เราควรแยกไปอยู่คนเดียวไหม เมื่อยายบอกว่าเราพึ่งพาเป็นเสาหลักของบ้านไม่ได้(เนรคุณ)ที่ไม่อยากเลี้ยงน้อง(ลูกพี่ลูกน้อง)

เราทะเลาะกับน้อง(ลุกพี่ลูกน้อง) อายุ 25 ทะเลาะเชิงประมาณว่าจะไม่เลี้ยงดู ยายได้ยินแล้วด่าเราว่าพึ่งพาไม่ได้ฝากชีวิตไม่ได้ เราเลยคิดว่าเราควรย้ายออกไปอยู่คนเดียว//ชวนแม่ย้ายออกจากบ้านดีไหมน่ะค่ะ แต่อีกใจนึงบ้านหลังนี้ก็ พ่อ-ตา เรา หาทำมาด้วยน้ำพักน้ำแรง เราไม่กล้าทิ้งบ้านไป เราควรทำยังไงคะ 
เรื่องนี้เราร้องไห้ทุกวัน มันเป็นเรื่องราวบั่นทอนจิตใจของเรามาก ขอคำแนะนำหน่อยนะคะ 

สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเราอาจจะเล่าสับสนบ้างขออภัยนะคะ 
เราอายุ 28  ย่าง 29 แล้วค่ะ โสด ทำงานเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย ทำงานมาแล้ว 6 ปี เรามีน้องชายแท้ๆ 1 คน(A)อายุห่างกับเรา 1 ปี และน้องชายลูกของน้าชายเรา(B) อีก1คน อายุห่างจากเรา 3 ปี (น้าชายเราเสียชีวิตตอน B อายุประมาณ 9 ขวบ) เราอยู่บ้านกับ พ่อ-แม่ ตา-ยาย A และ B เป็น 7 คน บ้านเราเป็นครอบครัวต่างจังหวัด พ่อเรารับราชการตาเราทำเกษตรเลี้ยงครอบครัวมา จนกระทั่ง 4 ปีที่แล้วตาเราเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง  พ่อเราเป็นอัมพฤกต์จากเคยรับการผ่าตัดทางสมอง แต่ก็สามารถไปทำงานทำการเกษตรได้ปกติ แต่เมื่อปีที่แล้วพ่อเราก็ได้รับอุบัติเหตุเสียชีวิต ซึ่งนั่นหมายถึงว่าหัวหน้าครอบครัวหรือเสาหลักครอบครัวของเราไม่อยู่แล้ว แม่เราประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป ซึ่งตอนที่พ่อเราเสียแม่ก็ต้องออกจากงานเพื่อมาดูแลงานเกษตรที่บ้าน ส่วนยายเราไม่ได้ประกอบอาชีพใดๆ 

มาต่อในเรื่องของน้องชายเราทั้ง 2 คน พ่อแม่เราส่งเสียให้เราเรียนที่เหมือนกัน โรงเรียนในตัวจังหวัดเหมือนกัน ไม่ให้ต่างกัน ทั้งๆ ที่แม่ของ B ก็ไม่ได้ส่งเสียอย่างเต็มที่สักเท่าไหร่ อาจมีบ้างนานๆครั้ง แต่ในเรื่องเรียน จะเป็นเราที่ขอเรียนพิเศษเยอะจากน้องๆหน่อย ซึ่งค่าใช้จ่ายเยอะ พ่อแม่เราทะเลาะกันเรื่องค่าใช้จ่ายบ่อยมากสมัยนั้น ซึ่งเราก็ทำงานรับจ้าง - ขายของ ช่วยบ้าง เรากับ B เรียกได้ว่าเหมือนหมากับแมวคือไม่ถูกกันเลยเพราะ 1 เราไม่ชอบคนเอาเปรียบเรา ถ้าทำงานบ้านหรือทำงานอื่นๆ คือต้องหารครึ่งกัน เช่นบ้านเราทำเกษตรงานเกี่ยวข้าว ปลูกมัน ก็ต้องช่วยกันรีบทำให้เสร็จ แต่ B จะทำช้าเหมือนพวกชอบกินแรงเอาเปรียบ เราก็ด่า ก็ทะเลาะ ตีกัน ยายกับแม่ก็จะมาด่าเราว่า ไปรังแกน้อง น้องคือน้องสุด เราและA เรียนจบ แต่ B เรียนไม่จบชั้น ม.3 ไม่ยอมเข้าเรียน - ติดเพื่อน ดูดบุหรี่ ติดเกมส์ ซึ่งพ่อเราเลี้ยงดูแบบเข้มงวด-ตี แต่พ่อเราตีน้องB ไม่ได้เพราะยายจะห้ามและด่าพ่อเราตลอด ด้วยยายบอกว่า มันเป็นเด็กกำพร้าจะให้มาเหมือนเรากับน้องชายเราที่มี พ่อแม่ครบ ไม่ได้ ต้องใช้ไม้อ่อนค่อยๆปลอยให้ไปแก้ 0 ร มส. มผ. เพื่อให้เรียนจบ แล้ว B ก็ไปขอเงินญาติๆ โดยบอกว่าจะเอาเินไปซื้ออุปกรณ์ไปแก้ 0 ซึ่งญาติๆ ก็ให้ไปตอนนั้น เงิน 1,000 คือเยอะมากแบบมากๆ ผู้ใหญ่ก็บอกว่าเด็กที่เป็นแบบนี้เพราะขาดความอบอุ่น?? ซึ่งแม่ B ก็ไม่ได้ขึ้นมาดูว่าแก้ผ่านไหมหรืออะไร สรุป จนตอนนี้ B อายุ 25 ปีแล้ว ยังไม่มีวุฒิ ม.3 

