(ขอถามชาวคริสเตียน ว่าแบบนี้มันถูกต้องหรือไม่) ไม่ได้ดูหมิ่น เพียงแค่สงสัย
คือผมได้รู้จักโบสถ์นึงที่เชียงใหม่ ซึ่งญาติผมถึงขั้นย้ายไปอยู่ใกล้โบสถ์นี้หลายสิบคนเลย และได้รับการเชิญชวนจากญาติๆ ผมก็เลยลองเปิดใจไป ซึ่ง กิจวัตรของโบสถ์นี้คือ วันอาทิตย์ 9โมง ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า และฟังเทศนาเกี่ยวกับพระคัมภีร์จนถึง12:00น. วันพุธ มีเรียนพระคัมภีร์ตอนเย็น ได้การบ้านคือ ให้ไปอ่านพระคัมภีร์บทนี้ๆ 10หน้า 20หน้าก็ว่าไปแล้วอาทิตย์หน้ามาสอบ ใครตอบไม่ถูกทำไม่ได้ต้องจ่ายเงิน ข้อละ20-100 ซึ่งผมก็ไม่ได้ถามว่าทำไมต้องจ่าย วันศุกร์ จะมีอธิฐานกับพระเจ้า ในตอน19:00-22:00 โดยการไปนั่งไปยืนคนละมุมของโบสถ์แล้วอธิษฐาน พึมพัมไป ซึ่ง
ที่ผมรู้สึกแปลกและสงสัยคือ เกี่ยวกับภาษาแปลกๆ เค้าจะอธิษฐานแล้วพูดกันประมาณว่า โยโลโลโลโลบาบาบาบา ยายายายาลาชาลาลา นะ มะ บะ ปะ อะไรก็ว่าไป แต่ไม่เป็นประโยคเลย ผมรู้สึกเหมือนมันไม่ใช่ภาษาแปลกๆเลยด้วยซ้ำ
แล้วคือพูดแบบนี้กันทุกคนเลย แล้ว วันอาทิตย์ ก็จะไปเชิญชวนคนนั้นคนนี้มาโบสถ์ แล้วคนที่มาก็จะถูกกดดัน โดยเหมือนพยายามกดดันให้หลับตาแล้วพูดภาษาแปลกๆ ( ไอบาๆลาๆ ให้ลิ้นรัวๆนั่นแหละ ) ถ้าพูดไม่ได้ ลิ้นยังไม่รัวไม่ไหล ก็จะให้พูดว่า ฮาเลลูย่ารัวๆ พอพูดได้ ก็จะถือว่าได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ละ คือ ส่วนตัวผมก็อ่านพระคัมภีร์ผ่านๆนะถึงจะไม่ได้รู้เยอะ แต่คือ แบบนี้มันใช่หรอ ทำไมรู้สึกเหมือนไม่ใช่เลย คือ. ผมก็โดนกดดันนะ เลยต้องจำใจพูดไป คือโดนกดดันแบบ พูดลาลาลาบาบาบาพวกเนี้ยอัดหูอัดหน้า และทำเหมือนเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามอ่ะ ผมก็ไปทำกิจกรรมแบบที่บอกไปกับเค้าได้อยู่เดือนนึง ซึ่ง ผมก็จำพี่ที่อายุมากสุดในกลุ่มนั่นแหละ ละพูดตาม ซึ่ง ผมก็พูดได้ แค่ ลาลาลาบาบาบาปามา อะไรแบบเนี้ย
ซึ่ง มันมีวันนึง เค้ามานั่งคุยกันว่ามีความเห็นยังไงกันบ้างกับกิจกรรมปีใหม่ที่ผ่านมา ผมเลยบอกความจริงไปว่า ผมได้รู้ความจริงว่าผมไม่น่าจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์อะไรหรอก ผมก็แค่พูดตาม แล้วเอาความเห็นของคนที่มาโบสถ์ที่เค้าคุยกันแล้วเราไปได้ยินมาบอกให้คนในโบสถ์รับรู้ อาจารย์ที่สอนพระคัมภีร์ เค้าก็บอกผมว่า นั่นเพราะยังมีข้อสงสัยอยู่ ต้องเปิดใจให้กับพระเจ้าแล้วจะได้เห็นความจริงอะไรแบบเนี้ย กลายเป็นว่า หลังจากนั้น คนในโบสถ์ทำตัวเหมือนไม่ชอบผมยังไงอย่างงั้นเลย จากตอนมาใหม่ๆ มีกินเลี้ยบมีทานอาหารเย็นกันก็ชวน แต่พอหละงจากวันนั้น ไปไหนไม่เคยชวนผมเลย กินบุฟเฟ่ไม่ชวนไปกันหมดยกเว้นผม ไปเที่ยว ก็ไปกันหมดยกเว้นผม จนผมรู้สึกเหมือนโดนญาติตัดขาดเลย คือแบบนี้มันถูกต้องแล้วหรอครับ
ไม่ได้หวังให้ทะเลาะหรือถกเถียงกัน เพียงแต่ผมแค่สงสัยกับโบสถ์นี้ที่ญาติๆผมเข้ามาหลายปีแค่นั้นครับ ว่ามันถูกต้องแล้วหรอการสอนการทำแบบนี้อ่ะ😅
โบสถ์แบบนี้มันถูกต้องหรือไม่ครับ?
คือผมได้รู้จักโบสถ์นึงที่เชียงใหม่ ซึ่งญาติผมถึงขั้นย้ายไปอยู่ใกล้โบสถ์นี้หลายสิบคนเลย และได้รับการเชิญชวนจากญาติๆ ผมก็เลยลองเปิดใจไป ซึ่ง กิจวัตรของโบสถ์นี้คือ วันอาทิตย์ 9โมง ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า และฟังเทศนาเกี่ยวกับพระคัมภีร์จนถึง12:00น. วันพุธ มีเรียนพระคัมภีร์ตอนเย็น ได้การบ้านคือ ให้ไปอ่านพระคัมภีร์บทนี้ๆ 10หน้า 20หน้าก็ว่าไปแล้วอาทิตย์หน้ามาสอบ ใครตอบไม่ถูกทำไม่ได้ต้องจ่ายเงิน ข้อละ20-100 ซึ่งผมก็ไม่ได้ถามว่าทำไมต้องจ่าย วันศุกร์ จะมีอธิฐานกับพระเจ้า ในตอน19:00-22:00 โดยการไปนั่งไปยืนคนละมุมของโบสถ์แล้วอธิษฐาน พึมพัมไป ซึ่ง
ที่ผมรู้สึกแปลกและสงสัยคือ เกี่ยวกับภาษาแปลกๆ เค้าจะอธิษฐานแล้วพูดกันประมาณว่า โยโลโลโลโลบาบาบาบา ยายายายาลาชาลาลา นะ มะ บะ ปะ อะไรก็ว่าไป แต่ไม่เป็นประโยคเลย ผมรู้สึกเหมือนมันไม่ใช่ภาษาแปลกๆเลยด้วยซ้ำ
แล้วคือพูดแบบนี้กันทุกคนเลย แล้ว วันอาทิตย์ ก็จะไปเชิญชวนคนนั้นคนนี้มาโบสถ์ แล้วคนที่มาก็จะถูกกดดัน โดยเหมือนพยายามกดดันให้หลับตาแล้วพูดภาษาแปลกๆ ( ไอบาๆลาๆ ให้ลิ้นรัวๆนั่นแหละ ) ถ้าพูดไม่ได้ ลิ้นยังไม่รัวไม่ไหล ก็จะให้พูดว่า ฮาเลลูย่ารัวๆ พอพูดได้ ก็จะถือว่าได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ละ คือ ส่วนตัวผมก็อ่านพระคัมภีร์ผ่านๆนะถึงจะไม่ได้รู้เยอะ แต่คือ แบบนี้มันใช่หรอ ทำไมรู้สึกเหมือนไม่ใช่เลย คือ. ผมก็โดนกดดันนะ เลยต้องจำใจพูดไป คือโดนกดดันแบบ พูดลาลาลาบาบาบาพวกเนี้ยอัดหูอัดหน้า และทำเหมือนเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามอ่ะ ผมก็ไปทำกิจกรรมแบบที่บอกไปกับเค้าได้อยู่เดือนนึง ซึ่ง ผมก็จำพี่ที่อายุมากสุดในกลุ่มนั่นแหละ ละพูดตาม ซึ่ง ผมก็พูดได้ แค่ ลาลาลาบาบาบาปามา อะไรแบบเนี้ย
ซึ่ง มันมีวันนึง เค้ามานั่งคุยกันว่ามีความเห็นยังไงกันบ้างกับกิจกรรมปีใหม่ที่ผ่านมา ผมเลยบอกความจริงไปว่า ผมได้รู้ความจริงว่าผมไม่น่าจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์อะไรหรอก ผมก็แค่พูดตาม แล้วเอาความเห็นของคนที่มาโบสถ์ที่เค้าคุยกันแล้วเราไปได้ยินมาบอกให้คนในโบสถ์รับรู้ อาจารย์ที่สอนพระคัมภีร์ เค้าก็บอกผมว่า นั่นเพราะยังมีข้อสงสัยอยู่ ต้องเปิดใจให้กับพระเจ้าแล้วจะได้เห็นความจริงอะไรแบบเนี้ย กลายเป็นว่า หลังจากนั้น คนในโบสถ์ทำตัวเหมือนไม่ชอบผมยังไงอย่างงั้นเลย จากตอนมาใหม่ๆ มีกินเลี้ยบมีทานอาหารเย็นกันก็ชวน แต่พอหละงจากวันนั้น ไปไหนไม่เคยชวนผมเลย กินบุฟเฟ่ไม่ชวนไปกันหมดยกเว้นผม ไปเที่ยว ก็ไปกันหมดยกเว้นผม จนผมรู้สึกเหมือนโดนญาติตัดขาดเลย คือแบบนี้มันถูกต้องแล้วหรอครับ
ไม่ได้หวังให้ทะเลาะหรือถกเถียงกัน เพียงแต่ผมแค่สงสัยกับโบสถ์นี้ที่ญาติๆผมเข้ามาหลายปีแค่นั้นครับ ว่ามันถูกต้องแล้วหรอการสอนการทำแบบนี้อ่ะ😅