สวัสดีทุกคนชาวพันทิพค่าา 😀 เราเป็นหนึ่งในผู้โชคดีได้รับรางวัลจากกิจกรรม Pantip x Kiehl's ก็ต้องขอขอบคุณทาง Pantip และ Kiehl's มากๆเลยนะคะ
ตัวที่เราได้รับเป็น Kiehl’s Ultra Facial Oil-Free Gel Cream น้องเป็น Moisturizer ตัวดัง ตัวใหม่ล่าสุดของ Kiehl’s ที่ครั้งนี้มาพร้อมกับสูตรสำหรับคนผิวมัน-ผสม โดยเฉพาะ เพราะนอกจากจะเป็นเนื้อเจลบางเบา ยังช่วยลดความมัน พร้อมทั้งกักเก็บความชุ่มชื้นยาวนานถึง 24 ชั่วโมง
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว สาวผิวผสมแบบเราก็ต้องขอลองซักหน่อยแล้วว 👍
ก่อนจะไปดูรีวิว เราแวะมาดูส่วนผสมกันก่อน
สิ่งที่ชอบเลย คือ moisturizer ตัวนี้ สามารถใช้คำว่า น้อยแต่มาก ได้เลย เพราะส่วนผสมเขาน้อยมาก แต่คัดมาแต่ตัวดีเน้นๆ ลองมาดูที่ตัว Highlights สำหรับเรา
✅ Glycerin เป็นตัวช่วยดึงน้ำเข้าผิวที่ฮอตฮิตสุด เพราะให้ความชุ่มชื่นได้ขั้นสุด
✅ Micronized Amino Acid เป็นสูตรผสมเฉพาะของทางแบรนด์ ซึ่งเท่าที่เราดูจาก ingredient list คือเป็นตัวที่ช่วยลดความมัน กับ ให้ความเย็นสดชื่นกับผิวพร้อมกัน *แอบกระซิบหน่อยว่าส่วนผสมนี้เจอได้แค่กับผลิตภัณฑ์ใน Kiehl’s เท่านั้นนะ
✅Glacial Glycoprotein ตัวนี้เป็นตัวที่ดูคลอบจักรวาลมากๆ ส่วนผสมจากธารน้ำแข็งในทะเลทวีปแอนตาร์ติกา ที่ให้ทั้งความชุ่มชื่น พร้อมกับลดปัญหาผิว แห้ง แดงจากอากาศเย็นได้ รวมถึงช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนด้วย
✅ Dimethicone ตัวนี้เป็นซิลิโคน แต่อย่าพึ่งกลัวน้องนะว่าจะอุดตันไหม เพราะตัวนี้เป็นซิลิโคนโมเลกุลเล็กที่เหมาะกับคนผิวมัน ผิวผสมมาก และถือเป็นตัวสำคัญสุดมาก เพราะจะช่วยล็อคความชุ่มชื่นผิวเราไม่ให้ระเหยออกไป
นอกจากตัว Highlight ที่เราบอกไป จริงๆยังมีส่วนผสมอื่นๆอีก ที่ให้ความชุ่มชื่นกับผิว รวมถึงมี Vitamin E กับ ตัว Salicylic Acid ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวอ่อนๆ ลดความมัน แถมยังเหมาะกับคนผิวเป็นสิวด้วย
ดูจากส่วนผสมแล้วถือว่าดีมากๆ ต่อไปเรามาทำความรู้จักกับผิวเรานะ
มารู้จักผิวเรากัน
Face type : ผิวผสม ขาดน้ำ
อธิบายง่ายๆ ก็คือเราเป็นคนผิวมันนิดๆ ช่วงหน้าผาก จมูก แต่ช่วงแก้มกับคาง มีความแห้ง
ด้วยความที่ช่วงนี้เป็นหน้าหนาว สาวเมืองเหนือแบบเรา ก็ยังอยู่ในช่วงอากาศเย็นและแห้ง เพราะงั้นผิวเราเลยค่อนไปทาง แห้ง แดง ง่ายมาก รวมถึงมีปัญหาสิวอุดตันเป็นเพื่อนมาตลอด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อากาศบริเวณที่เราอยู่จะมีองศาประมาณนี้ในช่วงนี้ และด้วยความที่เราอาศัยอยู่ในตัวเมืองอากาศเลยจะดูแห้งมากกว่าบริเวณนอกตัวเมือง
