อยากเลิกกับสามีที่คบกันมา 12 ปี

เรากับสามีคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เรียนจบก็มาทำงานที่เดียวกัน อยู่ด้วยกันจนมีลูก 1 คน เราสองคนเลี้ยงลูกเอง ตอนนี้ลูก 6 ขวบ รวมระยะเวลา 12 ปี ที่อยู่ด้วยกันมา
เรากับสามีทำงานที่เดียวกันแต่คนละแผนก อาศัยบ้านพักของบริษัทอยู่ ตำแหน่งดีทั้งคู่ เงินเดือนทั้งหมดของสามีให้เราเก็บหมด กินเหล้าบางครั้ง ไม่เล่นการพนัน พูดน้อย เราอยากไปไหนเขาพาไปหมด ไม่ค่อยขัดใจ
เราไม่มีทรัพย์สินใหญ่ ๆ ด้วยกัน รถสองคันซื้อเป็นชื่อเรา ผ่อนหมด 1 คัน อีกคันพึ่งเริ่มผ่อน เงินเดือนเราสูงกว่าสามีประมาณหนึ่ง หนี้สินส่วนมากจะเป็นบัตรเครดิต และก็ค่าใช้จ่ายลูก พอใช้ ไม่พอเก็บ ถ้าเลิกกันเราต้องลำบากมากเรื่องเงิน แต่ทำไมเรายังอยากเลิกกับเขาอยู่ 
มันไม่ใช่ว่าพึ่งหมดรักเขา พึ่งอยากเลิกกับเขา เราคิดเรื่องนี้มาตลอดหลายปี แต่ก็เลิกไม่ได้สักที คิดจนเครียด มองหน้าลูกก็สงสาร มองดูตัวเองก็สงสาร ชีวิตเราลำบากมาแต่เด็ก โตขึ้นก็ลำบาก สามีเราไม่มีความเป็นผู้นำ ทุกย่างก้าวของเขาต้องมีเราชี้แนะ
เรื่องที่เราจำได้แม่น ไม่ต้องจดก็จำได้ขึ้นใจและลืมไม่ลงสักที ครั้งแรกตอนเราตั้งท้องอ่อน ๆ ให้เขาพาไปตรวจครรภ์ วันนั้นเขาเมาแต่นัดกับหมอไว้ เขาก็เลยพาเราไป เราบอกไม่ไป เขาบอกเขาขับรถได้และพาเราขึ้นรถ เราทั้งโกรธทั้งร้องไห้กลัวเขาจะพาเรากับลูกไปตาย
เรื่องที่สอง วันที่เราเจ็บท้องคลอด มันเจ็บทรมานจนเรานอนไม่ได้ นั่งมองสามีทำไมเขาหลับลงทั้งที่เรากำลังจะคลอดลูกของเขา ปลุกเขาขึ้นมานั่งเป็นเพื่อนเขาบอกว่าตื่นมาแล้วจะช่วยอะไรได้ นำตาตก
ก่อนหน้าที่เราตั้งท้องไม่ใช่ไม่มีปัญหา มันมีแต่เราไม่ได้ใส่ใจมาก ตอนนั้นเราแค่ดูแลตัวเอง เข้มแข็ง อยู่ได้ แต่พอมีลูกปัญหามันชัดขึ้นมาก
เรื่องที่สาม เราคลอดลูกได้ไม่กี่วัน เขาต้องไปงานแต่งเพื่อน เขาไปทั้งวัน เราบอกให้เขารีบกลับเราอยากกินเค้ก และลูกก็ยังเล็กมากด้วย มาช่วยกันดู เขาก็หายไปตั้งแต่ 7 โมงเช้า กลับมาตอนตี 2 เรานั่งกินเค้กเซเว่นทั้งน้ำตา
