สวัสดีครับชาวพันทิป
วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์การมีแฟนแสนดี เอาอกเอาใจ แต่ขี้หึง เผื่อว่าจะมีเพื่อนที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่จะได้มีแนวทางในการจัดการกันนะครับ
ผมกับแฟนคบกันมา 5 ปีแล้วครับ ตลอดเวลาที่คบกันผมไม่เคยมีปัญหาอะไรกับเขาเลย เขาเป็นคนดี รักผมมาก และเอาอกเอาใจผมทุกอย่าง เรียกได้ว่าแทบจะเสกดาวให้ผมได้เลยทีเดียว แต่ก็มีจุดเดียวที่ผมรู้สึกหนักใจอยู่บ้าง นั่นคือเขาขี้หึงมาก
ตอนที่เราคบกันใหม่ๆ เขายังไม่ขี้หึงเท่าไหร่ แต่พอนานวันเข้าเขาก็เริ่มแสดงอาการออกมามากขึ้นเรื่อยๆ อย่างเช่น
ถ้าผมไปไหนกับเพื่อนๆ ผู้ชาย เขาก็จะโทรมาตามตลอด บางครั้งก็โทรมาหลายรอบจนน่ารำคาญ
ถ้าผมถ่ายรูปกับผู้หญิงคนอื่น เขาก็จะโมโหจนน่ากลัว บางครั้งก็พูดจาทำร้ายจิตใจผมด้วยคำพูดหยาบคาย เช่น บอกว่าผมไม่รักเขา ไม่จริงใจกับเขา หรือบอกว่าผมกำลังนอกใจเขา
เขาหึงแม้กระทั่งเพื่อนและญาติของผม เขามักจะบอกว่าพวกเขาพยายามแย่งผมไปจากเขา
บางครั้งเขาก็หึงแมวของผมด้วย เขาบอกว่าแมวของผมน่ารักกว่าเขา และผมจะรักแมวมากกว่าเขา
ผมพยายามทำความเข้าใจเขาว่า เขาทำแบบนี้เพราะรักผม แต่มันก็ยากที่จะทนกับพฤติกรรมของเขาได้ทุกวัน
ผมเคยพยายามพูดคุยกับเขาถึงเรื่องนี้หลายครั้ง แต่เขาก็ไม่ฟัง เขาบอกว่าเขาทำแบบนี้เพราะเขารักผม และเขาต้องการที่จะปกป้องผม
ผมเริ่มรู้สึกเครียดกับเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่รู้ว่าผมควรจะทำยังไงดี
จนกระทั่งวันหนึ่งผมได้มีโอกาสคุยกับเพื่อนคนหนึ่ง เขาแนะนำว่าผมควรจะลองปรับความเข้าใจกับแฟนให้มากขึ้น และทำให้เขารู้ว่าผมรักเขาจริงๆ และผมจะไม่มีวันนอกใจเขา
ผมลองทำตามคำแนะนำของเพื่อน ผลปรากฏว่าได้ผลดีครับ แฟนผมเริ่มเข้าใจผมมากขึ้น และเขาก็เริ่มลดอาการขี้หึงลง
ตอนนี้เราคบกันมาได้ 5 ปีแล้ว อาการขี้หึงของเขาก็ดีขึ้นมาก เขายังเป็นคนดีและเอาอกเอาใจผมเหมือนเดิม แต่เขาก็ไม่ขี้หึงจนเกินไปแล้ว
ผมคิดว่าถ้าคุณกำลังประสบปัญหานี้อยู่ คุณก็ลองปรับความเข้าใจกับแฟนของคุณดูนะครับ และทำให้เขารู้ว่าคุณรักเขาจริงๆ และคุณจะไม่มีวันนอกใจเขา
ถ้าคุณทำแบบนี้แล้วแฟนของคุณยังขี้หึงอยู่ คุณอาจจะต้องพิจารณาถึงความสัมพันธ์ของคุณกันใหม่นะครับ เพราะความรักที่มาพร้อมกับความหึงหวงมากเกินไป อาจจะทำให้ความสัมพันธ์ของคุณไม่มีความสุขได้
ตัวอย่างอื่นๆ ของอาการขี้หึง
กลับมาถึงบ้าน ก็มองหาหลักฐาน ที่ อาจจะซ่อนใครเอาไว้ อย่างเช่น ลิปสติก เส้นผม หรือกลิ่นน้ำหอม
ห้ามไปไหนกับเพื่อนๆ หรือญาติโดยไม่มีเขาไปด้วย
คอยตามดูโซเชียลมีเดียของผมตลอดเวลา เพื่อดูว่าผมไปไหนกับใคร
คอยถามไถ่ผมว่าผมทำอะไรอยู่ตลอดเวลา