มาถึงตรงนี้ทุกคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเราถึงเลือกตัว Gel cream แทนตัว Cream เพราะดูจะมีปัญหาผิวแห้งมากกว่า
📌3 เหตุผล ที่เลือก Gel Cream
👍 เนื้อเจลซึมง่าย สบายผิว
👍 Oil-free ไม่มีส่วนผสมจากน้ำมัน
👍 ส่วนผสมให้ความชุ่มชื่นเยอะไม่แพ้ตัว Cream
📌เนื้อเจลมีสีใสขุ่น เนื้อบางเบา ไม่หนักผิวเลย ความรู้สึกคือทาลงบนหน้าแล้วซึมเลย แถมยังมีความรู้สึกเย็นๆ สดชื่นหลังทาด้วย
เราใช้ Moisturizer ยังไงกันนะ
มาถึงวิธีการใช้ Moisturizer ของเรา ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าสำหรับเรา moisturizer ถือว่าเป็นตัวที่สำคัญมากที่สุด เพราะต้องใช้ทุกวัน เช้า-เย็น
วิธีการใช้ Skincare ของเราคือ “Skin Cycling”
Skin Cycling คือ การใช้สกินแคร์แบบสลับวัน เพราะให้ผิวเราได้มีวันที่พักผ่อนบ้าง โดยสกินแคร์สำคัญที่ต้องมีเลยคือ Cleanser Moisturizer และ กันแดด
💝Skin Cycling ฉบับของเรา
☀️
ช่วงเช้า (ทุกวัน) ล้างหน้าด้วย Cleanser ➡️
Kiehl’s Ultra Facial Oil-Free Gel Cream ➡️ และปิดท้ายด้วย กันแดด
🌙
กลางคืน (วันที่1) ล้างหน้าด้วย Cleanser ➡️ AHA+BHA ➡️ ปิดท้ายด้วย
Kiehl’s Ultra Facial Oil-Free Gel Cream
🌙
กลางคืน (วันที่2) ล้างหน้าด้วย Cleanser ➡️ Vitamin A (Retinol) ➡️ ปิดท้ายด้วย
Kiehl's Ultra Facial Oil-Free Gel Cream
🌙
กลางคืน (วันที่3) ล้างหน้าด้วย Cleanser ▶️ และปิดท้ายด้วย
Kiehl’s Ultra Facial Oil-Free Gel Cream
จะเห็นได้เลยว่า Moisturizer สำคัญมากและต้องใช้ทุกวัน ทุกเวลา เพราะฉะนั้นรีวิวของเราจะให้ดูว่า การใช้ Moisturizer ของเรา กับ Skin Cycling เป็นยังไงบ้าง รวมถึง การใช้ Kiehl’s Ultra Facial Oil-Free Gel Cream ทั้ง 2กระปุก (เราใช้ได้ 14 วัน) ทำให้ผิวเราดีขึ้นยังไงบ้าง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้📍(เราเริ่ม Cycling ประมาณอาทิตย์ที่ 2 กระปุกที่2 โดยก่อนหน้านั้น1อาทิตย์เราพักหน้าโดยใช้แค่ Skincare พื้นฐานพร้อมกระปุกแรก
Day 1 ใช้ร่วมกับ AHA+BHA แค่วันแรกก็ OMG! แล้ว ส่วนตัวเรามีปัญหาสิวฮอโมนในวันแรกที่ใช้ตาม Cycling ซึ่งผลลัพธ์หลังจากใช้ไป 20hr. ต้องบอกได้เลยว่าลดการอักเสบของสิวได้ดีมาก พร้อมกับลดรอยแดงด้วย
Day 2 ใช้ร่วมกับ Retinol ซึ่งเป็นกรด Vitamin A แบบที่ไม่แรงมาก ส่วนตัวเป็นครั้งแรกของเราที่ใช้กรด vitamin A เลยแอบกังวลว่าจะมีการแพ้ไหม แต่ปรากฏว่า Kiehl’s เอาอยู่จริง หน้าไม่แห้ง แตก สิวเราแห้งแบบสนิท เหลือแต่แผลเป็นจากการกดสิว 😅 (ก็มันอดใจไม่ไหวจริงๆ)
Day 3 day off ของผิวเรา แต่รอยแดงกลับลดลงแบบชัดเจนมาก
เอ้ะ!! แล้วผิวหน้าสด แบบ ไม่มี Skincare เป็นยังไงนะ?