เรื่องที่สี่ ตอนนั้นลูกอยู่ในวัยกำลังซนพาไปกินหมูกะทะ เราก็หิวเค้าก็ตักกินไม่สนใจว่าเราจะหิวไหม กินจนเค้าอิ่มเขาค่อยเดินมาหาเรา เหตุการณ์แบบนี้เป็นบ่อย เขาจะสนใจกินอิ่มแค่ท้องของตัวเอง เรากับลูกทีหลัง
เรื่องที่หก เลี้ยงลูก บางทีที่ทำงานเรามีสังสรรค์เราแทบไม่เคยได้ไปเลย เพราะทิ้งลูกไว้กับสามีไม่ได้ แต่สามีเราไปตลอด ขอแค่มีกินเลี้ยงกับเพื่อนกับฝูงก็ไปหาไม่เคยขาด เราเคยโทรตามเพราะติดต่อเขาไม่ำด้กลัวเขาตาย แต่ตอนนี้เราเลิกดทรแล้ว แล้วแต่จะกลับ แล้วแต่จะไป ตายมาก็ทำศพแค่นั้น
เรื่องที่เจ็ด เรื่องที่เราหนักใจและเหนื่อยที่สุดในชีวิตคือเรื่องที่สามีไม่ช่วยงานบ้าน เขาไม่เคยช่วยเลย ซักผ้า ล้างถ้วย กวาดบ้าน เก็บขยะ เขาไม่ทำเลย ผ้าไม่มีใส่ก็จะบอกเราให้ซัก และเราเหนื่อยสุด ๆ เพราะทำงานข้างนอกด้วยกลับมาก็ต้องเลี้ยงลูก เก็บบ้าน ทำกับข้าว ไม่ทำก็ไม่ได้กิน 
จริงๆ มันมีอีกเยอะมาก รายละเอียดยิบย่อยเต็มไปหมด เราอยากเลิกไม่ใช่เพราะมีคนอื่น แต่เราเหนื่อย เราคุยกันเรื่องช่วยงานบ้าน เรื่องดูลูกหลายต่อหลายครั้งเขาก็ไม่ทำ เราไม่ค่อยบ่น ไม่อยากทำเราก็ทำ น้อยครั้งมากที่เราจะบ่น แต่ถ้าทนไม่ไหวเราจะด่าเลย สุดท้ายเขาก็เป็นเหมือนเดิม
เพื่อนที่เราสนิทเราก็ปรึกษาแล้ว เขาก็บอกให้เราอดทน หันมาคุยกันดี ๆ สงสารลูกเรา บลาๆ เราย้ำหลายรอบมากว่าเราคุยแล้ว แต่ก็เหมือนเดิม โอกาสสำหรับคนแบบนี้มันจะมีได้ตลอดไปเลยหรือไง
เราเหนื่อยจนเรานอนร้องไห้ทุกคืน คิดอยู่คำเดียวว่าอยากเลิก คิดจนจะเป็นประสาท เรากับสามีแยกกันนอนได้ 3 เดือนแล้ว แต่เขาก็เฉื่อย ไม่สนใจ ยังอยู่บ้านเดียวกัน ข้าวก็มีเราหาให้กินเหมือนเดิม
มีใครพอเจอเหตุการณ์คล้ายๆ กันที่พอจะแนะนำเราได้ไหมคะ เราไม่มีความสุขเลย ถ้าเลิกกันลูกอยู่กับเราแน่ ๆ และหนี้สินที่สร้างกันมาก็อยู่กับเราด้วย เชื่อว่าถ้าเขาไปจริง ๆ เขาไม่ส่งเสียเลี้ยงดูลูกแน่นอน
ขอคำแนะนำ และทางออกปัญหาชีวิตคู่แบบนี้ให้เราด้วยนะคะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
คิดว่า
ตัวตนจริง ๆ ของสามีคุณเป็นคนดี พึ่งพาได้ และถ้าเขาจะทำจริง ๆ ก็ทำได้

