สิ่งที่เราเขียนจะอ้างอิงจากประสบการณ์ที่เราเจอไม่ได้เหมารวมว่าทุกที่จะเป็นอย่างนี้ โปรดใช้วิจรณญาในการอ่าน

การพักเบรก
ที่ญี่ปุ่นนั้นจะมีการเรียน 50 นาทีต่อหนึ่งวิชาแล้วจะมรการพักเบรก ซึ่งในการเบรกนั้นนักเรียนจะทำอะไรก็เช่น ในห้องฟังไม่เข้าใจก็ไปถามอาจารย์ คุยกับเพื่อน กินขนม เล่นเกม และในระหว่างเบรกนั้นนักเรียนจะต้องเตรียมหนังสือเพื่อเรียนคาบต่อไป  
ข้อดี: คือเรารู้สึกว่ามันจะให้สมองได้พัก พอสมองได้มีการพักมันทำให้เราเรียนคาบต่อไปได้อย่างมีและสิทธิภาพมากขึ้น

การสอบ
ข้อสอบที่ออกตามที่สอนจริงๆ อ่านที่สอน=ทำได้อย่างแน่นอน สอบเสร็จเอาข้อสอบกลับบ้านได้เลย ครูจะขอเก็บแค่กระดาษคำตอบ เมื่อครูตรวจคะแนนเสร็จแล้วก็จะให้คืนเหมือนกัน ที่รู้สึกอึ้งมากเลยคือผลสอบ
「↓↓อันนี้คือผลสอบที่เราได้รับจากโรงเรียน ↓↓」

ผลสอบจะเขียนบอกทุกอย่างเลยแม้กระทั่งเปอร์เซ็นที่นักเรียนทำได้ในแต่ละข้อ ผลสอบบางวิชามีกราฟบอกด้วย หรือบางวิชาจะเขียนไว้ว่าแต่ละห้องนักเรียนเป็นอย่าไง เช่นห้องนี้มีเด็กB+ เยอะ หรือห้องน้ำมีทั้งคนที่ได้คะแนนน้อยสุดของชั้นและสูงสุดของชั้นอยู่ด้วยกัน
ข้อดี: อาจารย์จะนำเอาข้อมูลของแต่ละห้องมาวิเคราะห์ว่าห้องนี้เราควรให้โจทย์ความยากง่ายระดับไหน ผลสอบและะข้อสอบที่อาจารย์ให้กลับบ้านนักเรียนญี่ปุ่นส่วนมากจะเอาข้อที่ตัวเองผิดมาเขียนแล้วทำความเข้าใจ เหมือนสอนให้เรียนรู้จากสิ่งที่ผิดพลาด แล้วเอาใหม่

การสอน
การให้นักเรียนได้พูดคุยกัน ไม่ใช่ว่าคุยกันว่า วันนี้กินอะไร หรือดารา ศิลปินนะ ให้คุยกันเรื่องคำตอบ ครูญี่ปุ่นชอบตั้งคำถามให้นักเรียน แล้วก็จะบอกให้นักเรียนปรึกษาคำตอบกับคนข้างๆ หลังจากนั้นก็จะให้นักเรียนตอบคำถาม
ข้อดี: การคุยกันระหว่างเพื่อนมันทำให้เรากล้าแสดงออก กล้าแสดงความคิด และยังได้เพื่อนใหมอีกด้วย