เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย
https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/216876
หนุ่มถูกหลอกทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แฉกลยุทธ์ใหม่หลอกคุยแค่ 2 นาที ก็ดูดเงินผ่านแอปได้เกลี้ยงบัญชี-ไม่ต้องกดลิงค์ ชี้ข้าราชการเสี่ยงตกเป็นเหยื่อ
วันที่ 12 ก.พ. 2567 นายเอ นามสมมุติ อายุ 23 ปี เป็นหนึ่งในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คนไทยที่ถูก หลอกไปทำงานที่เมืองปอยเปต กัมพูชา ได้เข้าให้ข้อมูลกับเพจสายไหมต้องรอด หลังหาทางหลบหนีออกมาได้
โดยเขาระบุว่าเดินทางไปทำงาน เมื่อวันที่ 1 ม.ค.2567 ในภูริคาสิโน ซึ่งเขาอ้างว่า ถูกหลอกให้ทำงานโดยการโทรกลับมาหลอกคนไทย เพื่อดูดเงิน ภายหลังได้พยายามหาทางหลบหนีออกมา เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา พอหนีรอดพ้นก็เข้ามาที่เพจสายไหมต้องรอดเพื่อที่จะให้ข้อมูล และเตือนประชาชนคนไทยทุกคน
นายเอ เล่าให้ฟังว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตนไปทำงานนั้น มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย มากมีเครื่องดูดเงินจำนวน 4 เครื่อง เป็นเครื่องที่มีมูลค่า มากกว่า 120 ล้านบาท ซึ่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์แก๊งนี้เจ้าของเป็นคนจีน ได้ซื้อข้อมูลจากธนาคารรัฐแห่งหนึ่งในประเทศไทย และค่ายมือถือค่ายหนึ่ง
ซึ่งตนเป็นคนที่เห็นข้อมูลของ คนไทยพบว่าส่วนใหญ่ ข้อมูลที่ถูกขายมาจะเป็นกลุ่ม ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่มีเงินในบัญชีหมุนเวียน อย่างต่ำ 60 ล้านบาท โดยนายเอ ยังอธิบายว่า ตนจะได้รับหน้าที่ในการโทรไปหาเหยื่อ ซึ่งเป็นข้าราชการหรือคนที่มีเงิน เป็นกลุ่มเป้าหมายอยู่แล้ว
จากนั้นก็จะให้เหยื่อยืนยันหมายเลขบัตรประชาชนว่าใช่หรือไม่ เพราะข้อมูลบัตรประชาชนจะถูกโยงกับข้อมูลธนาคาร โดยที่ตนเองนั้น จะบอกเหยื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง โทรมาตรวจสอบข้อมูล ให้เหยื่อบอกข้อมูล ยืนยันตัวตน ใช้เวลาคุย 1 - 2 นาที เพื่อให้เครื่องสามารถดูดข้อมูลของเหยื่อได้
หลังจากนั้นเงินของเหยื่อก็จะหายไปเกลี้งบัญชีหลังจากเงินของเหยื่อหายแล้วก็จะโทรกลับมาอีก เราก็จะเรียกเงินประกัน เพื่อให้เงินคืนก็จะทำให้ได้รับเงินอีก แต่ละวันสามารถดูดเงินคนไทย ได้ถึง 150 ล้านบาท
ซึ่งตอนทำงานได้ประมาณ 1 เดือน ตนพยายามส่งสัญญาณ ให้คนไทยเวลาโทรทุกครั้ง แต่หลังจากนั้น ก็ถูกจับได้และถูกทำร้ายร่างกายถูกไฟฟ้าช็อต จนคิดหาวิธีเอาตัวรอด 4 วัน กระทั่งกระโดดจากชั้น 5 ของอาคารข้ามกำแพง และหลบหนี ออกมาได้
ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ระบุว่า จากข้อมูลของนายเอ สิ่งที่น่าห่วงคือ ตอนนี้ข้อมูลของข้าราชการไทย ที่ได้จากธนาคารรัฐแห่งหนึ่ง อยู่ในมือแก๊งคอลเซ็นตเตอร์แล้ว
ซึ่งก็พบว่า ข้าราชการบางคนมีเงินหลักหลายสิบล้าน ทั้งที่เงินเดือนข้าราชการไม่น่าจะถึง เมื่อโดนหลอก ก็ไม่กล้าแจ้งความเพราะไม่สามารถบอกที่มาเงิน ได้ โดยพบว่า มีผอ.โรงพยาบาลแห่งหนึ่งมีบัญชีธนาคาร 30-40 บัญชี และมีเงินถึง 90 ล้านบาท