หลังจากใช้มา1กระปุก เราก็แอบคิดว่า 24hr. มันยังไม่พอ5555 Moisturizer ที่ดีต้องบำรุงผิวเราแบบระยะยาวได้สิ แบบนี้ก็ต้องลองมาดู Before After กันหน่อย
ยอมรับว่าผิวเราดีขึ้นแบบ 100% ตามที่แบรนด์บอกว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นหลังจากใช้ไป 14 วันขึ้นไป เริ่มแรกผิวเราจะดูแห้งมาก (ผิวหลังล้างหน้าเสร็จ ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีขึ้นไป แบบยังไม่ลง skincare) หลังจากที่ใช้ไปประมาณ2สัปดาห์ ผิวเราดูแข็งแรงขึ้นมากโดยหลังล้างหน้า10นาที ไม่ได้รู้สึกผิวแห้งมาก และผิวแห้งก็ยังดูมีความชุ่มชื้นทิ้งไว้อยู่
Summary 👍 ใช้แล้วเป็นยังไงกันนะ?
มาถึงตรงนี้น้องบอกว่าเป็น Moisturizer ที่ดีมาก ชอบตรงที่เหมือนเป็นการบูทผิวไปเรื่อยๆ เน้นทำให้ผิวแข็งแรงตามสภาพผิว รวมถึง เนื้อเจล ก็ซึมง่าย ชอบที่เย็นสดชื่นหลังทา และให้ฟีลผิวลื่นๆ นุ่มๆ หลังทาทันที และจริงๆน้องดูเป็น moisturizer ที่เหมาะกับทุกสภาพผิวจริงๆ รวมถึงคนผิวแห้ง ที่อาจจะไม่ชอบเนื้อครีม ตัวนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีนะ อีกเหตุผลคือ เรามีปัญหาก่อนใช้คือ เวลาแต่งหน้า โดยเฉพาะเวลาใส่แป้งพัพ หน้าจะแห้ง และแป้งไม่เคยติดผิวเลย เนื้อจะดูแห้งๆ แตกๆ ตลอด แต่หลังจากใช้ตัวนี้เราใช้แป้งพัพได้แบบไม่กังวลเลย เพราะแต่งหน้าแล้วแป้งติดหน้าแบบเป็นงานผิวมาก สรุปเลย Kiehl’s Ultra Facial Oil-Free Gel Cream ให้ผ่านแบบลูกรักไปเลย เพราะน้องคือ Moisturizer ที่คลอบจักรวาลความชุ่มชื้นขั้นสุด 😀
📋มาเช็คลิสให้คะแนนเป็นข้อกัน
✅ เนื้อผลิตภัณฑ์ 10/10
✅ ความชุ่มชื่น 10/10
✅ ความอ่อนโยน 10/10
✅ บรรจุภัณฑ์ 9/10 (* เราหัก1คะแนน เพราะถึงจะเป็นกระปุก แต่เราแอบรู้สึกกะปริมาณยาก ส่วนตัวเราใช้เน้นทาให้ทั่วแบบไม่ได้ควักตัวเจลออกมาทีละเยอะๆ เลยรู้สึกกะยากไปหน่อย)
✅ ความคุ่มค่า 10/10 (* สำหรับเรามองว่าคุ้มค่ามาก ถ้าเทียบกับผลลัพธ์ และเทคโนโลยีของเขา)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ในมุมมองราคา สำหรับเราจัดอยู่ในหมวด skincare ราคาสูงแต่เนื่องจากเราได้ตัวทดลองมาใช้ฟรี พอได้ลองแล้วเรารู้สึกว่าในมุมเราอยากให้ลองโฟกัสตรงความคุ้มค่าแล้วตัดสินใจเอา เพราะแบรนด์เองก็มีขนาดให้เลือกเยอะ รวมถึงมีขนาดรีฟิลด้วยนะ ถือว่าใช้ได้เลย 👍
อย่าพึ่งไปไหนแอบมาดู spoil! เราก่อน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แอบไปหาข้อมูลมา เหมือนสูตร Gel Cream จะเป็นสูตรที่ปรับมาจากสูตรเก่าที่มี Alcohol และตัดส่วนผสม Extract บางตัว ที่อาจจะมีคนผิวแพ้ง่ายมากๆ แพ้ได้ออกไป เราว่าแบรนด์พัฒนาได้ดีมากๆ ทำให้คนผิวแพ้ง่ายใช้ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แอบอยากลองตัว Kiehl’s Ultra Facial Cream อยู่นะ อิอิ เพราะสาวชาวเหนืออย่างเราถ้าไปขึ้นดอย หรือที่เย็นจัด เราว่า ตัว cream