แต่ด้วยพฤติกรรมเคยชินที่คบกันมานานตั้งแต่สมัยเรียน เลยทำให้เขาไม่มีความจำเป็นที่ต้องพัฒนาตัวเอง เพราะเขาคิดว่าเขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรสุดท้ายคุณก็จะจัดการเองให้หมด เพราะคุณเป็น comfort zone ให้เขามาตลอด

ทางที่ดีคือการพากันปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาครอบครัว

แต่ถ้าทำไม่ได้หรือไม่สะดวก ควรคุยกับเขาแบบผู้ใหญ่ ไม่ต้องด่า ไม่ต้องว่า ไม่ต้องน้อยใจ หรือ โกรธ พูดกันแบบผู้ใหญ่จริง ๆ บอกเขาให้ชัดเจนเลยว่า คุณไม่โอเคกับสภาพแบบนี้ และคุณต้องการจะขอเลิก หรือ อยู่ห่างกันพักหนึ่ง (ไม่ต้องเปิดข้อต่อรองว่าให้เขาปรับปรุงตัวก่อน เพราะนั่นคือสิ่งที่เขาต้องพิสูจน์ให้คุณเห็น ไม่ใช่แค่สัญญาว่าจะทำทีหลัง) ถ้าเขายังอยากจะอยู่ในชีวิตคุณและลูกแบบครอบครัว ก็ให้เขาไป reset ความคิดเขา ว่าตอนนี้เป็นพ่อ แม่ ลูก กันแล้ว ไม่ใช่แฟนวัยรุ่นสมัยวิทยาลัย คุณไม่ใช่เด็กสาวคนเดิมตอนนั้นแล้ว เขาก็ไม่ใช่ชายหนุ่มคนนั้นเหมือนกัน เพื่อปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมารับรู้ความจริงก่อน และเขาควรอยู่คนเดียวสักพักเพื่อปรับปรุงตัว และ พิสูจน์ตัวเองใหม่

ถ้าเขาทำไม่ได้ และเลือกที่จะไปมีแฟนใหม่ ก็แสดงว่าคุณเลือกสามีผิดตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว จากนั้นก็ยอมรับความผิดพลาดตรงนี้ แล้ว ก้าวไปข้างหน้าต่อ
ความคิดเห็นที่ 49
สมแล้วที่เป็นพันทิป ดินแดนที่ทุก platform ขนานนามว่าโลกสวย มุมมองทุกมุมมอง คอมเม้นท์ผ่านฟิลเตอร์สีกุหลาบตลอดเวลา
หรือไม่ก็อ่านแล้วเข้าใจแบบเปลือกๆ เลยมองว่าเรื่องไม่ใหญ่
ยังจะต้องมาบอกว่า ลึกๆเป็นคนดี หรือลึกๆแล้วพึ่งพาได้ หรือ เรื่องแค่นี้เป็นเรื่องเล็กน้อย หรือลองเปิดใจคุยดูอีกหรอคะ อ่านแล้วขนลุก

ไปทำอีท่าไหนถึงคว้าคนแบบนี้มาเป็นสามีได้อ่ะคะ คุณคือตัวอย่างที่ทำให้สาวโสดดีใจว่าตัวเองยังโสด หรือดีนะที่ไม่ใช่เรา

คาดว่าตอนรักกันใหม่ๆ อุจจาระน่าจะยังหอมอยู่ หรือยังอยู่ในช่วงโปร ทนๆกันได้หรือทำเพื่อกันได้ เลยมองไม่เห็น red flag
ของอย่างนี้ คนมีตามอง ตาไม่บอด ใจไม่บอดก็ควรรู้เเล้วว่า คนที่เรารักกำลังลำบาก ต้องให้บอกว่าช่วยเลี้ยงลูก ช่วยอยู่เป้นเพื่อน ช่วยดูลูกหรอ???

อายุเท่าไร เด็กก็เกิดมาจากคนสองคน บ้านก็อยู่อาศัยใช้ร่วมกัน มาโยนภาระให้คนๆนึงทำ เป็นแค่รูมเมทเป็นเเค่เพื่อนยังต้องคิดได้เลยว่าต้องช่วยกัน นี่อะไร อีกครึ่งของชีวิตแท้ๆ ไม่มีความเห็นอกเห็นใจกัน ต้องมานั่งเปิดใจอะไรอิ๊กกก สังคมไทยนี่ สปอยล์ผู้ชายมากนะ มองว่าเป็นเรื่องปกติ ผู้ชายไม่ช่วยงานบ้าน ไม่ช่วยไม่ว่าถ้าเค้ามีปัญญาจัดการมาจ้างคนดูแลบ้าน เนื่องจากทั้งคู่ทำงาน ไม่ใช่ นั่งกระดิกเท้าดูคุณทำงานบ้าน กระดิกเท้าดูคุณดูลูก นั่งย่างหมูอย่างเลือดเย็นให้คุณดูลูก ออกไปสังสรรค์ได้โดยไม่แบ่งภาระดูลูก ถามสังคมจริงๆ นี่เรื่องปกติหรอ แถมบอกว่ามีไรให้พูดคุยกัน ถามจริงอีกรอบ เป็นเด็กอายุ 9 ขวบเหรอต้องมาให้บอกให้สั่งสอน
สังคมเรานี่มี a boy  มากกว่า a man ใช่มั้ยอ่ะคะ แถมดันมีผู้หญิงโลกสวยคิดว่าเค้าจะเปลี่ยนหลังจากคว้าเอามาเป็นผัวอีก ระทมคูณสองเลย