แฉกลยุทธ์ใหม่! แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกคุย 2 นาที-ดูดเงินได้เกลี้ยงบัญชี
https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/216876
หนุ่มถูกหลอกทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แฉกลยุทธ์ใหม่หลอกคุยแค่ 2 นาที ก็ดูดเงินผ่านแอปได้เกลี้ยงบัญชี-ไม่ต้องกดลิงค์ ชี้ข้าราชการเสี่ยงตกเป็นเหยื่อ
วันที่ 12 ก.พ. 2567 นายเอ นามสมมุติ อายุ 23 ปี เป็นหนึ่งในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คนไทยที่ถูก หลอกไปทำงานที่เมืองปอยเปต กัมพูชา ได้เข้าให้ข้อมูลกับเพจสายไหมต้องรอด หลังหาทางหลบหนีออกมาได้
โดยเขาระบุว่าเดินทางไปทำงาน เมื่อวันที่ 1 ม.ค.2567 ในภูริคาสิโน ซึ่งเขาอ้างว่า ถูกหลอกให้ทำงานโดยการโทรกลับมาหลอกคนไทย เพื่อดูดเงิน ภายหลังได้พยายามหาทางหลบหนีออกมา เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา พอหนีรอดพ้นก็เข้ามาที่เพจสายไหมต้องรอดเพื่อที่จะให้ข้อมูล และเตือนประชาชนคนไทยทุกคน
นายเอ เล่าให้ฟังว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตนไปทำงานนั้น มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย มากมีเครื่องดูดเงินจำนวน 4 เครื่อง เป็นเครื่องที่มีมูลค่า มากกว่า 120 ล้านบาท ซึ่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์แก๊งนี้เจ้าของเป็นคนจีน ได้ซื้อข้อมูลจากธนาคารรัฐแห่งหนึ่งในประเทศไทย และค่ายมือถือค่ายหนึ่ง
ซึ่งตนเป็นคนที่เห็นข้อมูลของ คนไทยพบว่าส่วนใหญ่ ข้อมูลที่ถูกขายมาจะเป็นกลุ่ม ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่มีเงินในบัญชีหมุนเวียน อย่างต่ำ 60 ล้านบาท โดยนายเอ ยังอธิบายว่า ตนจะได้รับหน้าที่ในการโทรไปหาเหยื่อ ซึ่งเป็นข้าราชการหรือคนที่มีเงิน เป็นกลุ่มเป้าหมายอยู่แล้ว
จากนั้นก็จะให้เหยื่อยืนยันหมายเลขบัตรประชาชนว่าใช่หรือไม่ เพราะข้อมูลบัตรประชาชนจะถูกโยงกับข้อมูลธนาคาร โดยที่ตนเองนั้น จะบอกเหยื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง โทรมาตรวจสอบข้อมูล ให้เหยื่อบอกข้อมูล ยืนยันตัวตน ใช้เวลาคุย 1 - 2 นาที เพื่อให้เครื่องสามารถดูดข้อมูลของเหยื่อได้
หลังจากนั้นเงินของเหยื่อก็จะหายไปเกลี้งบัญชีหลังจากเงินของเหยื่อหายแล้วก็จะโทรกลับมาอีก เราก็จะเรียกเงินประกัน เพื่อให้เงินคืนก็จะทำให้ได้รับเงินอีก แต่ละวันสามารถดูดเงินคนไทย ได้ถึง 150 ล้านบาท
ซึ่งตอนทำงานได้ประมาณ 1 เดือน ตนพยายามส่งสัญญาณ ให้คนไทยเวลาโทรทุกครั้ง แต่หลังจากนั้น ก็ถูกจับได้และถูกทำร้ายร่างกายถูกไฟฟ้าช็อต จนคิดหาวิธีเอาตัวรอด 4 วัน กระทั่งกระโดดจากชั้น 5 ของอาคารข้ามกำแพง และหลบหนี ออกมาได้
ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ระบุว่า จากข้อมูลของนายเอ สิ่งที่น่าห่วงคือ ตอนนี้ข้อมูลของข้าราชการไทย ที่ได้จากธนาคารรัฐแห่งหนึ่ง อยู่ในมือแก๊งคอลเซ็นตเตอร์แล้ว
ซึ่งก็พบว่า ข้าราชการบางคนมีเงินหลักหลายสิบล้าน ทั้งที่เงินเดือนข้าราชการไม่น่าจะถึง เมื่อโดนหลอก ก็ไม่กล้าแจ้งความเพราะไม่สามารถบอกที่มาเงิน ได้ โดยพบว่า มีผอ.โรงพยาบาลแห่งหนึ่งมีบัญชีธนาคาร 30-40 บัญชี และมีเงินถึง 90 ล้านบาท