คงให้ฟีลลิ่งไปอีกแบบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จริงๆแอบตกใจตรงที่แบรนด์มีขนาดรีฟิล มาตั้ง 150 ml. ส่วนตัวเราว่าลงทุนซื้อขนาด 50-125ml. มา 1 ครั้ง แล้วซื้อตัวรีฟิลมาเติมจะดูคุ้มค่าคุ้มราคามากขึ้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ด้วยความที่เดียวนี้คนโฟกัสกับเรื่อง sustainability มากขึ้น แล้วแบรนด์ Kiehl’s ก็อยู่ในเครือของ L'Oréal Group ที่ตอนนี้ประกาศออกมาแล้วว่าจะสนับสนุนเรื่องนี้ (L'Oréal for the Future) 👏👏 ใครที่สนใจในส่วนนี้ หรืออยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับ Kiehl’s Ultra Facial Oil-Free Gel Cream ในด้าน Environmental impact ก็สามารถเข้าไปดูในหน้าเว็บไซต์ของ Kiehl’s (English version) ได้นะ
[SR] Review:: 🌟Kiehl’s Ultra Facial Oil-Free Gel Cream🌟 แบบฉบับคนเริ่มทำ Skin Cycling
ตัวที่เราได้รับเป็น Kiehl’s Ultra Facial Oil-Free Gel Cream น้องเป็น Moisturizer ตัวดัง ตัวใหม่ล่าสุดของ Kiehl’s ที่ครั้งนี้มาพร้อมกับสูตรสำหรับคนผิวมัน-ผสม โดยเฉพาะ เพราะนอกจากจะเป็นเนื้อเจลบางเบา ยังช่วยลดความมัน พร้อมทั้งกักเก็บความชุ่มชื้นยาวนานถึง 24 ชั่วโมง
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว สาวผิวผสมแบบเราก็ต้องขอลองซักหน่อยแล้วว 👍
ก่อนจะไปดูรีวิว เราแวะมาดูส่วนผสมกันก่อน
สิ่งที่ชอบเลย คือ moisturizer ตัวนี้ สามารถใช้คำว่า น้อยแต่มาก ได้เลย เพราะส่วนผสมเขาน้อยมาก แต่คัดมาแต่ตัวดีเน้นๆ ลองมาดูที่ตัว Highlights สำหรับเรา
✅ Glycerin เป็นตัวช่วยดึงน้ำเข้าผิวที่ฮอตฮิตสุด เพราะให้ความชุ่มชื่นได้ขั้นสุด
✅ Micronized Amino Acid เป็นสูตรผสมเฉพาะของทางแบรนด์ ซึ่งเท่าที่เราดูจาก ingredient list คือเป็นตัวที่ช่วยลดความมัน กับ ให้ความเย็นสดชื่นกับผิวพร้อมกัน *แอบกระซิบหน่อยว่าส่วนผสมนี้เจอได้แค่กับผลิตภัณฑ์ใน Kiehl’s เท่านั้นนะ
✅Glacial Glycoprotein ตัวนี้เป็นตัวที่ดูคลอบจักรวาลมากๆ ส่วนผสมจากธารน้ำแข็งในทะเลทวีปแอนตาร์ติกา ที่ให้ทั้งความชุ่มชื่น พร้อมกับลดปัญหาผิว แห้ง แดงจากอากาศเย็นได้ รวมถึงช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนด้วย
✅ Dimethicone ตัวนี้เป็นซิลิโคน แต่อย่าพึ่งกลัวน้องนะว่าจะอุดตันไหม เพราะตัวนี้เป็นซิลิโคนโมเลกุลเล็กที่เหมาะกับคนผิวมัน ผิวผสมมาก และถือเป็นตัวสำคัญสุดมาก เพราะจะช่วยล็อคความชุ่มชื่นผิวเราไม่ให้ระเหยออกไป
นอกจากตัว Highlight ที่เราบอกไป จริงๆยังมีส่วนผสมอื่นๆอีก ที่ให้ความชุ่มชื่นกับผิว รวมถึงมี Vitamin E กับ ตัว Salicylic Acid ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวอ่อนๆ ลดความมัน แถมยังเหมาะกับคนผิวเป็นสิวด้วย
ดูจากส่วนผสมแล้วถือว่าดีมากๆ ต่อไปเรามาทำความรู้จักกับผิวเรานะ
มารู้จักผิวเรากัน
Face type : ผิวผสม ขาดน้ำ
