วันนี้มีภารกิจที่กรุงเทพฯในช่วงเช้า ช่วงบ่ายมีเวลาว่าง เลยถือโอกาสฮาฟเดย์ทัวร์กรุงเทพฯ รอบๆสถานี MRT สนามไชยนะครับ ที่เลือกบริเวณนี้เพราะเล็งๆมิวเซียมสยามไว้นานแล้วครับ
เดินทางด้วย MRT สายสีน้ำเงินมาลงที่สถานีสนามไชยออกทางออกที่ 1 ก็จะโผล่มาจ๊ะเอ๋กับมิวเซียมสยามเลย เรียกว่าเดินทางไม่ยากครับ
เดินตามทางเดินผ่านสนามมาทางด้านหน้าอาคาร ก็พบกับป้ายแสดงค่าเข้าชมนิทรรศการ ...ผู้สูงอายุไม่ต้องจ่ายครับ...ยื่นบัตรประชาชนแล้วรับสติ๊กเกอร์เตรียมเข้าชมนิทรรศการกันเลย
ตรงโถงทางเข้าก่อนจุดจำหน่ายตั๋ว จะมีเรื่องราวของอาคาร ทำให้ทราบได้ว่าอาคารนี้
สร้างตามสถาปัตยกรรม แบบ Renaissance เป็นอาคารของทางราชการมี 3 ชั้น เคยใช้งานเป็นกระทรวงพาณิชย์มาก่อน มีลักษณะโครงสร้างสวยงามและมีความพิเศษทางด้านวิศวกรรมในหลายส่วน ที่ประทับใจและเห็นประจักษ์อยู่ต่อหน้าผมก็คือบันไดตรงกลางโถงซึ่งเป็นบันไดลอยที่ไม่มีเสาค้ำดูงดงามมาก
ห้องจัดนิทรรศการมีทั้งหมด 14 ห้อง ห้องที่ 1-6 อยู่ในชั้นที่ 3 ส่วนห้องที่ 7-14 อยู่ในชั้นที่ 2 การชมนิทรรศการเราจึงต้องขึ้นไปชั้นที่ 3 ก่อน ธีมของนิทรรศการในวันที่ผมเข้าไปชมคือเรื่องของความเป็นไทย ...เหมือนผู้จัดต้องการให้เรามาถอดรหัสไทย ใส่ถุงกลับบ้านกัน
โดยแต่ละห้องที่จัดนิทรรศการจะมีเรื่องราวเกี่ยวกับความเป็นไทย ตั้งแต่ต้นกำเนิด และการเปลี่ยนแปลงผสมผสานในแง่มุมและเรื่องราวต่างๆกัน ความเข้าใจจากการชมนิทรรศการจะทำให้เราได้คำตอบเกี่ยวกับความเป็นไทยในแง่มุมนั้นๆโดยห้องที่จัดแสดงมีดังนี้
ห้องที่ 1 ไทยหรือเปล่า
ห้องที่ 2 ไทยแปลไทย
ห้องที่ 3 ไทยตั้งแต่เกิด
ห้องที่ 4 ไทยสถาบัน
ห้องที่ 5 ไทยอลังการ
ห้องที่ 6 ไทยแค่ไหน
ห้องที่ 7 ไทย only
ห้องที่ 8 ไทย inter
ห้องที่ 9 ไทยวิทยา
ห้องที่ 10 ไทยชิม
ห้องที่ 11 ไทยดีโคตร
ห้องที่ 12 ไทยเชื่อ
ห้องที่ 13 ไทยประเพณี
ห้องที่ 14 ไทยแชะ
ต้องชมเลยว่าในแง่ presentation ทำได้ดีมากมีหลายห้องที่ผู้ชมนิทรรศการจะต้องมีส่วนร่วม เอาตั้งแต่ มีการจัดห้องที่มีลิ้นชักให้ผู้ชมเปิดออกค้นหาสิ่งที่ผู้จัดโปรยหัวเรื่องไว้ มีห้องที่สิ่งที่ต้องการโชว์อยู่ในตู้ซึ่งมีช่องที่ผู้ชมนิทรรศการต้องถ้ำมองดู มีห้องโชว์สิ่งของเรื่องราวอยู่ในกล่องแก้วที่pop up สลับขึ้นมาพร้อมเรื่องราวประกอบกับแสงสีเสียงเอฟเฟค ต่างๆเหมือนการแสดงโชว์ในละครเวที ในตอนจบก็จัดให้ขึ้นมาพร้อมกันหมดพร้อมเพลงปิด นี่มันเหมือนละครเวทีชัดๆ เพียงแต่ตัวแสดงเป็นสิ่งของและเรื่องราวที่อยู่ในกล่องแก้ว มีความรู้สึกตื่นตาตื่นใจและลุ้นอยู่ตลอดว่าต้องต่อไปเขาจะ presentation ให้เราดูอย่างไรอีกบ้าง