คำตอบของกระทู้นี้คือทน ถ้าไม่อยากเลิก ไม่ต้องไปเปิดใจไรหรอก ท้ายๆเรื่องคุณก็บอกอยู่ว่าถ้าเลิก เค้าไปแน่ แถมน่าจะไม่ช่วยส่งเสียเรืองลูกอีก ดิฉันเศร้าแทนเลยนะคะ ถ้ายังจำเป็นต้องเฉลี่ยเรื่องเงินกับเค้า ปลงอย่างเดียวเลยค่ะ
ความคิดเห็นที่ 11
ส่วนของเรา เราทำงานนอกบ้าน เค้าทำงานที่บ้าน แต่งงานจดทะเบียนกันมา 14 ปี เรื่องมันเริ่มตอนลูกคนเล็กอายุได้ 5 ขวบ(ปัจจุบันคนโต 14 คนเล็ก12) เราเบื่อพฤติกรรมเค้า (ตอนนั้นเค้าเริ่มออกมาทำงานที่บ้านสอนออนไลน์แล้ว) หน้าที่เค้าแค่รับ-ส่งลูกไปรร. แต่ลูกห้ามโอเอ้หลังเลิกเรียน งานบ้านไม่ทำแถมทำรก อาหารเตรียมให้ไม่ทาน พอไม่เตรียม..บ่นเรา หยาบคาย โมโหร้ายใส่ลูกเวลาที่ลูกเอาขนมเค้าไปทาน กับทุกเรื่องที่ไม่ได้ดังใจเค้า

สำหรับเราเค้าไม่เคยเป็นที่พึ่งให้เรา เราบอกว่าหลอดไฟมันขาดเปลี่ยนให้หน่อย เราซื้อหลอดมาให้แล้ว เค้ากลับบอกเราว่าไม่มีบันไดเปลี่ยน เราต้องทำเองทั้งๆที่เค้าสูงกว่าเราแค่ใช้เก้าอี้เขย่งนิดหน่อย สายฉีดชำระก็เช่นกันอ้างว่าไม่มีเครื่องมือ ทั้งๆที่แค่มือหมุนก็ออก ยังไม่หมด เราไปสัมมนา ตจว. เค้าไลน์มาให้เราสั่ง7 ให้หน่อยทั้งๆที่ร้าน C อยู่หน้าหมู่บ้านเดินไปก็ได้ หรือจะไป 7 รถก็มี (รถชื่อเราแต่เราขับไม่เป็น) รถยางแบนก็โทรบอกให้เราจัดการ ต่อภาษีต่อประกันเกี่ยวกับรถก็เรา เราบอกให้ไปขวาเค้าไปซ้ายพอปัญหาเกิดเราต้องเป็นคนแก้ปัญหา

2 ปีที่แล้วลูกคนโตป่วยด้วยโรคประจำตัว เข้า-ออกรพ.เป็นว่าเล่น เราคนเดียวที่พาลูกรพ. ลูกแอดมิดก็เราเฝ้ากลางคืน เช้าไปทำงาน เราบอกให้มาช่วยเฝ้ากลางวัน เค้ากลับบอกว่าถ้าเค้าไม่สอนหนังสือจะจะขาดรายได้ เราต้องจ้างพยาบาลพิเศษเฝ้าลูก (กฎรพ.ผป.เด็กต้องมีคนเฝ้าแม้จะเป็นห้องพิเศษ) ไปโดยลางานบ้าง ขออนุญาตนายไปแวปไปครึ่งวันบ้าง ปีที่แล้วเราใช้วันลาเกินสิทธิโชคยังดีที่นายช่วย เค้าไม่เคยรู้แม้กระทั่งวิธีเจาะเลือด + ฉีดยาให้ลูก ในขณะที่คนน้องทำให้พี่ได้