อธิบายง่ายๆ ก็คือเราเป็นคนผิวมันนิดๆ ช่วงหน้าผาก จมูก แต่ช่วงแก้มกับคาง มีความแห้ง
ด้วยความที่ช่วงนี้เป็นหน้าหนาว สาวเมืองเหนือแบบเรา ก็ยังอยู่ในช่วงอากาศเย็นและแห้ง เพราะงั้นผิวเราเลยค่อนไปทาง แห้ง แดง ง่ายมาก รวมถึงมีปัญหาสิวอุดตันเป็นเพื่อนมาตลอด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มาถึงตรงนี้ทุกคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเราถึงเลือกตัว Gel cream แทนตัว Cream เพราะดูจะมีปัญหาผิวแห้งมากกว่า
📌3 เหตุผล ที่เลือก Gel Cream
👍 เนื้อเจลซึมง่าย สบายผิว
👍 Oil-free ไม่มีส่วนผสมจากน้ำมัน
👍 ส่วนผสมให้ความชุ่มชื่นเยอะไม่แพ้ตัว Cream
📌เนื้อเจลมีสีใสขุ่น เนื้อบางเบา ไม่หนักผิวเลย ความรู้สึกคือทาลงบนหน้าแล้วซึมเลย แถมยังมีความรู้สึกเย็นๆ สดชื่นหลังทาด้วย
เราใช้ Moisturizer ยังไงกันนะ
มาถึงวิธีการใช้ Moisturizer ของเรา ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าสำหรับเรา moisturizer ถือว่าเป็นตัวที่สำคัญมากที่สุด เพราะต้องใช้ทุกวัน เช้า-เย็น
วิธีการใช้ Skincare ของเราคือ “Skin Cycling”
Skin Cycling คือ การใช้สกินแคร์แบบสลับวัน เพราะให้ผิวเราได้มีวันที่พักผ่อนบ้าง โดยสกินแคร์สำคัญที่ต้องมีเลยคือ Cleanser Moisturizer และ กันแดด
💝Skin Cycling ฉบับของเรา
☀️ช่วงเช้า (ทุกวัน) ล้างหน้าด้วย Cleanser ➡️ Kiehl’s Ultra Facial Oil-Free Gel Cream ➡️ และปิดท้ายด้วย กันแดด
🌙 กลางคืน (วันที่1) ล้างหน้าด้วย Cleanser ➡️ AHA+BHA ➡️ ปิดท้ายด้วย Kiehl’s Ultra Facial Oil-Free Gel Cream
🌙 กลางคืน (วันที่2) ล้างหน้าด้วย Cleanser ➡️ Vitamin A (Retinol) ➡️ ปิดท้ายด้วย Kiehl's Ultra Facial Oil-Free Gel Cream
🌙 กลางคืน (วันที่3) ล้างหน้าด้วย Cleanser ▶️ และปิดท้ายด้วย Kiehl’s Ultra Facial Oil-Free Gel Cream
จะเห็นได้เลยว่า Moisturizer สำคัญมากและต้องใช้ทุกวัน ทุกเวลา เพราะฉะนั้นรีวิวของเราจะให้ดูว่า การใช้ Moisturizer ของเรา กับ Skin Cycling เป็นยังไงบ้าง รวมถึง การใช้ Kiehl’s Ultra Facial Oil-Free Gel Cream ทั้ง 2กระปุก (เราใช้ได้ 14 วัน) ทำให้ผิวเราดีขึ้นยังไงบ้าง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Day 1 ใช้ร่วมกับ AHA+BHA แค่วันแรกก็ OMG! แล้ว ส่วนตัวเรามีปัญหาสิวฮอโมนในวันแรกที่ใช้ตาม Cycling ซึ่งผลลัพธ์หลังจากใช้ไป 20hr. ต้องบอกได้เลยว่าลดการอักเสบของสิวได้ดีมาก พร้อมกับลดรอยแดงด้วย
Day 2 ใช้ร่วมกับ Retinol ซึ่งเป็นกรด Vitamin A แบบที่ไม่แรงมาก ส่วนตัวเป็นครั้งแรกของเราที่ใช้กรด vitamin A เลยแอบกังวลว่าจะมีการแพ้ไหม แต่ปรากฏว่า Kiehl’s เอาอยู่จริง หน้าไม่แห้ง แตก สิวเราแห้งแบบสนิท เหลือแต่แผลเป็นจากการกดสิว 😅 (ก็มันอดใจไม่ไหวจริงๆ)
Day 3 day off ของผิวเรา แต่รอยแดงกลับลดลงแบบชัดเจนมาก
เอ้ะ!! แล้วผิวหน้าสด แบบ ไม่มี Skincare เป็นยังไงนะ?
