ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมทำธุรกิจเกี่ยวกับร้านอาหารอีสานตอนกลางคืน เปิดตั้งแต่ 18:00 - 03:00 เป็นเวลา 1 ปีกว่าแล้ว เช่าพื้นที่ 3 คูหาเพื่อเปิดร้าน โดยอาหารที่ขายจะมีอาหารอีสาน (ใช้พ่อครัว 1 คน) อาหารไทย (ใช้พ่อครัว 1 คน) ยำและส้มตำ (ใช้แม่ครัว 1 คน) และมือเขียง (ใช้มือเขียง 1 คน) คนล้างจาน 1 คน แคชเชียร์ 1 คน และยังมีเด็กเสิร์ฟ 3 คน
ทุกอย่างเป็นไปได้ดี ทั้งเรื่องรสชาติอาหารที่คงที่ รายรับรายจ่ายมั่นคงมีกำไร ส่วนเรื่องพนักงานมีออกเปลี่ยนหมุนเวียน จนได้ชุดพนักงานที่ค่อนข้างมั่นใจและซื่อสัตย์
ทุกอย่างปกติมากจนกระทั่ง พ่อครัวอาหารอีสานคนหนึ่ง ได้ขอลาออกไปเพื่อไปดูแลพ่อที่ป่วยหนัก ทางผมจึงได้โพสต์เฟสบุ๊คและทุกช่องทาง เพื่อที่จะหาพ่อครัว-แม่ครัวอาหารอีสานคนใหม่ ต้องการเพียง 1 คน แต่ว่าดันหาได้ 2 คนซะงั้น ส่วนตัวผมแล้วที่รับไว้ทั้งสองคน เพราะว่าผมเป็นคนที่ค่อนข้าง ให้โอกาสคนและยังเข้าใจหัวอกคนที่ต้องทำงานเพื่อนำเงินกลับไปดูแลครอบครัว
ผมจึงได้แบ่งหน้าที่ ระหว่างสองคนนี้ว่า ให้คนนึงเป็นคนอยู่หน้าครัวผมจะแทนคนนี้ว่า A มีหน้าที่เช็คสภาพอาหารและทำหน้าที่ย่างไปในตัว ส่วนอีกคน ผมจะเรียกว่า B ไปคอยเป็นคนช่วยเชฟอาหารไทยในเรื่องการทำอาหารอีสาน! มาถึงตรงนี้ทุกคนคงตกใจแล้วว่าทำไมผมถึงให้พนักงานคนใหม่คนนี้ถึงได้เป็นคนคอยช่วยเชฟไทยมาทำอาหารอีสาน เหตุผลเพราะว่าเค้าทำอาหารอีสานไม่ได้ แต่เก่งทางเรื่องจัดตกแต่งจาน การหั่น การซอย การแล่เนื้อค่อนข้างดี ตกใจใช่มั้ยครับ ด้วยความที่ผมเป็นคนให้โอกาสคน เลยให้เค้าเรียนรู้ในการทำอาหารกับพ่อครัวไทยทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปได้ดี
จนกระทั่ง! ตอนนี้ครัวอาหารอีสานได้นั่งรถกลับมาร้านโดยไม่บอกล่วงหน้า เพื่อที่จะมาขอทำอาหารอีสานอีกครั้ง ผมเห็นเค้าอีกครั้งคือตอนนั้นผมช็อคมาก เพราะทุกอย่างกำลังลงตัวในเรื่องคน และเงินเดือนของพนักงานกำลังอยู่ในเรทที่ยังพอจ่ายไหว จนผมคิดได้ถ้าเค้ากลับมาทำงานอีกครั้งผมต้องหาทางทำอะไรสักอย่างให้ร้านอยู่ได้ จึงได้เกิดความคิดที่ว่าควรเปิดร้านอาหารตอนกลางวันเพิ่ม
ส่วนตัวที่ผมคิดไว้และผมได้คิดเรื่องนี้มานานมากๆ แต่ว่ายังไม่ได้ตัดสินใจสักทีจนมาเจอเหตุการณ์นี้ขึ้น ผมจึงมีความคิดที่จะเปิดร้านอาหารเพิ่ม ในร้านเดิมแต่แยกระหว่าง เวลากลางวันและเวลากลางคืน