เราแยกห้องนอนกัน 7 ปี เมื่อพ.ค.ปีที่แล้วเราหมดความอดทด ขอแยกทาง เค้าไม่ยอมหย่า เราเสนอเงินให้ 50,000 พร้อมตั๋วเครื่องบิน(เที่ยวเดียว) เค้าบอกเค้าจะเอาคนเล็กไปเราไม่ให้ เราบอกเค้าว่าเราจะเป็นคนจองตั๋วให้เอง หลังจากหย่าตอนหลังเค้าไม่ยอม ไปจองตั๋วเองจากเงิน5หมื่น แล้วบินกลับทั้งๆที่ยังไม่หย่า ขนาดกลับไปแล้วยังไลน์มาขอเงินเราเลยโอนให้ไป 5พันแล้วบล็อค

รายได้เค้าไม่แน่นอนบางเดือน 1-2หมื่น บ้างเดือน 4หมื่น บางเดือนไม่มีเลย เค้าให้เราเกือบหมด (รายได้เราแน่นอน)  ตอนช่วงโควิดเค้าก็แทบไม่ได้สอนออน์ไลน์ไม่มีเงินเลยตอนนั้นเด็กนร.ส่วนใหญ่เป็นเด็กจากจีน เราเลยหานร.ไทยมาให้เค้าสอน เลยเป็นจุดเริ่มต้นทำธุรกิจเล็กๆ แต่ตอนหลังเรามารู้ว่าเค้าเอาครูที่เราจ้างสอนไปสอนโดยเก็บราคานร.ต่ำกว่าเรทครู (ขาดทุน) แล้วไม่จ่ายค่าครู 2 เดือน เราต้องเคลีร์ยเองทั้งหมด  
เราเปิด home kitchen ที่บ้านรับออเดอร์ที่ทำงาน หมู่บ้าน + grab ในวันหยุดกับตอนเย็นมีแต่ลูกที่คอยช่วยวิ่งส่งในหมู่บ้าน เค้าไม่เคยช่วยเลย ที่กินที่ใช้ ค่าบ้าน เราออกทั้งหมด หนี้บัตรเครคิต เราต้องจำใจถอนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพออกมา ตอนนี้กลับเข้าไปใหม่เรียบร้อยเดี๋ยวเกษียณแล้วจะแย่ ค่าไฟที่บ้านเดือนละ 6-7พัน เค้าเปิดแอร์ทั้งวัน แถมเปิดแอร์ให้หมาอยู่ด้วยอีกห้อง เราด่าเปิงเลย

ตามคาดเราต้องรับผิดชอบหนี้สินคนเดียว ตั้งแต่เค้าไปไม่เคยส่งเงินมา (ไม่มาขอก็บุญแล้ว) ตอนนี้แยกกันมาจะเกินครึ่งปีแล้ว เรารู้สึกว่าสบายใจไม่ได้มีอะไรหนักสำหรับเรา เพราะเราทำเองได้ตั้งแต่ต้น แถมมีคนใหม่มาช่วยดูแลใส่ใจเรา ตอนนี้ที่อยากได้คือ "ทะเบียนหย่า"
ความคิดเห็นที่ 2
บางทีอิสระภาพมันสำคัญกว่าเงินนะ รถยนต์คันที่ผ่อนหมดคุณก็เก็บไว้ คันที่ผ่อนไม่หมดก็ขายไป
หนี้สินเบาบางลง ก็เลิกกับสามี ปล่อยเค้าไปแต่ตัวนั่นล่ะ ตอนหย่าก็สลักหลังให้เค้าส่งค่าเลี้ยงดูลูกเดือนละเท่าไรก็ว่าไป
แต่ในความเป็นจริง ส่งหรือไม่ส่ง ค่อยว่ากันอีกที
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่