หลังจากเรียนจบมัธยมเรา กับ A ก็ไปเรียนที่อีกจังหวัดนึงซึ่งไม่ค่อยได้กลับบ้าน เราก็ไม่ได้รับรู้เรื่องราวเท่าไหร่รุ้แค่ B ก็อยู่บ้าน หางานกับญาติๆทำบ้าง ทำงานแบบวันเว้นวัน วันไหนเงินหมดก็ไปทำ พอเบิกตังได้ก็หยุด เป็นแบบนี้เรื่อยๆ แต่แม่ของ B ก็ไม่ได้ส่งค่าเลี้ยงดูอะไรนะ

เราเรียนจบ กลับมาทำงานรับราชการที่บ้าน ส่วนน้องชายเรารับราชการอยู่แถว กทม. ส่วน B อายุถึงเกณฑ์จับใบดำ-แดง ก็ได้ไปจับ โดยเราก็ภาวนาให้มันติดได้ไปไกลๆจากเราเถอะ วันจับใบดำ-แดงมาถึง ยายเราไปบนทุกที่ให้หลานไม่ติดทหาร สรุปมันจับได้ใบแดงเราดีใจมาก อย่างน้อยมันจะได้รู้จักหน้าที่มีหน้าที่รับผิดชอบบ้าง พอมันไปทหารกลับมาบ้านมันก็บอกเรียนต่อ กศน.ในค่ายนะ เราก็ดีใจเออว่ะมันคิดได้แล้ว อย่างน้อยจบมามีวุฒิไปหาสมัครงานน่าจะง่ายขึ้น 
เราก็ไปหาข้อมูลนายสิบทหารให้มัน ถ้าตั้งใจทำงานเป็นทหารเขามีสอบมีอะไรจะได้ ได้มีงานการทำเป็นหลักแหล่ง สรุปไปทหาร 2 ปีกลับมา เรียนไม่จบ ไม่ต่อ ไม่เอาอะไร กลับมาอยู่บ้านเฉยๆ นอน ตื่นมากินข้าว นอน ดึกๆขับรถออกไปแว้นกับเพื่อน รถมอไซต์ที่บ้าน 2 คันมันเอาไปยกล้อพังหมด เราบอกมันไปหางานทำมันบอก อย่ามายุ่ง ไม่ต้องยิ้ม ญาติๆจะหางานให้มัน มันไปบอกยายว่าจะไปทำงานต่างจังหวัด ยายบอกไม่ต้องไปอยู่เป็นความรักให้ยายก่อน คืออะไรเรางงมากกกกกกกกกกกกกกก ตอนนั้นพ่อเรายังไม่เสียแต่ตาเสียแล้วพ่อเราต้องทำงานเกษตรคนเดียว ในขณะที่หลานนอนกินอยู่บ้านไปวันๆ ไม่ช่วยอะไร พ่อเราใช้ให้มันมาแบกของช่วยเพราะพ่อเราแกแบกไม่ได้สุขภาพแกไม่ให้ พอยายเราได้ยินว่าพ่อเราใช้มัน ยายเราบอก อย่ามาใช้มัน ให้ยายใช้ได้คนเดียวจะให้มันไปทำอะไรจะใช้เอง จนวันที่พ่อเราเสียมันก็ยังนอนอยู่ในห้องไม่ได้ออกมาช่วยอะไร จากวันที่พ่อเราเสียเราก็เหมือนเสียหลักในชีวิต มันว่างเปล่า เคว้งไปหมด เมื่อก่อนค่าใช้จ่ายในบ้าน ก็เป็นพ่อเราที่รับผิดชอบแต่ตอนนี้ทุกอย่างนั้นต้องเป็นเราที่รับผิดชอบ ในขณะที่อีกคนไม่ได้พิการใดๆ แต่ไม่ช่ยกันทำอะไรให้ดีขึ้นเลย ค่าไฟที่บ้านเดือนละพันกว่า ๆ เนื่องจากบ้านเราใช้น้ำบาดาลต้องใช้ไฟไปกับเครื่องปีมน้ำเยอะ ค่าอุปโภคบริโภคในบ้านต่าง ๆ ก็เป็นเราที่รับผิดชอบ ตรงนี้เราเลยบอกแม่ว่า บอกแม่B ให้ส่งเงินมาช่วยได้ไหม B มันก็ไม่ไปทำงาน เงินเราก็ต้องช่วยกันหากันเก็บ แม่เราก็บอกว่า เกรงใจสามีใหม่เขา เขาจะว่าส่งเงินมาให้ลูกสามีเก่าใช้ เรางงเลย นี่พ่อเขาก็ตายแล้วนะ ถ้าเขาไม่รู้สำนึกว่าจะต้องไปหางานการทำ แม่Bเขาก็ควรมีสำนึกบ้าง เราเลยตัดสินใจทักไปบอกว่า โอนเงินมาให้หน่อยนะ ลูกคุณอายุ 25 แล้วอะ ต้องกินต้องใช้ ไม่โอนก็จ่ายค่าไฟ เพราะลูกคุณอะ นอนอยู่บ้านทั้งวัน ดึกมาก็ตื่นมาทั้งคืน แต่คำตอบที่ได้คือ เดือนนี้โอนเงินให้ B ไปแล้ว 1,000 ไม่มีเงินโอนให้แล้ว เราก็ช็อกไปดิ 

