ขออนุญาตเกริ่นก่อนเลยว่า เราอายุ21 ฝ่ายชายอายุ25 คบกันแบบอาศัยอยู่ร่วมกันในบ้านที่เช่าอยู่ (คบกันได้ประมาณ2เดือน เราก็ย้ายมาอยู่กับเขา รวมระยะเวลาประมาณ 1 ปีเศษ) เราสองคนเริ่มคบกันในตอนที่ตัวเราเองมีเงินเก็บอยู่แล้ว 50k+ ส่วนฝ่ายชายไม่มีเงินและมีหนี้นอกระบบประมาณ 10k ในระบบประมาณ 30k ซึ่งเท่าที่รู้คือครอบครัวทางแฟนมีงานทำกันทุกคน (ภาระที่มี เท่าที่เรารู้คือส่งค่างวดรถ) และแฟนจะส่งให้ให้ทางบ้านเดือนละ 3000 บาท
เราคบกันได้ประมาณ 3 เดือน เราสองคนสามารถช่วยกันปลดหนี้ของเขาได้ทั้งหมด (ก่อนย้ายมาอยู่ด้วยกันตกลงกันว่าให้เราเป็นคนเก็บและจัดสรรค์เงินแต่เพียงผู้เดียว) และเมื่อคบกันได้1ปีเต็ม เราสองคนมีเงินเก็บ 150k+ 
       และตอนนี้เรากำลังประสบปัญหากับทางครอบครัวของแฟน เพราะพักหลังๆมานี้ ทางครอบครัวแฟนจะโทรมาขอเงินบ่อย 1000-5000 บาท เดือนละ1-2ครั้ง (ทุกสิ้นเดือนจะให้3000ทุกเดือนอยู่แล้ว) ซึ่งเราก็ให้ตลอดและไม่เคยซักไซร้ว่าเอาไปทำอะไร แต่เราก็พยายามคุยกับแฟนว่าเราไม่ค่อยโอเค เพราะทุกครั้งที่ให้จะเป็นเงินในส่วนที่เราใช้ใช้จ่ายประจำวัน แต่ตอนนี้มันเริ่มจะไม่พอและเราต้องควักเงินเก็บ (ที่เก็บเพื่อนำไปซื้อบ้าน หรืออื่นๆที่วาดฝันกันไว้ในอนาคต หรือใช้เมื่อเกิดเหตุสุดวิสัยจริงๆ) ซึ่งตอนที่แฟนไม่มีเงินและเป็นหนี้ ทางแม่แฟนก็ไม่เคยมาร่ำไรแบบนี้
       1) เราคุยกับแฟนว่าเราควรให้เท่าที่เราไม่เดือดร้อนหรือเปล่า?
            - แฟนก็บอกว่าตอนนี้แม่ก็เดือนร้อนอยู่เลยต้องโทรมาขอนี่ไง
       2) เราถามแฟนไปว่าแล้วจะเดือดร้อนไปจนถึงเมื่อไหร่ ตอนเราไม่มีเขาก็ไม่เคยมาขอ งั้นเราให้เพิ่มเป็นเดือนละ 5000-6000 ไปเลยมั้ย จะได้ให้ทีเดียวเลยแล้วจะได้จัดสรรค์เงินเก็บกันใหม่
            - แฟนตอบมาว่ายิ่งให้มากก็ยิ่งใช้มาก ให้เท่าไหร่ก็ไม่พออยู่ดี (พอได้ยินประโยคนี้เราเลยพบคำตอบของตัวเองแล้วว่าควรพอและก็เลยไม่ได้ถามต่อว่าแม่เอาไปใช้ทำอะไรบ้าง) 
       ส่วนตัวเรามองว่าเขาไม่ได้นีกถึงเรื่องราวในอนาคตที่เคยวาดฝันกันไว้เท่าที่ควร เราทำดีแล้วหรือเปล่าที่เลือกเดินออกมา (ปัญหาคือแค่เรื่องเงินจริงๆค่ะ เรื่องนิสัยและความสัมพันธ์เราดีมาตลอด พูดได้เต็มปากเลยว่าเขาเป็นผู้ชายที่ดีคนนึงเลยค่ะ) เราคิดว่าเราเปลี่ยนชีวิตเขาได้ส่วนหนึ่งแต่คงไม่สามารถทำต่อไปได้อีกแล้วค่ะ