โดยธุรกิจที่ผมคิดไว้จะเปิดเป็นร้านข้าวกระเพรา ที่เป็นแฟรนไชส์ของคนที่รู้จัก การขายจะขายทั้งหน้าร้าน และออนไลน์โดยผ่านแอพ 3 เดลิเวอร์รี่ชั้นนำของไทย ทั้งไลน์แมน แกร็บฟู้ด โรบินฮู้ด โดยส่วนตัวที่ผมเลือกแค่ 3 เจ้านี้ ก็เพราะร้านอาหารอีสานตอนกลางคืนผมก็ขายผ่านทั้ง 3 เจ้านี้
สิ่งที่ได้จากแฟรนไชส์จะเป็น
- หลักสูตรอบรมผู้บริหารร้าน
- ทีม set up หน้าร้านในวันแรกที่เปิดร้าน
- คู่มือปฎิบัติงาน
- สื่อสนับสนุนการตลาด
- อุปกรณ์และวัตถุดิบเปิดร้าน
- อัพเมนูใหม่ตลอดสัญญา
- เครื่อง pos
ที่กล่าวมาทั้งหมดในมูลค่าแฟรนไชส์ 60,000 บาท และผมคิดไว้ว่าจะเอา นาย A และ นาย B ย้ายมาทำร้านกระเพราแทนร้านอาหารอีสานตอนกลางคืน เพื่อที่จะได้เพิ่มรายได้เพื่อที่จะนำมาจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงาน และยังนำรายได้ ที่ได้จากร้านกระเพรามาช่วยหารค่าเช่าร้านได้ด้วย
**โดยสิ่งที่ผมจะมาถามคือ**
1. ใครที่เคยเปิดร้านอาหารแบบเปิดทั้งกลางวันและกลางคืน แต่เป็นคนละธุรกิจโดยใช้ร้านเดียวกัน อยากรู้ว่ามีปัญหาอะไรบ้างที่ต้องเจอ และอยากขอคำแนะนำ
2. ธุรกิจเกี่ยวกับร้านขายข้าวกระเพรา ยังดีอยู่มั้ย
3. ถ้าต้องเปิดร้านอาหารในตอนกลางวันต้องเจออะไรบ้าง
4. อยากให้แนะนำว่าสิ่งที่ผมกำลังจะทำอยู่มันดีไหม
5. อยากให้เพื่อนๆ แนะนำหน่อยว่าต้องปรับปรุงอะไรบ้าง
ทำไงดี! เปิดร้านอาหารอีสานกลางคืน แต่อยากเปิดร้านกระเพราในตอนกลางวันด้วย
ทุกอย่างเป็นไปได้ดี ทั้งเรื่องรสชาติอาหารที่คงที่ รายรับรายจ่ายมั่นคงมีกำไร ส่วนเรื่องพนักงานมีออกเปลี่ยนหมุนเวียน จนได้ชุดพนักงานที่ค่อนข้างมั่นใจและซื่อสัตย์
ทุกอย่างปกติมากจนกระทั่ง พ่อครัวอาหารอีสานคนหนึ่ง ได้ขอลาออกไปเพื่อไปดูแลพ่อที่ป่วยหนัก ทางผมจึงได้โพสต์เฟสบุ๊คและทุกช่องทาง เพื่อที่จะหาพ่อครัว-แม่ครัวอาหารอีสานคนใหม่ ต้องการเพียง 1 คน แต่ว่าดันหาได้ 2 คนซะงั้น ส่วนตัวผมแล้วที่รับไว้ทั้งสองคน เพราะว่าผมเป็นคนที่ค่อนข้าง ให้โอกาสคนและยังเข้าใจหัวอกคนที่ต้องทำงานเพื่อนำเงินกลับไปดูแลครอบครัว
