละครับ นักบินป้อนพิกัดเข้าเครื่องบิน (ส่วนใหญ่เป็น Su-34) ให้ระเบิดร่อนไป, บินไปในความเร็วและความสูงที่กำหนดไว้แล้วก็ทิ้งระเบิดลง ปีกก็จะกางร่อนระเบิดลงไปในที่ที่ตั้งไว้ สามารถใช้กับระเบิด FAB-250, FAB-500, RBK-500 (ระเบิดลูกปราย) และล่าสุดเลยคือ FAB-1500
ลักษณะหลังกางปีกออก (FAB-500)
เวลาตอนถูกปล่อย
ชุดแปลงนี้เห็นลือว่ามีการพัฒนาก่อนสงครามเริ่มนะ แต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ก็บังคับให้เร่งการพัฒนาชุดแปลงนี้ออกมาเร็วกว่าที่คาด
ดูเหมือนว่าในช่วงออกแบบก็มีอุปสรรคไม่น้อยเหมือนกัน บางทีปีกก็ออกแบบไม่ดีบ้างทำให้ระเบิดบินไม่ไป บางทีปีกก็ไม่กางออก(ระเบิดรัสเซียที่ร่วงใส่เบลการ็อดก็เพราะงี้แหละ โชคดีที่ไม่มีคนเจ็บ)
นักบินเองก็คอยให้ข้อปรับปรุงด้วยเหมือนกัน
การปรับปรุงก็น่าจะสำเร็จแหละเพราะว่าหลังช่วงการรุกตอบโต้ของยูเครนในแนวหน้าซาโปริสเซียนั้นล้มเหลวฝั่งรัสเซียก็เริ่มปาระเบิดร่อนกันเป็นว่าเล่น
ยิ่งแอฟดิฟการ์ยิ่งเล้วใหญ่
นี่คือมุมมองฝั่งยูเครนที่โดนนะ เหมือนจะอยู่ในชั้นใต้ดินของ Coke Plant
เพิ่มหลังโพสต์นึดหนึงนะครับ UMPK คือปีกนะครับไม่ใช่ระเบิด ระเบิดนั้นเป็นของที่รัสเซียมีอยู่แล้ว (ดองไว้ตั้งแต่สงครามเชเชนละ)
อันที่สามผมเชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยเห็นมา
KA-52
สมญานาม "จระเข้" ฮอลำนี่พูดได้ว่าเป็นลูกรักของคามอฟเลยทีเดียว เริ่มเดิมทีมาจากต้นแบบของ KA-50 ประมาณปี 1980 กว่าๆแล้วต้องไปแข่งกับ Mi-28 ในเรื่องของการสอดแนมและทำลายล้างในขณะที่โดนยิง (แบบสมมุติอะนะ)
KA-50 ในตอนนั้นเป็นฮอขับคนเดียวในขณะที่ Mi-28 นั้นเป็นฮอขับสองคน ถึงแม้ว่าระบบตรวจจับจะก้าวหน้ากว่า Mi-28 แต่ว่านักบินก็ไม่สามารถรับภาระทั้งบินและตระเวนหาศัตรูได้ในเวลาเดียวกันในขณะที่ Mi-28 ผ่านการทดสอบอย่างง่ายดาย
หลังจาก Mi-28 ได้ถูกปรับปรุงพร้อมยุทโธปกรณ์ใหม่หลังสงครามเชเชนฝั่งกองทัพรัสเซียก็สั่งยกเลิก KA-50 ทว่าคามอฟไม่ยอมแพ้ เล่นเอา KA-50 ตัวต้นแบบใช้สอดแนมโดยเฉพาะที่มีนักบินสองคนมาเป็นฐานในการสร้าง KA-52
ข้อสังเกตที่เห็นได้ชัดเจนที่ต่างจากฮอลำอื่นก็คือฮอลำนี้ไม้ใช้ใบพัดหลังแต่ไปใช้ใบพัดแกนรวมกัน (Coaxial Rotor) ข้อได้เปรียบหลักก็คือกำลังบินขึ้นมีเยอะกว่า, ยิงหางทิ้งก็ยังบินได้, บินง่าย แต่ว่าฝั่งช่างซ่อมบำรุงก็ต้องปวดหัวกันนิดหน่อยแหละ
เรื่องอาวุธนอกจากยุทโธปกรณ์ปกติอย่างจรวด S-8 แล้วก็มีมิสไซล์ต่อต้านรถถังกับ LMUR (มิสไซล์นำวิถิจากทีวี)
LMUR ดูไปก็เหมือนเล่น Battlefield 4 นะครับ
อันนี้คือเล่นทั้งขบวนจนไม่เหลืออะ (แนวหน้าซาโปริสเซีย)
ผมอาจจะมาเขียนกระทู้เพิ่มนะถ้าใครหลายคนสนใจของแบบนี้
อาวุธยุทโทปกรณ์ในสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ผมว่าน่าสนใจ (ฝั่งรัสเซีย)
ผมนั้นทุนเดิมแล้วสนใจอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีต้นกำเนิดมาจากสหภาพโซเวียด แน่นอนว่ามันก็ต้องตกมาที่รัสเซียหลังจากโซเวียดล่มสลายไป
ผมติดตามสงครามนี้ประมาณหลังการรุกตอบโต้ของยูเครนในแนวหน้าซาโปริสเซียนั้นล้มเหลว ใครหลายๆคนก็น่าจะเห็นอาวุธน้องใหม่ที่เพิ่งเห็นสงครามเป็นครั้งแรก
สำหรับฝั่งยูเครนก็น่าจะเป็น HIMARS ที่ยิงเข้าไปที่คลังสรรพาวุธแนวหลังของรัสเซียบ้าง, M2 Bradley ที่ดวลไปกับ T-90M บ้าง, ต้นสงครามก็โดรน TB-2 บ้างละ
เท่าที่ผมเห็นจากที่ดูมาผมแทบไม่เห็นกระทู้เกี่ยวกับอะไรแบบนี้สำหรับฝั่งรัสเซียเลยว่าจะเขียนให้ดูหน่อย
เริ่มจากอันที่น่าจะดังที่สุดในสงครามนี้เลยละกัน
LANCET 3
โดรนชนิดคามิคาเซย์ (หรือก็คือบินชนแล้วระเบิดนั่นแหละ) สามารถบรรจุหัวรบแบบ HEAT (High Explosive Anti-Tank) หนักสุด 3 กิโลกรัม ความเร็วสุงสุดราวๆ 80-110 กม/ชม. ใช่โดรนลาดตระเวนไม่ก็คนบังคับเองเพื่อล็อคเป้าหมายและกำจัดเป้าหมาย ราคาต่อหน่วยอยู่ประมาณ 20000-40000 usd (ราวๆ 7-14 ล้าน)
บอกได้อย่างแน่นอนเลยว่าเป็นหนึ่งในอาวุธที่เรียกว่าพลิกเกมจริงๆ คิดซะว่าเป็น Javelin เวอร์ชั่นเบบี๋แล้วกัน พลังทำลายล้างอาจไม่เทียบเท่าแต่ระยะหวังผลนี่เทียบไม่ติด (40 กิโล vs 4 กิโล) ง่ายๆคือถ้าโดนเจอแล้วไม่ยอมเปลี่ยนตำแหน่งก็มีโอกาสโดนโจมตีสูง (ยิ่ง Orlan-10 กับ FPV ลาดตระเวนเข้าไปอีก จะแอบซ่อนก็ยากอะนะ)
พลังทำลายล้างนั้นไม่ได้สูงพอที่จะทำลายรถถังทั้งคันได้แต่ว่าได้กลับเข้าอู่แน่นอนอย่างน้อย
จุดหลักที่ทำให้อาวุธชิ้นนี้นั้นดีถึงขั้นกระทรวงกลาโหมอังกฤษออกมาประกาศก็น่าจะมาจากการที่ราคาของ Lancet นั้นถูกกว่าอาวุธเคียบเคียงไปพอสมควร ( Javelin 240,000 usd ต่อมิสไซล์ vs 20,000-40,000 ของ Lancet 3) และถูกกว่าเป้าหมายที่โจมตีไปหลายขุม (Leopard 2A6 29 ล้านยูโร) เลยทำให้สามารถผลิตจำนวนมากได้
พักหลังมาเหมือนมีข่าวว่าฝั่ง ZALA Group (บริษัททำ Lancet) ได้มีการใช้ AI เพื่อเพิ่มศักยภาพในการติดตามเป้าหมาย ขนาดปีกหักยังโดนเลย
มีข่าวว่าทางบริษัทจะสร้าง Lancet ที่ถูกกว่านี้อีกโดยสละศักยภาพบางอย่างไปแต่ผมก็ยังไม่เคยเห็นมันออกภาคสนามนะ
อันที่สองนี้บอกสวัสดีมาจากฟากฟ้า
ชุดแปลงระเบิดร่อนแบบสากล (UMPK - Unified Planning and Correction Modules)
หรือถ้าแปลตามกูเกิ้ลก็ โมดูลการวางแผนและการแก้ไขแบบครบวงจร
*สังเกตตรงด้านล่างของระเบิด
ด้วยศักยภาพของอาวุธต่อต้านอากาศยานของยูเครนที่เล่นเก็บ Su-25, Ka-52, Mi-28, Mi-24 และอีกหลายอย่างจนรัสเซียไม่สามารถดำเนินการ CAS (Close Air Support) ได้เลย กองทัพอากาศรัสเซียก็ถือได้ว่าเกือบ AFK ไปเลยในช่วงถอยทัพกลับช่วงพฤศจิกายนปี 2022 เพราะว่าบินเข้าไปทิ้งระเบิดก็โดน Patriot, S-300, BUK หรือไม่ก็ IRIS-T สอยร่วงอยู่ดีเลยจำเป็นต้องหาทางปล่อยอาวุธโดยที่ไม่โดนยิงร่วงซะเอง
