ซื่อบื้อ

'เฮ้ย! รีบไปสิวะ ไอ้ซื่อบื้อเอ๊ย! '

ท่าทางของเขาคงจะแปลได้ประมาณนั้น ชายผู้นุ่งกางยีนส์ใส่เชิ้ตสีฟ้าอ่อนซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าประตูมินิมาร์ทที่ผมเพิ่งออกมา

เมื่อผมกวาดสายตาโดยรอบและไปหยุดที่เขา ผมก็ได้เห็นสีหน้ากับแววตาบ่งบอกถึงความขัดใจ

ผมว่าเขาเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนะ น่าจะตั้งแต่ที่ผมเดินออกมาจากมินิมาร์ตนั่นแล้ว เขาเดินตามผมออกมาแต่หยุดตรงหน้าประตู เขาแค่มาค่าเวลารอลูกค้า ในขณะที่ผมนั้นเมื่อเสร็จธุระแล้วก็จะรีบกลับ

ผมมองจักรยานยนต์ที่จอดระเกะระกะอย่างหัวเสีย ยิ้มเอ๊ย! มาจอดปิดทางออกกันหมด ผมระบายความคิดในใจและพยายามเข็นรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าคันเก่งของผมให้พ้นจากบรรดารถที่จอดกีดขวางกันอยู่นั้น

ผมว่ามันพ้นแล้วนะ แต่ก็มีเสียงดังโครมพร้อมกับรถคันที่อยู่ด้านข้างล้มลงไป อะไรสักอย่างจากรถของผมคงไปเกี่ยวมันเข้านั่นแหละ เสียเงินอีกแล้วกู ผมคิดในใจ แต่ที่แน่ ๆ เจ้าของรถคันนั้นจะต้องหัวเสียบ้างไม่มากก็น้อย

ผมรีบจับรถคันนั้นตั้งขึ้นพร้อมกับเตรียมคำขอโทษ ก็แค่ยอมรับผิด ผมมักบอกตัวเองแบบนั้นเสมอเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ 

ผมมองไปรอบ ๆ ก่อนสอดสายตาเข้าไปในมินิมาร์ต คิดว่าเจ้าของรถคันที่ผมเพิ่งจับตั้งคงอยู่ในนั้น อาจจะเป็นคู่ฝรั่งกับเมียฅนไทยนั่นก็ได้ แล้วสายตาของผมก็ไปสะดุดกับเขาเข้าพอดี

'เฮ้ย! รีบไปสิวะ ไอ้ซื่อบื้อเอ๊ย! '

ใช่! ท่าทางบุ้ยใบ้ของเขามันแปลได้แบบนั้นจริง ๆ

กับหลายความรู้สึกที่ปนเปกันไป ผมขับรถออกมาโดยไม่ได้ขอบคุณเขาเลยด้วยซ้ำ เขามีน้ำใจช่วยสอนให้ผมรู้จักเอาตัวรอด ด้วยวิธีที่ผมเคยถูกสอนว่ามันคือการเห็นแก่ตัว ผมอาจไม่เข้าใจโลกไม่เข้าใจสังคม หรือสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของผมมันเสื่อมไปแล้ว

หรือไม่ ผมก็คงซื่อบื้อจริง ๆ นั่นแหละ.

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่