ผมจึงได้แบ่งหน้าที่ ระหว่างสองคนนี้ว่า ให้คนนึงเป็นคนอยู่หน้าครัวผมจะแทนคนนี้ว่า A มีหน้าที่เช็คสภาพอาหารและทำหน้าที่ย่างไปในตัว ส่วนอีกคน ผมจะเรียกว่า B ไปคอยเป็นคนช่วยเชฟอาหารไทยในเรื่องการทำอาหารอีสาน! มาถึงตรงนี้ทุกคนคงตกใจแล้วว่าทำไมผมถึงให้พนักงานคนใหม่คนนี้ถึงได้เป็นคนคอยช่วยเชฟไทยมาทำอาหารอีสาน เหตุผลเพราะว่าเค้าทำอาหารอีสานไม่ได้ แต่เก่งทางเรื่องจัดตกแต่งจาน การหั่น การซอย การแล่เนื้อค่อนข้างดี ตกใจใช่มั้ยครับ ด้วยความที่ผมเป็นคนให้โอกาสคน เลยให้เค้าเรียนรู้ในการทำอาหารกับพ่อครัวไทยทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปได้ดี
จนกระทั่ง! ตอนนี้ครัวอาหารอีสานได้นั่งรถกลับมาร้านโดยไม่บอกล่วงหน้า เพื่อที่จะมาขอทำอาหารอีสานอีกครั้ง ผมเห็นเค้าอีกครั้งคือตอนนั้นผมช็อคมาก เพราะทุกอย่างกำลังลงตัวในเรื่องคน และเงินเดือนของพนักงานกำลังอยู่ในเรทที่ยังพอจ่ายไหว จนผมคิดได้ถ้าเค้ากลับมาทำงานอีกครั้งผมต้องหาทางทำอะไรสักอย่างให้ร้านอยู่ได้ จึงได้เกิดความคิดที่ว่าควรเปิดร้านอาหารตอนกลางวันเพิ่ม
ส่วนตัวที่ผมคิดไว้และผมได้คิดเรื่องนี้มานานมากๆ แต่ว่ายังไม่ได้ตัดสินใจสักทีจนมาเจอเหตุการณ์นี้ขึ้น ผมจึงมีความคิดที่จะเปิดร้านอาหารเพิ่ม ในร้านเดิมแต่แยกระหว่าง เวลากลางวันและเวลากลางคืน
โดยธุรกิจที่ผมคิดไว้จะเปิดเป็นร้านข้าวกระเพรา ที่เป็นแฟรนไชส์ของคนที่รู้จัก การขายจะขายทั้งหน้าร้าน และออนไลน์โดยผ่านแอพ 3 เดลิเวอร์รี่ชั้นนำของไทย ทั้งไลน์แมน แกร็บฟู้ด โรบินฮู้ด โดยส่วนตัวที่ผมเลือกแค่ 3 เจ้านี้ ก็เพราะร้านอาหารอีสานตอนกลางคืนผมก็ขายผ่านทั้ง 3 เจ้านี้
สิ่งที่ได้จากแฟรนไชส์จะเป็น
- หลักสูตรอบรมผู้บริหารร้าน
- ทีม set up หน้าร้านในวันแรกที่เปิดร้าน
- คู่มือปฎิบัติงาน
- สื่อสนับสนุนการตลาด
- อุปกรณ์และวัตถุดิบเปิดร้าน
- อัพเมนูใหม่ตลอดสัญญา
- เครื่อง pos
ที่กล่าวมาทั้งหมดในมูลค่าแฟรนไชส์ 60,000 บาท และผมคิดไว้ว่าจะเอา นาย A และ นาย B ย้ายมาทำร้านกระเพราแทนร้านอาหารอีสานตอนกลางคืน เพื่อที่จะได้เพิ่มรายได้เพื่อที่จะนำมาจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงาน และยังนำรายได้ ที่ได้จากร้านกระเพรามาช่วยหารค่าเช่าร้านได้ด้วย
**โดยสิ่งที่ผมจะมาถามคือ**
1. ใครที่เคยเปิดร้านอาหารแบบเปิดทั้งกลางวันและกลางคืน แต่เป็นคนละธุรกิจโดยใช้ร้านเดียวกัน อยากรู้ว่ามีปัญหาอะไรบ้างที่ต้องเจอ และอยากขอคำแนะนำ
2. ธุรกิจเกี่ยวกับร้านขายข้าวกระเพรา ยังดีอยู่มั้ย
3. ถ้าต้องเปิดร้านอาหารในตอนกลางวันต้องเจออะไรบ้าง
4. อยากให้แนะนำว่าสิ่งที่ผมกำลังจะทำอยู่มันดีไหม
5. อยากให้เพื่อนๆ แนะนำหน่อยว่าต้องปรับปรุงอะไรบ้าง