จากรายงานเจาะเทรนด์โลก 2023 : CO-TOPIA โดย TCDC ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ พบว่า การออกแบบที่อยู่อาศัยในปี นี้ ต่างมุ่งให้ความสำคัญกับการออกแบบที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยได้ใกล้ชิดธรรมชาติ ซึ่งจะเน้นหนักไปให้ความสำคัญกับเรื่องการออกแบบเพื่อตอบโจทย์ด้านคุณภาพของอากาศที่ดี เป็นการออกแบบที่อยู่อาศัยที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนให้สามารถใช้ชีวิตอย่างผ่อนคลาย ปลอดภัยในบ้านที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์มากขึ้น
เราจึงขอรวบรวมเทรนด์การตกแต่งบ้านในปี 66 เพื่อเป็นข้อมูลที่อาจจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนที่กำลังมองหาบ้านหลังใหม่ หรือคนที่กำลังมองหาไอเดียใหม่ๆ ที่จะตกแต่งที่อยู่อาศัยให้โดดเด่นทั้งดีไซน์ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ รวมถึงคนที่อยากยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ซึ่งเทรนด์จะเป็นอย่างไร และมีอะไรที่น่าหยิบไปใช้แต่งบ้านของคุณบ้าง เรามาลองอ่านกันดูค่ะ
1.เน้นรูปแบบผสมผสานในการตกแต่ง : โดยจะมีความแปลกใหม่ และน่าสนใจมากขึ้น เพราะเน้นการผสมผสาน ส่วนผสมที่ลงตัวของสไตล์การออกแบบตกแต่งภายในหลายแบบในครั้งเดียว ไม่ว่าจะเป็นองค์ประกอบของไฮเทค-มินิมอลที่เข้ากันได้อย่างลงตัว สไตล์คลาสสิกแฝงความเป็นบารอก (Baroque) แต่ก็ยังได้กลิ่นอายของความเป็นชนบท ทั้งนี้ ความผสมผสานนั้นจะยิ่งโดดเด่นเป็นพิเศษ หากมีการรวมเฟอร์นิเจอร์ที่ดูเหมือนจะไม่เข้ากันให้กลมกลืนกันได้อย่างสมบูรณ์
2.ตกแต่งให้ได้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติ : แนวคิดการออกแบบตกแต่งที่อยู่อาศัยให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ ให้ได้ใกล้ชิด หรือเป็นส่วนหนึ่งในธรรมชาติ เป็นเทรนด์การออกแบบที่ตั้งใจทำให้ภาพรวมของบ้าน และพื้นที่โดยรวมมีธรรมชาติเป็นศูนย์กลาง ดังนั้นการให้ความสำคัญในการใช้สิ่งของตกแต่งจากธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนประกอบในการแต่งบ้านจึงเป็นเทรนด์ที่จะรับความนิยมมากยิ่งขึ้น เช่น มีมุมสําหรับจัดวางกระถางต้นไม้ประดับ การเลือกใช้พรมที่ทำจากปอกระเจา ซึ่งเป็นวัสดุจากธรรมชาติ การใช้ผ้าฝ้ายธรรมชาติมาเป็นผ้าม่าน หรือปลอกหมอน ตลอดจนการใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้ และหิน ซึ่งสะท้อนความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
3.ใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัย อุปกรณ์ที่เป็นเทคโนโลยี สมาร์ทดีไซน์ หรืออุปกรณ์สมาร์ทโฮม (Smart Design or Smart Home) : ทุกวันนี้ที่อยู่อาศัยและการตกแต่งส่วนใหญ่มีฟังก์ชันควบคุมการใช้งานด้วยเทคโนโลยีและแอปพลิเคชันอัจฉริยะแทบทั้งหมด รวมทั้ง การใช้อุปกรณ์ที่เป็นสมาร์ทโฮม อุปกรณ์ประหยัดพื้นที่ (Saving Space) ซึ่งสามารถตอบโจทย์ที่อยู่อาศัยได้ทุกแบบและทุกขนาด เพื่อสร้างความสะดวกสบาย เช่น ระบบไฟที่สามารถควบคุมความสว่างของหลอดไฟในห้องได้แม้ขณะอยู่บนเตียง สามารถปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสมได้จากสมาร์ทโฟน เป็นต้น
4.ใช้อุปกรณ์ที่เป็นมัลติฟังก์ชันมากขึ้น : ทุกวันนี้มีเฟอร์นิเจอร์ที่ได้รับการออกแบบมาให้เป็นมัลติฟังก์ชันมากยิ่งขึ้น ทำให้ปลดล็อกรูปแบบที่ตายตัว หรือพื้นฐานของเฟอร์นิเจอร์ตามแบบเดิม ด้วยอุปกรณ์เสริมสำหรับตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ที่มีมากมาย ทำให้เราสามารถสร้างสรรค์รูปแบบการใช้งาน 1 เฟอร์นิเจอร์ให้มีความหลากหลายใช้งานได้มากกว่า 1 ฟังก์ชัน รวมถึงอุปกรณ์มัลติฟังก์ชันบางแบบสามารถโยกย้ายจากที่หนึ่งไปอีกห้องหนึ่งเพื่อการใช้งานที่เหมาะสม และครอบคลุมมากกว่า
5.เน้นโครงสร้าง รวมถึงของตกแต่งที่มีรูปทรงโค้ง : ดีไซน์สไตล์โค้ง และรูปทรงโค้งมนต่างๆ เช่น ซุ้มโค้ง ประตูโค้ง มุมโค้ง ผนังซุ้มโค้ง จะเป็นฟอร์มของโครงสร้างหลักของบ้านที่เราจะพบเห็นมากในปีนี้ ในแง่ของอุปกรณ์ ของตกแต่ง หรือเฟอร์นิเจอร์ ก็จะเห็นดีไซน์ที่ตอบโจทย์รูปทรงนี้ออกมามาก เช่น โซฟาทรงพระจันทร์เสี้ยว เบาะนั่งทรงกลม หรือโครงหัวเตียงทรงครึ่งวงกลม เป็นรูปทรงที่น่าดึงดูดใจ
6.ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค (Organic) งานแฮนด์เมด (Hand Made) และผลิตภัณฑ์ของท้องถิ่น : ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค แฮนด์เมด และของท้องถิ่น รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จะได้รับความนิยมในการนำมาเป็นของตกแต่งมากขึ้นเรื่อยๆ จากนี้ เพราะผู้คนส่วนใหญ่เริ่มหันมาใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น อีกทั้ง หากเป็นชิ้นงานที่มีเอกลักษณ์ และเลียนแบบไม่ได้ รวมถึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี มีดีไซน์ที่สวยงาม และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย
7.เทรนด์สีม่วงลาเวนเดอร์ (Lavender Color) : ผลการสำรวจ Pantone สรุปว่า สีสันที่จะมาแรงในปี 2566 คือ Digital Lavender หรือเฉดสีม่วงพาสเทลอ่อนๆ ที่แสดงอารมณ์ 2 ชุดคือ ความร่าเริง และความสงบ จะเป็นเทรนด์หลักที่ดีไซน์เนอร์จะใช้ในการตกแต่งบ้าน เพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย และสดชื่นได้ในเวลาเดียวกัน ผลการวิจัยบอกไว้ว่า สีที่มีความยาวคลื่นสั้น เช่น สีม่วงอ่อนจะทำให้เกิดความรู้สึกสงบ แต่ในขณะเดียวกันสีม่วงก็จะสะท้อนถึงความหรูหรา และความซับซ้อน อีกทั้งยังช่วยให้เกิดความรู้สึกเชื่อมโยงกับธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง จึงทำให้มันเป็นสีที่เหมาะสำหรับการตกแต่งทุกห้องในบ้าน
8.ใช้เฟอร์นิเจอร์ หรือของสำหรับการตกแต่งภายในที่เน้นความสบายเป็นหลัก : จริงๆ แล้วการตกแต่งภายในที่ทำให้เราสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบายเป็นสิ่งที่ดีไซน์เนอร์มักจะให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ อยู่แล้ว แต่นอกจากความสะดวกสบายแล้ว ฟังก์ชั่นการใช้งานที่มีคุณภาพและคุ้มค่า ความปลอดภัย และดีไซน์ก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ในการตัดสินใจเลือกซื้อเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ออกแบบมาเพื่อทั้งการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ และยังสามารถเสริมบ้านของคุณให้ดูดีขึ้นได้ จนลืมภาพเดิมของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีไว้ใช้งานเพียงอย่างเดียวไปได้เลย อาทิ เครื่องกรองน้ำดื่ม ที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์พื้นที่ที่จำกัดหรือมีดีไซน์ที่ทันสมัยมากขึ้น ฟังก์ชั่นการทำงานที่มีคุณภาพ ตั้งมุมไหนของบ้านก็ดูไม่ขัดตา รวมทั้ง เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องใช้ภายในครัว ตู้เย็น ทีวี และสินค้าในหมวดหมู่อื่นๆ อีกมากมาย
เชื่อว่าหลายคนจะสามารถนำข้อมูล และไอเดียต่างๆ ไปปรับใช้ให้เข้ากับสไตล์การแต่งบ้านที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณกันได้นะคะ
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : https://future-tech.co.th/blogs/trends-in-home-decor-design-in-2023/
ติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จากสตีเบล เอลทรอน
ได้ที่เฟสบุคเพจ
https://www.facebook.com/StiebelEltronTH หรือ เว็บไซต์ สตีเบล เอลทรอน
https://www.stiebel-eltron.co.th/th/home.html
เครื่องใช้ไฟฟ้าก็แต่งบ้านให้สวยได้ ประโยช์ทั้งใช้งานและช่วยเสริมให้บ้านคุณสวยขึ้น
เราจึงขอรวบรวมเทรนด์การตกแต่งบ้านในปี 66 เพื่อเป็นข้อมูลที่อาจจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนที่กำลังมองหาบ้านหลังใหม่ หรือคนที่กำลังมองหาไอเดียใหม่ๆ ที่จะตกแต่งที่อยู่อาศัยให้โดดเด่นทั้งดีไซน์ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ รวมถึงคนที่อยากยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ซึ่งเทรนด์จะเป็นอย่างไร และมีอะไรที่น่าหยิบไปใช้แต่งบ้านของคุณบ้าง เรามาลองอ่านกันดูค่ะ
เชื่อว่าหลายคนจะสามารถนำข้อมูล และไอเดียต่างๆ ไปปรับใช้ให้เข้ากับสไตล์การแต่งบ้านที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณกันได้นะคะ
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : https://future-tech.co.th/blogs/trends-in-home-decor-design-in-2023/
ติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จากสตีเบล เอลทรอน
ได้ที่เฟสบุคเพจ https://www.facebook.com/StiebelEltronTH หรือ เว็บไซต์ สตีเบล เอลทรอน https://www.stiebel-eltron.co.th/th/home.html