แชร์ ประสบการณ์ การมีแฟนแสนดี ชอบเอาอก เอาใจ แต่ขี้หึง
วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์การมีแฟนแสนดี เอาอกเอาใจ แต่ขี้หึง เผื่อว่าจะมีเพื่อนที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่จะได้มีแนวทางในการจัดการกันนะครับ
ผมกับแฟนคบกันมา 5 ปีแล้วครับ ตลอดเวลาที่คบกันผมไม่เคยมีปัญหาอะไรกับเขาเลย เขาเป็นคนดี รักผมมาก และเอาอกเอาใจผมทุกอย่าง เรียกได้ว่าแทบจะเสกดาวให้ผมได้เลยทีเดียว แต่ก็มีจุดเดียวที่ผมรู้สึกหนักใจอยู่บ้าง นั่นคือเขาขี้หึงมาก
ตอนที่เราคบกันใหม่ๆ เขายังไม่ขี้หึงเท่าไหร่ แต่พอนานวันเข้าเขาก็เริ่มแสดงอาการออกมามากขึ้นเรื่อยๆ อย่างเช่น
ถ้าผมไปไหนกับเพื่อนๆ ผู้ชาย เขาก็จะโทรมาตามตลอด บางครั้งก็โทรมาหลายรอบจนน่ารำคาญ
ถ้าผมถ่ายรูปกับผู้หญิงคนอื่น เขาก็จะโมโหจนน่ากลัว บางครั้งก็พูดจาทำร้ายจิตใจผมด้วยคำพูดหยาบคาย เช่น บอกว่าผมไม่รักเขา ไม่จริงใจกับเขา หรือบอกว่าผมกำลังนอกใจเขา
เขาหึงแม้กระทั่งเพื่อนและญาติของผม เขามักจะบอกว่าพวกเขาพยายามแย่งผมไปจากเขา
บางครั้งเขาก็หึงแมวของผมด้วย เขาบอกว่าแมวของผมน่ารักกว่าเขา และผมจะรักแมวมากกว่าเขา
ผมพยายามทำความเข้าใจเขาว่า เขาทำแบบนี้เพราะรักผม แต่มันก็ยากที่จะทนกับพฤติกรรมของเขาได้ทุกวัน
ผมเคยพยายามพูดคุยกับเขาถึงเรื่องนี้หลายครั้ง แต่เขาก็ไม่ฟัง เขาบอกว่าเขาทำแบบนี้เพราะเขารักผม และเขาต้องการที่จะปกป้องผม
ผมเริ่มรู้สึกเครียดกับเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่รู้ว่าผมควรจะทำยังไงดี
จนกระทั่งวันหนึ่งผมได้มีโอกาสคุยกับเพื่อนคนหนึ่ง เขาแนะนำว่าผมควรจะลองปรับความเข้าใจกับแฟนให้มากขึ้น และทำให้เขารู้ว่าผมรักเขาจริงๆ และผมจะไม่มีวันนอกใจเขา
ผมลองทำตามคำแนะนำของเพื่อน ผลปรากฏว่าได้ผลดีครับ แฟนผมเริ่มเข้าใจผมมากขึ้น และเขาก็เริ่มลดอาการขี้หึงลง
ตอนนี้เราคบกันมาได้ 5 ปีแล้ว อาการขี้หึงของเขาก็ดีขึ้นมาก เขายังเป็นคนดีและเอาอกเอาใจผมเหมือนเดิม แต่เขาก็ไม่ขี้หึงจนเกินไปแล้ว
ผมคิดว่าถ้าคุณกำลังประสบปัญหานี้อยู่ คุณก็ลองปรับความเข้าใจกับแฟนของคุณดูนะครับ และทำให้เขารู้ว่าคุณรักเขาจริงๆ และคุณจะไม่มีวันนอกใจเขา
ถ้าคุณทำแบบนี้แล้วแฟนของคุณยังขี้หึงอยู่ คุณอาจจะต้องพิจารณาถึงความสัมพันธ์ของคุณกันใหม่นะครับ เพราะความรักที่มาพร้อมกับความหึงหวงมากเกินไป อาจจะทำให้ความสัมพันธ์ของคุณไม่มีความสุขได้
ตัวอย่างอื่นๆ ของอาการขี้หึง
กลับมาถึงบ้าน ก็มองหาหลักฐาน ที่ อาจจะซ่อนใครเอาไว้ อย่างเช่น ลิปสติก เส้นผม หรือกลิ่นน้ำหอม
ห้ามไปไหนกับเพื่อนๆ หรือญาติโดยไม่มีเขาไปด้วย
คอยตามดูโซเชียลมีเดียของผมตลอดเวลา เพื่อดูว่าผมไปไหนกับใคร
คอยถามไถ่ผมว่าผมทำอะไรอยู่ตลอดเวลา