หลังจากใช้มา1กระปุก เราก็แอบคิดว่า 24hr. มันยังไม่พอ5555 Moisturizer ที่ดีต้องบำรุงผิวเราแบบระยะยาวได้สิ แบบนี้ก็ต้องลองมาดู Before After กันหน่อย
ยอมรับว่าผิวเราดีขึ้นแบบ 100% ตามที่แบรนด์บอกว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นหลังจากใช้ไป 14 วันขึ้นไป เริ่มแรกผิวเราจะดูแห้งมาก (ผิวหลังล้างหน้าเสร็จ ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีขึ้นไป แบบยังไม่ลง skincare) หลังจากที่ใช้ไปประมาณ2สัปดาห์ ผิวเราดูแข็งแรงขึ้นมากโดยหลังล้างหน้า10นาที ไม่ได้รู้สึกผิวแห้งมาก และผิวแห้งก็ยังดูมีความชุ่มชื้นทิ้งไว้อยู่
Summary 👍 ใช้แล้วเป็นยังไงกันนะ?
มาถึงตรงนี้น้องบอกว่าเป็น Moisturizer ที่ดีมาก ชอบตรงที่เหมือนเป็นการบูทผิวไปเรื่อยๆ เน้นทำให้ผิวแข็งแรงตามสภาพผิว รวมถึง เนื้อเจล ก็ซึมง่าย ชอบที่เย็นสดชื่นหลังทา และให้ฟีลผิวลื่นๆ นุ่มๆ หลังทาทันที และจริงๆน้องดูเป็น moisturizer ที่เหมาะกับทุกสภาพผิวจริงๆ รวมถึงคนผิวแห้ง ที่อาจจะไม่ชอบเนื้อครีม ตัวนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีนะ อีกเหตุผลคือ เรามีปัญหาก่อนใช้คือ เวลาแต่งหน้า โดยเฉพาะเวลาใส่แป้งพัพ หน้าจะแห้ง และแป้งไม่เคยติดผิวเลย เนื้อจะดูแห้งๆ แตกๆ ตลอด แต่หลังจากใช้ตัวนี้เราใช้แป้งพัพได้แบบไม่กังวลเลย เพราะแต่งหน้าแล้วแป้งติดหน้าแบบเป็นงานผิวมาก สรุปเลย Kiehl’s Ultra Facial Oil-Free Gel Cream ให้ผ่านแบบลูกรักไปเลย เพราะน้องคือ Moisturizer ที่คลอบจักรวาลความชุ่มชื้นขั้นสุด 😀
📋มาเช็คลิสให้คะแนนเป็นข้อกัน
✅ เนื้อผลิตภัณฑ์ 10/10
✅ ความชุ่มชื่น 10/10
✅ ความอ่อนโยน 10/10
✅ บรรจุภัณฑ์ 9/10 (* เราหัก1คะแนน เพราะถึงจะเป็นกระปุก แต่เราแอบรู้สึกกะปริมาณยาก ส่วนตัวเราใช้เน้นทาให้ทั่วแบบไม่ได้ควักตัวเจลออกมาทีละเยอะๆ เลยรู้สึกกะยากไปหน่อย)
✅ ความคุ่มค่า 10/10 (* สำหรับเรามองว่าคุ้มค่ามาก ถ้าเทียบกับผลลัพธ์ และเทคโนโลยีของเขา)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อย่าพึ่งไปไหนแอบมาดู spoil! เราก่อน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม