คำพิพากษานี้ชี้ช่องให้คนพุทธฟ้องผู้ที่เอาพุทธศาสนาไปแสวงหากำไรผลประโยชน์ได้ใช่ไหม?

ดิฉันได้อ่านคำพิพากษาของศาลที่มีต่อกรณี... - ไพรวัลย์วรรณบุตร| Facebook
ดิฉันได้อ่านคำพิพากษาของศาลที่มีต่อกรณีของอาจาร
ย์ที้เป็นไลฟ์โค้ชสอนธรรมะท่านหนึ่งแล้ว
ดิฉันปลาบปลื้มใจมากค่ะ

ดิฉันนี่เกือบจะยกมือขึ้นสาธุ
เมื่อได้อ่านคำพิพากษาบางช่วงบางตอนที่ว่าต่อไปนี้...

“...
ผู้เป็นพุทธศาสนิกชนย่อมต้องยอมรับว่าพระธรรมคำสั่ง
สอนที่ได้ประทานไว้ให้โดยมหากรุณานั้น
ย่อมเป็นสิ่งที่ประเสริฐสูงสุดมีคุณค่ายิ่งกว่าทรัพย์สินใดๆ
ในโลกและเป็นการประทานให้เปล่าๆ
ไม่ต้องใช้เงินหรือทองเข้าแลก

ดังนั้นจึงไม่เป็นการสมควรอย่างยิ่งที่เหล่าพุทธบริษัท4
ผู้หนึ่งผู้ใด
ที่ได้เรียนรู้พระธรรมแล้วจะอาศัยเอาพระธรรมนั้นออกแ
สดงเพื่อการค้าหรือเพื่อแสวงหาผลกำไร
เพราะเป็นการตีราคาพระธรรมคำสอนเทียบค่ากับเงินท
อง
เป็นการกระทำที่ไม่เคารพต่อพระรัตนตรัยประการหนึ่ง

เป็นหนทางที่จะนำไปสู่การเบียดเบียนในทางทรัพย์สินเงิ
นทองได้ประการหนึ่ง
ทำให้บุคคลที่ยังไม่ได้มั่นคงในพระรัตนตรัยพากันเสื่อม
ถอยหนีห่างไปจากศาสนาประการหนึ่ง
และประการสำคัญอีกประการหนึ่ง
ในการสั่งสอนหรือถ่ายทอดธรรมะให้บุคคลอื่น

ผู้ตั้งตนเป็นครูอาจารย์ต้องมีคุณสมบัติที่สำคัญคือ
เป็นผู้ได้เปรียญธรรมหรือศึกษาปฏิบัติธรรมจนเป็นผู้ข้า
มโคตรจากปุถุชนเป็นอริยะบุคคลอย่างชอบขั้นโสดาบัน
มีคุณธรรมวิเศษในใจ
มีดวงตาเห็นธรรมรู้เห็นอยู่ในแนวทางแห่งพระนิพพาน
มีมรรคองค์8 เป็นปฏิปทาในตนแล้ว
จึงค่อยสามารถให้การอบรมสั่งสอนปุถุชนผู้ยังมีปัญญา
มืดบอดแต่มีศรัทธาได้

เพราะคนที่ยังเป็นปุถุชนและยังไม่ได้เปรียญธรรม
หากเที่ยวไปสั่งสอนคนอื่น
ก็เท่ากับคนตาบอดเดินจูงคนตาบอดไป
ย่อมจะไม่สามารถถึงจุดหมายตามที่ปรารถนาได้
แต่กลับต้องประสบกับทุกข์และคลาดเคลื่อนออกนอกทา
งแห่งพรหมจรรย์ที่ทรงแสดงไว้ให้อย่างแน่แท้
และยิ่งหากเข้าลักษณะเป็นการใช้เงินจ้างในการจูง
ก็เป็นการพ้นวิสัยที่จะเอาผิดเอาโทษกับบุคคลผู้จูงทั้งใน
ทางแพ่งและทางอาญาได้

ด้วยเหตุผลที่เขาอ้างเอาว่าการชำระเงินเป็นความสมัคร
ใจของผู้อยากเรียนรู้ธรรม
และที่ใครไม่สามารถสร้างปัญญาได้ก็เป็นเรื่องของวาส
นาแต่ละบุคคลเท่านั้น

ดังนี้
หากมีบุคคลใดได้แสดงตนกระทำการดังกล่าวเช่นนั้นจึง
ไม่นับว่าเป็นบุคคลที่สมควรจะได้รับการยกย่องจากสาธุ
ชนทั่วไปว่า
เป็นผู้ประกอบคุณงามความดีหรือนำประโยชน์ทางศาส
นามาให้สังคมแต่ประการใด

ในขณะเดียวกัน
ก็ย่อมเป็นผู้ไม่สมควรที่จะได้ไปซึ่งเงินของบุคคลที่แสวง
หาที่พึ่งทางใจจากคำสอนในพระพุทธศาสนาอีกด้วย...”

ปล. สาธุศาลท่านเทศนาถึงเพียงนี้แล้ว
ต่อไปพวกที่ชอบอ้างตัวเป็นไลฟ์โค้ชเจ้าลัทธิเจ้าศาสดา
เปิดคร์อสเก็บเงินแอบอ้างสอนธรรมะส่งเดชไปเรื่อย
ได้มีร้อนๆหนาวๆบ้างล่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่