มีห้องที่จัดให้ต่อบล็อกประกอบเป็นเรื่องของสถาบันชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ ถ้าต่อได้สำเร็จก็จะมีวีดีทัศน์ขึ้นมาโชว์เรื่องราวของสถาบันนั้นๆ เป็นที่สนใจโดยเฉพาะกับเด็กๆมาต่อคิวกันเยอะ ผู้ใหญ่ที่เป็นชาวต่างชาติอาจจะทำไม่ค่อยได้และไม่กล้าลอง เพราะกลัวผิดก็ได้ผู้ชมนิทรรศการที่เป็นคนไทยอย่างเรานี่แหละครับคอยช่วย
ในห้องไทยชิม ก็จัดให้มีการเอาจานมาวางในจุดต่างๆแล้วก็จะมีเอฟเฟควัสดุปรุงอาหารลอยเข้ามาในจานแล้วก็แปลงร่างกลายเป็นพะแนงหมูอยู่ในจาน ทำได้หน้าทึ่งอยู่ครับ
ส่วนที่เหลือเป็นห้องจัดแสดงโชว์สิ่งของต่างๆก็จัดได้ดี มีของและเรื่องราวของความเป็นไทยตั้งแต่ของที่วิจิตรอลังการ และของบ้านๆที่บ่งบอกว่า...นี่คือไทย ที่มองแล้วต้องแอบยิ้ม
ห้องไทยวิทยาจัดเป็นห้องเรียนชั้นประถมได้เหมือนมากจนนึกถึงการทำเวรทำความสะอาดตอนเย็นๆหลังเลิกเรียนขึ้นมาเลย
การจัดให้มีการกรีดกระดาษเป็นภาพซ้อนทับกัน เหมือนการทำภาพการ์ตูนเคลื่นไหวในยุคแรกๆ ช่วยทำให้เห็นการปรับปรุง ตัวหนังสือ ลวดลาย ตราสัญลักษณ์ และศิลปกรรมต่างๆ ซึ่งอาจจะเป็นของชนชาติอื่น จนสุดท้ายก็ได้มาเป็นของไทยได้อย่างเข้าใจ
ห้องสุดท้ายคือห้องไทยแชะ เป็นที่สนใจของผู้ชมนิทรรศการโดยเฉพาะผู้หญิงอย่างมาก ได้มีโอกาสแต่งชุดไทย ทั้งชุดทั้ง accessories ครบพร้อมถ่ายรูปไว้ไปที่ระลึก โดยไม่ต้องเสียตัง
ในส่วนของเนื้อหาความเป็นไทยนั้น ทำให้เห็นมาจากหลายมุมมอง ทำให้เห็นจุดเริ่มต้น การดำเนินต่อ การเปลี่ยนแปลง มองความเป็นไทยผ่านคำถาม ที่ตั้งไว้ในแต่ละห้องอย่างน่าสนใจ จนเกิดความรู้ความเข้าใจ ในความเป็นไทยทั้งกว้างและลึกซึ้งอย่างมากมาย ยอมรับถึงความเป็นไทยทั้งที่เกิดขึ้นมาจากอิทธิพลของเพื่อนบ้านและโลกาภิวัฒน์
นับเป็นการใช้เวลา 3 ชั่วโมงที่คุ้มค่าอย่างมาก ได้ความรู้ ความอิ่มเอมใจ ความภูมิใจ โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นผู้ชมนิทรรศการชาวต่างชาติสนใจและชื่นชมในความเป็นไทย เพื่อนๆที่ยังไม่ได้ไปชม เชิญชวนนะครับ
