อันนี้เขียนขึ้นเนื่องจากวันนี้ได้ไปหนังดูพร้อมกับน้องที่ไม่ได้มีพื้นฐานจากกันดั้ม SEED มากนัก เลยลองรวมเรื่องที่ควรทราบแบบย่อๆ เพื่อให้สนุกกับหนังได้มากขึ้นครับ
1. แนชเชอรัลกับโคออร์ดิเนเตอร์คืออะไร
ในกันดั้มSEED จะมีการกล่าวถึงเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่แบ่งเป็น 2 ประเภท
แนชเชอรัล คือมนุษย์ที่เกิดตามธรรมชาติ
โคออร์ดิเนเตอร์ คือมนุษย์ที่เกิดจากกระบวนการตัดต่อพันธุกรรม เพื่อให้เกิดมาโดยมีความสามารถพิเศษด้านต่างๆผิดกับมนุษย์ที่เกิดตามธรรมชาติ ส่งผลให้โคออร์ดิเนเตอร์มีความสามารถในงานต่างๆเหนือกว่ามนุษย์ แต่ก็กลายเป็นต้นเหตุของปมปัญหาหลายประการในซีรีย์เช่นกัน
เช่นบลูคอสมอสที่ถูกพูดถึงในช่วงต้นของหนัง ก็เป็นกลุ่มที่ต่อต้านโคออร์ดิเนเตอร์ด้วยความเชื่อว่าเป็นสิ่งผิดธรรมชาติที่ควรกำจัด
(นึกถึงคนธรรมดาในนิยายแนวอิเซไคที่อยู่ดีๆก็มีพวกเกิดมาพร้อมชีทสกิลดู)
หรือเดสทินี่แพลนที่เป็นปมเรื่องซึ่งถูกกล่าวถึงหลายหนในหนังก็เช่นกัน
2. ฝั่งต่างๆในเรื่องที่ควรรู้
สหพันธ์โลก เข้าใจง่ายๆคือ ฝั่งกองทัพโลก แม้จะมีหลายฝ่าย แต่ที่ควรจำคือมีบลูคอสมอสชักใยเบื้องหลังในบางภาคส่วน และบางส่วนยังมีแนวคิดมองPlantกับโคออร์ดิเนเตอร์เป็นศัตรู
คิระ และพวกของกัปตันเมอร์ริวเคยอยู่ฝ่ายนี้ก่อนจะถอนตัวออกมา
PlantและZaft เข้าใจง่ายๆคือฝั่งชาวอวกาศ มีประชากรเป็นชาวโคออร์ดิเนเตอร์อยู่มาก
ลัคส์ ชิน ลูน่ามาเรีย และอัสรัน เคยอยู่ฝ่ายนี้ก่อนจะถอนตัวออกมา
ORB กลุ่มอำนาจที่สาม ซึ่งเคยวางตัวเป็นกลางจนกระทั่งสถานการณ์บีบให้แอบพัฒนาวิทยาการด้านการทหาร
คิระ ชิน และคางาริเป็นคนจากที่นี่
จุดกำเนิดมุก "กองกำลังมือที่สามเข้าแทรกสงครามระหว่างสองฝ่าย" ที่เล่นกันใน SEED ทุกภาคมีจุดเริ่มจากฝั่งนี้ (ฮา)
Foundation เพิ่งมีบทบาทสำคัญในหนังภาคนี้
3. Destiny Plan คืออะไร
เดสทินี่แพลนเป็นนโยบายของกิลเบิร์ต ผู้นำ Zaft คนก่อน เนื้อหาสำคัญโดยย่อคือ การกำหนดบทบาทหน้าที่และคุณค่าของโคออร์ดิเนเตอร์จากพันธุกรรมที่ถูกกำหนดตั้งแต่ก่อนเกิด ส่งผลให้สามารถบริหารจัดการสิ่งต่างๆได้เป็นระเบียบแบบแผนขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ช่วงชิงอิสระภาพจากผู้คนไปตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลกเพียงเพื่อให้ควบคุมได้สะดวกเช่นกัน
สิ่งนี้กลายเป็นอีกปมสำคัญที่ถูกนำมาต่อยอดในภาค Freedom
โดยส่วนตัวผมถูกใจนะที่ผู้แต่งเล่นความเป็นขั้วตรงข้ามกันระหว่างคำว่า Destiny (ชะตากรรมที่ถูกกำหนด) กับ Freedom (เจตน์จำนงค์อันเสรี) ในหนังภาคนี้
4. จำเป็นต้องทำความรู้จักตัวละครทุกคนก่อนชมไหม
เท่าที่ดูมา เราสามารถสนุกกับตัวหนังและตัวละครได้จากเท่าที่เกริ่นในหนังช่วงแรกได้ครับ แค่อาจจะไม่อินเท่ากับคนที่รู้ปูมหลังหรือความสัมพันธ์ของตัวละครในบางจุด
สุดท้ายนี้หวังว่าทุกท่านจะสนุกกับกันดั้มภาคนี้ แม้จะมีบางจุดที่ชวนสะดุดไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วเป็นภาคที่ทำให้แฟนๆเอ็นจอยได้หลายจุด ครับ