UMPK ให้อธิบายง่ายๆเลยก็คือระเบิดที่ติดปีกมาแหละครับ นักบินป้อนพิกัดเข้าเครื่องบิน (ส่วนใหญ่เป็น Su-34) ให้ระเบิดร่อนไป, บินไปในความเร็วและความสูงที่กำหนดไว้แล้วก็ทิ้งระเบิดลง ปีกก็จะกางร่อนระเบิดลงไปในที่ที่ตั้งไว้ สามารถใช้กับระเบิด FAB-250, FAB-500, RBK-500 (ระเบิดลูกปราย) และล่าสุดเลยคือ FAB-1500
ลักษณะหลังกางปีกออก (FAB-500) เวลาตอนถูกปล่อย
ชุดแปลงนี้เห็นลือว่ามีการพัฒนาก่อนสงครามเริ่มนะ แต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ก็บังคับให้เร่งการพัฒนาชุดแปลงนี้ออกมาเร็วกว่าที่คาด
ดูเหมือนว่าในช่วงออกแบบก็มีอุปสรรคไม่น้อยเหมือนกัน บางทีปีกก็ออกแบบไม่ดีบ้างทำให้ระเบิดบินไม่ไป บางทีปีกก็ไม่กางออก(ระเบิดรัสเซียที่ร่วงใส่เบลการ็อดก็เพราะงี้แหละ โชคดีที่ไม่มีคนเจ็บ) นักบินเองก็คอยให้ข้อปรับปรุงด้วยเหมือนกัน
การปรับปรุงก็น่าจะสำเร็จแหละเพราะว่าหลังช่วงการรุกตอบโต้ของยูเครนในแนวหน้าซาโปริสเซียนั้นล้มเหลวฝั่งรัสเซียก็เริ่มปาระเบิดร่อนกันเป็นว่าเล่น ยิ่งแอฟดิฟการ์ยิ่งเล้วใหญ่
นี่คือมุมมองฝั่งยูเครนที่โดนนะ เหมือนจะอยู่ในชั้นใต้ดินของ Coke Plant
เพิ่มหลังโพสต์นึดหนึงนะครับ UMPK คือปีกนะครับไม่ใช่ระเบิด ระเบิดนั้นเป็นของที่รัสเซียมีอยู่แล้ว (ดองไว้ตั้งแต่สงครามเชเชนละ)
อันที่สามผมเชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยเห็นมา
KA-52
สมญานาม "จระเข้" ฮอลำนี่พูดได้ว่าเป็นลูกรักของคามอฟเลยทีเดียว เริ่มเดิมทีมาจากต้นแบบของ KA-50 ประมาณปี 1980 กว่าๆแล้วต้องไปแข่งกับ Mi-28 ในเรื่องของการสอดแนมและทำลายล้างในขณะที่โดนยิง (แบบสมมุติอะนะ)
KA-50 ในตอนนั้นเป็นฮอขับคนเดียวในขณะที่ Mi-28 นั้นเป็นฮอขับสองคน ถึงแม้ว่าระบบตรวจจับจะก้าวหน้ากว่า Mi-28 แต่ว่านักบินก็ไม่สามารถรับภาระทั้งบินและตระเวนหาศัตรูได้ในเวลาเดียวกันในขณะที่ Mi-28 ผ่านการทดสอบอย่างง่ายดาย
หลังจาก Mi-28 ได้ถูกปรับปรุงพร้อมยุทโธปกรณ์ใหม่หลังสงครามเชเชนฝั่งกองทัพรัสเซียก็สั่งยกเลิก KA-50 ทว่าคามอฟไม่ยอมแพ้ เล่นเอา KA-50 ตัวต้นแบบใช้สอดแนมโดยเฉพาะที่มีนักบินสองคนมาเป็นฐานในการสร้าง KA-52
ข้อสังเกตที่เห็นได้ชัดเจนที่ต่างจากฮอลำอื่นก็คือฮอลำนี้ไม้ใช้ใบพัดหลังแต่ไปใช้ใบพัดแกนรวมกัน (Coaxial Rotor) ข้อได้เปรียบหลักก็คือกำลังบินขึ้นมีเยอะกว่า, ยิงหางทิ้งก็ยังบินได้, บินง่าย แต่ว่าฝั่งช่างซ่อมบำรุงก็ต้องปวดหัวกันนิดหน่อยแหละ
เรื่องอาวุธนอกจากยุทโธปกรณ์ปกติอย่างจรวด S-8 แล้วก็มีมิสไซล์ต่อต้านรถถังกับ LMUR (มิสไซล์นำวิถิจากทีวี)
LMUR ดูไปก็เหมือนเล่น Battlefield 4 นะครับ
อันนี้คือเล่นทั้งขบวนจนไม่เหลืออะ (แนวหน้าซาโปริสเซีย)
ผมอาจจะมาเขียนกระทู้เพิ่มนะถ้าใครหลายคนสนใจของแบบนี้