ตามหาความเป็นไทย @ มิวเซียมสยาม
เดินทางด้วย MRT สายสีน้ำเงินมาลงที่สถานีสนามไชยออกทางออกที่ 1 ก็จะโผล่มาจ๊ะเอ๋กับมิวเซียมสยามเลย เรียกว่าเดินทางไม่ยากครับ
เดินตามทางเดินผ่านสนามมาทางด้านหน้าอาคาร ก็พบกับป้ายแสดงค่าเข้าชมนิทรรศการ ...ผู้สูงอายุไม่ต้องจ่ายครับ...ยื่นบัตรประชาชนแล้วรับสติ๊กเกอร์เตรียมเข้าชมนิทรรศการกันเลย
ตรงโถงทางเข้าก่อนจุดจำหน่ายตั๋ว จะมีเรื่องราวของอาคาร ทำให้ทราบได้ว่าอาคารนี้
สร้างตามสถาปัตยกรรม แบบ Renaissance เป็นอาคารของทางราชการมี 3 ชั้น เคยใช้งานเป็นกระทรวงพาณิชย์มาก่อน มีลักษณะโครงสร้างสวยงามและมีความพิเศษทางด้านวิศวกรรมในหลายส่วน ที่ประทับใจและเห็นประจักษ์อยู่ต่อหน้าผมก็คือบันไดตรงกลางโถงซึ่งเป็นบันไดลอยที่ไม่มีเสาค้ำดูงดงามมาก
ห้องจัดนิทรรศการมีทั้งหมด 14 ห้อง ห้องที่ 1-6 อยู่ในชั้นที่ 3 ส่วนห้องที่ 7-14 อยู่ในชั้นที่ 2 การชมนิทรรศการเราจึงต้องขึ้นไปชั้นที่ 3 ก่อน ธีมของนิทรรศการในวันที่ผมเข้าไปชมคือเรื่องของความเป็นไทย ...เหมือนผู้จัดต้องการให้เรามาถอดรหัสไทย ใส่ถุงกลับบ้านกัน
โดยแต่ละห้องที่จัดนิทรรศการจะมีเรื่องราวเกี่ยวกับความเป็นไทย ตั้งแต่ต้นกำเนิด และการเปลี่ยนแปลงผสมผสานในแง่มุมและเรื่องราวต่างๆกัน ความเข้าใจจากการชมนิทรรศการจะทำให้เราได้คำตอบเกี่ยวกับความเป็นไทยในแง่มุมนั้นๆโดยห้องที่จัดแสดงมีดังนี้
ห้องที่ 1 ไทยหรือเปล่า
ห้องที่ 2 ไทยแปลไทย
ห้องที่ 3 ไทยตั้งแต่เกิด
ห้องที่ 4 ไทยสถาบัน
ห้องที่ 5 ไทยอลังการ
ห้องที่ 6 ไทยแค่ไหน
ห้องที่ 7 ไทย only
ห้องที่ 8 ไทย inter
ห้องที่ 9 ไทยวิทยา
ห้องที่ 10 ไทยชิม
ห้องที่ 11 ไทยดีโคตร
ห้องที่ 12 ไทยเชื่อ
ห้องที่ 13 ไทยประเพณี
ห้องที่ 14 ไทยแชะ
ต้องชมเลยว่าในแง่ presentation ทำได้ดีมากมีหลายห้องที่ผู้ชมนิทรรศการจะต้องมีส่วนร่วม เอาตั้งแต่ มีการจัดห้องที่มีลิ้นชักให้ผู้ชมเปิดออกค้นหาสิ่งที่ผู้จัดโปรยหัวเรื่องไว้ มีห้องที่สิ่งที่ต้องการโชว์อยู่ในตู้ซึ่งมีช่องที่ผู้ชมนิทรรศการต้องถ้ำมองดู มีห้องโชว์สิ่งของเรื่องราวอยู่ในกล่องแก้วที่pop up สลับขึ้นมาพร้อมเรื่องราวประกอบกับแสงสีเสียงเอฟเฟค ต่างๆเหมือนการแสดงโชว์ในละครเวที ในตอนจบก็จัดให้ขึ้นมาพร้อมกันหมดพร้อมเพลงปิด นี่มันเหมือนละครเวทีชัดๆ เพียงแต่ตัวแสดงเป็นสิ่งของและเรื่องราวที่อยู่ในกล่องแก้ว มีความรู้สึกตื่นตาตื่นใจและลุ้นอยู่ตลอดว่าต้องต่อไปเขาจะ presentation ให้เราดูอย่างไรอีกบ้าง
