แทบฆ่าตัวตาย! ผอ.สำนักพุทธขอนแก่นเสียท่ามิจฉาชีพ ถูกดูดเงินเกลี้ยงบัญชี

อีกหนึ่งอุทาหรณ์ ที่เราต้องระมัดระวังตัวกันอย่างสุดความสามารถ เพราะถ้าเงินออกจากบัญชีแล้วโอกาสจะได้คืนเป็นศูนย์ …และที่น่าสนใจการฟ้องร้องธนาคาร ตามที่ผู้เสียหายดำเนินการ จะชนะคดี นำไปสู่การได้รับเงินชดใช้คืนจากธนาคารหรือไม่

///////////////

แทบฆ่าตัวตาย! ผอ.สำนักพุทธขอนแก่นเสียท่ามิจฉาชีพ ถูกดูดเงินเกลี้ยงบัญชี

เผยแพร่: 13 ก.พ. 2567 15:47   ปรับปรุง: 13 ก.พ. 2567 18:28   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่นถูกมิจฉาชีพดูดเงินหายไปในพริบตาจากบัญชี จำนวนกว่า 1.19 ล้านบาท หลังกดลิงก์สมัครสมาชิกบัตรของการบินไทยตอนบ่าย ตกเย็นเงินหายเกลี้ยงบัญชีเหลือแค่ 87 สตางค์ คิดหนักเกือบฆ่าตัวตาย

อุทาหรณ์ มิจฉาชีพหลอกดูดเงินเกลี้ยงบัญชี โดยผู้เสียหายรายล่าสุดคือ ว่าที่ร้อยตรี จุลสัน ทันอินทร์อาจ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น ซึ่งถูกมิจฉาชีพหลอกดูดเงินจากบัญชีธนาคาร หลังจากไปสมัครสมาชิกบัตรการบินไทย ซึ่งมิจฉาชีพหลอกให้สแกนใบหน้าเป็นหลักฐานสมัคร สุดท้ายเงินฝากในบัญชีธนาคารกรุงไทยถูกโอนหายเกลี้ยงบัญชี

ว่าที่ร้อยตรี จุลสัน ทันอินทร์อาจ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยถึงเหตุถูกมิจฉาชีพดูดเงินเกลี้ยงบัญชีว่า เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมาตั้งใจจะจองตั๋วเครื่องบินไป กทม.วันที่ 5-6 ก.พ. จึงได้หาซื้อตั๋วเครื่องบินในกูเกิล จากนั้นเห็นลิงก์ของสายการบินไทย จึงได้สอบถามราคาตั๋ว แต่ก็ยังไม่ทันได้ซื้อตั๋ว เพราะจองสายการบินอื่นได้ก่อน เพราะราคาถูกกว่า จากนั้นได้มีไลน์สายการบินไทยทักมาว่าสนใจสมัครสมาชิกไว้หรือไม่ ตนเห็นว่าสายการบินไทยเป็นของคนไทย สมัครสมาชิกไว้ก็ไม่เสียหลาย ถือเป็นการช่วยสายการบินของไทยไปในตัว

จึงตัดสินใจสมัคร โดยส่งชื่อภาษาอังกฤษกับเบอร์โทรศัพท์ประจำตำแหน่งให้ ซึ่งไม่ใช่เบอร์ส่วนตัวที่ผูกกับแอปฯ ธนาคารกรุงไทยเพราะกลัวมิจฉาชีพ จากนั้นช่วงบ่ายมีไลน์ของการบินไทยที่ใช้ติดต่อกันนั้นวิดีโอคอลเข้ามาหา ตนจึงรับสาย แต่ต้นทางไม่เปิดหน้า จากนั้นให้ตนยืนยันการสมัคร มีทั้งการสแกนใบหน้า ตนคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัยของสายการบินจึงต้องมีการสแกนใบหน้าและตั้งรหัส ก่อนมิจฉาชีพจะวางสายไป




จากนั้นวันเดียวกันช่วงค่ำตนจึงเปิดแอปฯ ธนาคารกรุงไทยเพื่อเช็กเงินในบัญชี แต่พอดูยอดเงินกลับเหลือเพียง 0.87 สตางค์ จึงช็อกมากว่าเงินหายไปได้อย่างไร วันเดียวกันในเวลา 5 ทุ่มจึงไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ โทร.เข้าธนาคาร ตอนเช้าก็ไปแจ้งธนาคาร แต่ทำอะไรไม่ได้ ทางตำรวจอายัดได้ 2 บัญชีที่เงินถูกโอนไป คือธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ กับกรุงศรีอยุธยา แต่มีเงินเหลือแค่ 300 บาทเศษในบัญชีที่ถูกอายัด จากนั้นตนจึงเดินทางไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานตำรวจไซเบอร์ที่ส่วนกลาง ก่อนจะทำเรื่องยื่นฟ้องคดีผู้บริโภคกับธนาคารเจ้าของบัญชีทาง E-filing

ว่าที่ร้อยตรี จุลสันยืนยันว่าไม่ได้เกิดจากความประมาทของตนเอง เพราะไม่ได้เปิดแอปฯ ธนาคารกรุงไทยเลยขณะทำรายการกับลิงก์ที่อ้างว่าเป็นของการบินไทย แต่เป็นการทักไปในไลน์ และส่งเฉพาะเบอร์มือถือที่ไม่ได้ผูกกับธนาคาร และตั้งค่าการโอนเงินไว้ไม่เกิน 500,000 บาท แต่เคสนี้โอนออกเป็นล้าน และการโอนเงินเกิน 50,000 ต้องสแกนใบหน้า ซึ่งที่ว่ามาก็เป็นเพียงการให้ธนาคารผู้รับฝากชดใช้เงินอันเกิดจากระบบความปลอดภัยทางธนาคารไม่เพียงพอ

แต่ท้ายสุดในส่วนของคดีอาญาก็ตามเอาเงินคืนกับมิจฉาชีพชีพไม่ได้อยู่ดีเพราะหาตัวตนไม่เจอ และในวันเดียวกันกับที่ ผอ.ถูกดูดเงินนั้น มีคนไปธนาคารพร้อมกันอีก 2 ท่าน โดยคนหนึ่งถูกดูดไปถึง 4 ล้านบาท ทาง ผอ.จึงดำเนินคดีจ้างทนายฟ้องธนาคาร โดยนำทองไปขายเพื่อนำเป็นค่าใช้จ่ายและฟ้องคดี

“วันแรกยอมรับว่าคิดฆ่าตัวตาย จึงได้โทร.ไปลาพระผู้ใหญ่ที่ผมรู้จัก จากนั้นพระท่านสอนว่าคนเราเกิดมาตัวเปล่ากลับไปก็ตัวเปล่า ฉะนั้นอย่าให้การสูญเสียครั้งนี้มาทำลายชีวิตเราที่เหลืออยู่ ทำให้ผมตัดสินใจที่จะไม่ทำร้ายชีวิตของตัวเอง” ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่นกล่าว

ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์
https://mgronline.com/local/detail/9670000013289?tbref=hp
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่