วันเกิดเรื่องก็มาถึงเรากับB ทะเลาะกันยกใหญ่เพราะ B กินของกินที่เราซื้อมาไว้ในตู้เย็นหมด ด้วยความหิวอะ แล้วมาดูของกินมันไม่เหลือแล้ว เราก็โมโห ด่าไป ถ้า*งอยากแ*กก้ไปทำมาหาแ*กเอง ไปอยู่กับแม่*งนู่น เอาแค่เรื่องพ่อตัวเองตายมาอ้างแล้วตอนนี้พ่อ*ูตายแล้ว*ูอ้างได้ไหมอะ ซื้ออะไรมาไม่เคยได้แ*ก ไอ้* ใครมันจะไปหาเลี้ยง*งได้จนตาย มันก็ด่าเราคืนถ้าเรียนจบสูงแล้วสมองคิดได้แค่นี้อย่าเรียน เราก็ห้ะ?? เออคนไม่เรียนนี่ชอบเอาการเรียนสูงมาบัฟคนอื่นจังเลย ทีนี้ยายเราได้ยินก็โมโห มาด่าเรา ส่งให้เรียนสูงคิดว่าจะพึ่งพาได้ คิดว่าจะเลี้ยงน้องเลี้ยงตายายได้ แต่ความคิดกลับจมลงๆแบบนี้หรอ เสียดายเงินที่ส่งให้เรียนจบสูงๆ กับของกินแค่นี้ทำเป็นหวง ก็เอาแต่ตัวเองนั่นแหละในอนาคต (ถ้าพูดเป็นภาษาบ้านเราคือไม่เอาพี่เอาน้อง) เราก็ห้ะอีก ทำงานก็ใช่ว่าจะสบายนะ เรียนก็ใช่ว่าจะจบง่ายๆ เสียน้ำตาไปเท่าไหร่พ่อแม่เรากู้มาเท่าไหร่ แล้วทำไมเราต้องมารับผิดชอบชีวิตไอ้เ*ียอายุ 25 ที่ไม่ไปทำงานทำการอะไร มีพระคุณขนาดนั้นกับเราเลยหรอก็ไม่ เราช็อกมาก อยากจะกรี้ดระเบิดมันทุกอย่างออกมา จะว่าเนรคุณก็เนรคุณเถอะนะ  เราเลยกลับมาคิดว่า หรือเราจะหาซื้อบ้านย้ายออกไปอยู่กับแม่เราดีแต่บ้านนี้ก็เป็นบ้านจากน้ำพักน้ำแรงของพ่อ-ตาเรา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่