มีห้องที่จัดให้ต่อบล็อกประกอบเป็นเรื่องของสถาบันชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ ถ้าต่อได้สำเร็จก็จะมีวีดีทัศน์ขึ้นมาโชว์เรื่องราวของสถาบันนั้นๆ เป็นที่สนใจโดยเฉพาะกับเด็กๆมาต่อคิวกันเยอะ ผู้ใหญ่ที่เป็นชาวต่างชาติอาจจะทำไม่ค่อยได้และไม่กล้าลอง เพราะกลัวผิดก็ได้ผู้ชมนิทรรศการที่เป็นคนไทยอย่างเรานี่แหละครับคอยช่วย
ในห้องไทยชิม ก็จัดให้มีการเอาจานมาวางในจุดต่างๆแล้วก็จะมีเอฟเฟควัสดุปรุงอาหารลอยเข้ามาในจานแล้วก็แปลงร่างกลายเป็นพะแนงหมูอยู่ในจาน ทำได้หน้าทึ่งอยู่ครับ
ส่วนที่เหลือเป็นห้องจัดแสดงโชว์สิ่งของต่างๆก็จัดได้ดี มีของและเรื่องราวของความเป็นไทยตั้งแต่ของที่วิจิตรอลังการ และของบ้านๆที่บ่งบอกว่า...นี่คือไทย ที่มองแล้วต้องแอบยิ้ม
ห้องไทยวิทยาจัดเป็นห้องเรียนชั้นประถมได้เหมือนมากจนนึกถึงการทำเวรทำความสะอาดตอนเย็นๆหลังเลิกเรียนขึ้นมาเลย
การจัดให้มีการกรีดกระดาษเป็นภาพซ้อนทับกัน เหมือนการทำภาพการ์ตูนเคลื่นไหวในยุคแรกๆ ช่วยทำให้เห็นการปรับปรุง ตัวหนังสือ ลวดลาย ตราสัญลักษณ์ และศิลปกรรมต่างๆ ซึ่งอาจจะเป็นของชนชาติอื่น จนสุดท้ายก็ได้มาเป็นของไทยได้อย่างเข้าใจ
ห้องสุดท้ายคือห้องไทยแชะ เป็นที่สนใจของผู้ชมนิทรรศการโดยเฉพาะผู้หญิงอย่างมาก ได้มีโอกาสแต่งชุดไทย ทั้งชุดทั้ง accessories ครบพร้อมถ่ายรูปไว้ไปที่ระลึก โดยไม่ต้องเสียตัง
ในส่วนของเนื้อหาความเป็นไทยนั้น ทำให้เห็นมาจากหลายมุมมอง ทำให้เห็นจุดเริ่มต้น การดำเนินต่อ การเปลี่ยนแปลง มองความเป็นไทยผ่านคำถาม ที่ตั้งไว้ในแต่ละห้องอย่างน่าสนใจ จนเกิดความรู้ความเข้าใจ ในความเป็นไทยทั้งกว้างและลึกซึ้งอย่างมากมาย ยอมรับถึงความเป็นไทยทั้งที่เกิดขึ้นมาจากอิทธิพลของเพื่อนบ้านและโลกาภิวัฒน์
นับเป็นการใช้เวลา 3 ชั่วโมงที่คุ้มค่าอย่างมาก ได้ความรู้ ความอิ่มเอมใจ ความภูมิใจ โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นผู้ชมนิทรรศการชาวต่างชาติสนใจและชื่นชมในความเป็นไทย เพื่อนๆที่ยังไม่ได้ไปชม เชิญชวนนะครับ