๏ ... อาลัย ครูมืด ... ๏

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
กาพย์เห่เรือนั้น ใช้คำประพันธ์ 2 ชนิดด้วยกัน นั่นคือ กาพย์ยานี 11 และโคลงสี่สุภาพ เรียงร้อยกันในลักษณะที่เรียกว่า กาพย์ห่อโคลง โดยมักขึ้นต้นด้วยโคลง 1 บท แล้วตามด้วยกาพย์ยานี เรื่อยไป จนจบตอนหนึ่งๆ เมื่อจะขึ้นตอนใหม่ ก็จะยกโคลงสี่สุภาพมาอีกหนึ่งบท แล้วตามด้วยกาพย์จนจบตอน เช่นนี้สลับกันไป

กาพย์เห่เรือที่เก่าแก่ที่สุด ที่พบในเวลานี้ คือ กาพย์เห่เรือในเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ (เจ้าฟ้ากุ้ง) ในรัชกาลพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ สมัยอยุธยาตอนปลาย ทรงแต่งไว้ 2 เรื่อง คือบทเห่ชมเรือ ชมปลา ชมไม้ และชมนก มีลักษณะเป็นเหมือนนิราศ กับอีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่องกากี

สันนิษฐานกันว่ากาพย์เห่เรือ เดิมคงจะแต่งเพื่อขับเห่กันเมื่อเดินทางไกลในแม่น้ำลำคลอง แต่ในภายหลังคงมีแต่เจ้านายหรือพระราชวงศ์ชั้นสูง และสุดท้ายมีใช้แต่ในกระบวนเรือของพระเจ้าแผ่นดินเท่านั้น

กาพย์เห่เรือไม่สู้จะนิยมประพันธ์กันมากนัก เนื่องจากถือเป็นคำประพันธ์สำหรับใช้ในพิธีการ คือ ในกระบวนเรือหลวง หรือกระบวนพยุหยาตราชลมารค ไม่นิยมใช้ในพิธีหรือสถานการณ์อื่นใด การแต่งกาพย์เห่เรือจึงมักแต่งขึ้นสำหรับที่จะใช้เห่เรือจริงๆ ซึ่งในแต่ละรัชกาล มีการเห่เรือเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

กาพย์ ห่อโคลง " เห่เรือแป๊ะ "

22.27 น.

เกิดมา วาสนาน้อย               เพียงได้ลอย เรือในคลอง
พายงัด คัดท้ายล่อง                   เลียบตลิ่ง วางเบ็ดราว

วางเบ็ด เสร็จแล้วจอด          หาทีปลอด ภัยแล้ว ฮ้าววว
เอนหลังพักผ้กผ่อน         ปูสาดนอน คร่อกฟรี๊ยย์ ฟรี๊ยยย์

 
โคลงเคลง หน้ามืดโล้       เรือแป๊ะ
จอดฝั่งคลอง งัดแงะ                            ก่งไม้
ไล่ตะครุบ ปลา แงะ                       เหงือกสอด เชือกแล
ผูกสะเอว แล้วใช้                                                      ลวดล้วงรูปู
เกี่ยวเกาะ เลาะเลี้ยวลอด      โอบกอดราก ต้นโกงกาง
ลูกจาก ตัดมาวาง                       กองไว้ก่อน ไปล้วงปู
  
ปลาตีนวิ่งพล่าน ปล่อย               มันไปลอย หน้าคอยดู
อั๊ยหยา มาเจองู                         แน้หัวกู หลุดมาได้ไง

ทงเบ็ดทง เกี่ยวไส้             เดือนดิน
วางเบ็ดราว แล้วกิน                              ไข่ต้ม
กระตืบกระตืบตามหิน                      หอยหมก โคลนเวย
ใส่กระชัง ลุกล้ม                                        ลากไม้แหลนหลาว
เลียบตลิ่ง เลือกแทงปลา    เหน็บตาข่าย สะพายกระชัง
สามง่ามแทงปลา ทั้ง                 มีดขอผ้าขะม้าคาดเอว

เดินย่งโย่ ยงยก                    เขยกโขยก ฮ้า กระทุงเหว
ไอ้ช่อนใหญ่ฮุบ เร็ว                   สามง่าม ซ้วบ ตัวบักเอ้บ

แทงปลาตัวใหญ่น้อย         ในซอก หินเฮย
ปลาดุก ปลากระบอก                                 ช่อน-ช้ำ
ชะโด สวาย พุ่งหอก                                                   สามง่าม
ปลาติดเบ็ด รีบจ้ำ                                                              จอดกู้เบ็ดราว

                  
23.32 น.

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
23.34 น.

ครูมืด ครูพากย์โขน                  ครูผ่านพ้น พันธะพระครูแล้ว
ประสาท ทองอร่าม แก้ว                เกํจเพชรน้ำหนึ่ง ในสยาม

ยังเหลืออยู่ มากน้อย               หน่วยสิบร้อย หรือ ไร้ ชื่อนาม
ครูมีศิษย์ เดินตาม                    ร้อยเท้าท่าน วันนี้ มีใครแทน


หนึ่งในร้อย เพชรน้ำ          หนึ่งเดียว
ประสาท สองอร่าม เรียว                   หลักร้อย
พากย์โขน เห่เรือ เกรียว                         กราวกึก ก้องแล
ครูมืด แอบม่าน ถ้อย                                           สะท้านสุวรรณภูมิ

23.44 น

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
23.45 น.

นางรำ  แล นักร้อง          หลากหลาย
เสียงพากย๋โขน เสมอชาย                  ชื่อนี้
ฝึกร้อง ฝึกรำ นาย                           นางแรก รุ่นเอย
นาฏคิตศิลป์ น้องผี้                                      ฝึกได้หลายพัน

พรสวรรค์ เสียงพากย์ก้อง        กังวาล
ไม่ยากที่ ฝึก เสียงสนาน               เสนาะได้
โคลงฉันท์กาพย์กลอนกานท์                          ฐานหลัก
ดนุ รักร้อยถ้อยกวี ไร้                                           กวิแก้วจูงใจ


23.59 น.
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
จารึกไว้ 
ด้วย
ขวัญจินตกวีนกผี
กวีคำผวน * กวนวะคำผี * กวนหวีคำพระ
31/1/2567
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่