สวัสดีค่ะ เรื่องค่อนข้างยาวนะคะ และเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเครียดมานานค่ะ เนื่องจากว่าได้รู้ว่าแม่ได้ให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับเพื่อนแม่คนหนึ่ง(ญ) เป็นเพื่อนที่รู้จักกันเพราะเรื่องงาน และเพื่อนแม่คนนี้ก็เข้ามาช่วยเหลือในกิจการที่บ้านจนถึงปัจจุบันเป็นเวลาประมาณหลายสิบปี (บ้านเรามีธุรกิจส่วนตัวค่ะ) ค่อนข้างสนิทกับที่บ้านเรา ไปเที่ยวด้วยกันเป็นครอบครัว พูดง่ายๆคือเป็นมือเป็นเท้าให้แม่เรา ซึ่งเราก็คิดกับเค้าเหมือนเป็นคนในครอบครัว มีรถให้ใช้ มีบ้านให้อยู่ พาไปเที่ยว ฯลฯ

ในช่วง 4-5 ปีหลังนี้เค้าไม่ได้ช่วยทางบ้านทำงานมากแล้ว แต่ก็ยังอาศัยอยู่ด้วยกัน พาแม่ไปเที่ยว พาพ่อไปหาหมอ และเค้าเริ่มติดพนัน เค้ารู้จักคนเยอะ และมาขอเงินแม่เราไปลงทุน บอกว่าจะไปลงทุน จะได้ผลตอบแทนเท่านี้ๆ แม่เราก็เชื่อและโอนเงินให้ แรกๆก็ให้ดอก หลังๆก็เริ่มมีปัญหา ติดเงินคนไปทั่ว ยืมเงินทุกคนที่รู้จัก เป็นหนี้บัตรเครดิตทุกใบจนเต็มวงเงิน โกหกแม่เพื่อเอาเงินไปต่อยอด เพื่อที่จะให้ดึงต้นออกมา (ฟีลเดียวกับแชร์ลูกโซ่) จนเราที่เป็นลูกก็ไม่ไหว ทั้งคุยทั้งทะเลาะกันกับแม่ และให้เค้าออกไปจากบ้าน แม่ก็สัญญาว่าจะไม่ช่วยแล้ว เพื่อความสงบสุขของบ้าน (มีเจ้าหนี้มาตามตัวเค้าถึงบ้านเรา แต่ละคนหน้าตาโหดๆ) ตอนนี้ที่รู้คือตัวเค้าก็ต้องระเห็จหนีเจ้าหนี้ไป 

หลังๆมานี้ทุกอย่างเริ่มปกติ จนมีวันนึงแม่มาขอเงินจำนวนหลายแสน เพื่อเอาไปโปะบัตรเครดิต เราจึงสงสัยและเริ่มทำการสืบ แอบเช็คสเตทเม้นท์แม่ และพบว่ามีการโอนเงินไปที่บัญชีเพื่อนแม่คนนี้เป็นจำนวนหลายแสนบาทต่อเดือน โดยบางยอดก็กดจากบัตรเครดิตด้วย

คำถามคือถ้าแบบนี้เราสามารถทำอะไรได้บ้างคะ เครียดมากๆ เพราะลำพังตัวเราเดือนนึงยังหาเงินได้ไม่เท่ากับที่แม่ใช้จ่ายเลย สามารถฟ้องแม่หรืออายัติบัญชีแม่เลยได้ไหมคะ หรือถ้าฟ้องเพื่อนแม่จะทำยังไงได้บ้าง ตอนนี้อยากให้แม่หยุดการโอนทุกอย่างเพราะกลัวว่าถ้าเราไปฟ้องเพื่อนแม่ แม่ก็จะโอนไปช่วยเค้าอีกค่ะ 

ป.ล. เคยเจรจา ทั้งคุยดี ทั้งทะเลาะ ทั้งร้องไห้มาก็แล้ว แม่ก็รับปากว่าจะไม่ทำ แต่ก็ทำอยู่ดี ตอนนี้มืดไปหมด นอนไม่หลับค่ะ ความไว้ใจมันหายไปเลย คิดว่าถ้าแค่เจรจาอย่างเดียวคงไม่ได้แล้ว