สิ่งที่ควรทราบเพื่อให้ชม Gundam Seed Freedom ได้สนุกขึ้น
1. แนชเชอรัลกับโคออร์ดิเนเตอร์คืออะไร
ในกันดั้มSEED จะมีการกล่าวถึงเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่แบ่งเป็น 2 ประเภท
แนชเชอรัล คือมนุษย์ที่เกิดตามธรรมชาติ
โคออร์ดิเนเตอร์ คือมนุษย์ที่เกิดจากกระบวนการตัดต่อพันธุกรรม เพื่อให้เกิดมาโดยมีความสามารถพิเศษด้านต่างๆผิดกับมนุษย์ที่เกิดตามธรรมชาติ ส่งผลให้โคออร์ดิเนเตอร์มีความสามารถในงานต่างๆเหนือกว่ามนุษย์ แต่ก็กลายเป็นต้นเหตุของปมปัญหาหลายประการในซีรีย์เช่นกัน
เช่นบลูคอสมอสที่ถูกพูดถึงในช่วงต้นของหนัง ก็เป็นกลุ่มที่ต่อต้านโคออร์ดิเนเตอร์ด้วยความเชื่อว่าเป็นสิ่งผิดธรรมชาติที่ควรกำจัด
(นึกถึงคนธรรมดาในนิยายแนวอิเซไคที่อยู่ดีๆก็มีพวกเกิดมาพร้อมชีทสกิลดู)
หรือเดสทินี่แพลนที่เป็นปมเรื่องซึ่งถูกกล่าวถึงหลายหนในหนังก็เช่นกัน
2. ฝั่งต่างๆในเรื่องที่ควรรู้
สหพันธ์โลก เข้าใจง่ายๆคือ ฝั่งกองทัพโลก แม้จะมีหลายฝ่าย แต่ที่ควรจำคือมีบลูคอสมอสชักใยเบื้องหลังในบางภาคส่วน และบางส่วนยังมีแนวคิดมองPlantกับโคออร์ดิเนเตอร์เป็นศัตรู
คิระ และพวกของกัปตันเมอร์ริวเคยอยู่ฝ่ายนี้ก่อนจะถอนตัวออกมา
PlantและZaft เข้าใจง่ายๆคือฝั่งชาวอวกาศ มีประชากรเป็นชาวโคออร์ดิเนเตอร์อยู่มาก
ลัคส์ ชิน ลูน่ามาเรีย และอัสรัน เคยอยู่ฝ่ายนี้ก่อนจะถอนตัวออกมา
ORB กลุ่มอำนาจที่สาม ซึ่งเคยวางตัวเป็นกลางจนกระทั่งสถานการณ์บีบให้แอบพัฒนาวิทยาการด้านการทหาร
คิระ ชิน และคางาริเป็นคนจากที่นี่
จุดกำเนิดมุก "กองกำลังมือที่สามเข้าแทรกสงครามระหว่างสองฝ่าย" ที่เล่นกันใน SEED ทุกภาคมีจุดเริ่มจากฝั่งนี้ (ฮา)
Foundation เพิ่งมีบทบาทสำคัญในหนังภาคนี้
3. Destiny Plan คืออะไร
เดสทินี่แพลนเป็นนโยบายของกิลเบิร์ต ผู้นำ Zaft คนก่อน เนื้อหาสำคัญโดยย่อคือ การกำหนดบทบาทหน้าที่และคุณค่าของโคออร์ดิเนเตอร์จากพันธุกรรมที่ถูกกำหนดตั้งแต่ก่อนเกิด ส่งผลให้สามารถบริหารจัดการสิ่งต่างๆได้เป็นระเบียบแบบแผนขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ช่วงชิงอิสระภาพจากผู้คนไปตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลกเพียงเพื่อให้ควบคุมได้สะดวกเช่นกัน
สิ่งนี้กลายเป็นอีกปมสำคัญที่ถูกนำมาต่อยอดในภาค Freedom
โดยส่วนตัวผมถูกใจนะที่ผู้แต่งเล่นความเป็นขั้วตรงข้ามกันระหว่างคำว่า Destiny (ชะตากรรมที่ถูกกำหนด) กับ Freedom (เจตน์จำนงค์อันเสรี) ในหนังภาคนี้
4. จำเป็นต้องทำความรู้จักตัวละครทุกคนก่อนชมไหม
เท่าที่ดูมา เราสามารถสนุกกับตัวหนังและตัวละครได้จากเท่าที่เกริ่นในหนังช่วงแรกได้ครับ แค่อาจจะไม่อินเท่ากับคนที่รู้ปูมหลังหรือความสัมพันธ์ของตัวละครในบางจุด
สุดท้ายนี้หวังว่าทุกท่านจะสนุกกับกันดั้มภาคนี้ แม้จะมีบางจุดที่ชวนสะดุดไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วเป็นภาคที่ทำให้แฟนๆเอ็นจอยได้หลายจุด ครับ