หลานบวชใกล้สึกแล้วพรุ่งนี้ เพราะมีงานลูกค้าจองไว้ยาวไปถึงเมษา กะว่าจะกลับมาบวชอีก ผ้าครองเก็บไว้ใช้คราวหน้าได้ไหม

เจริญพรโยม อาตมาเองก็บวชอยู่เหมือนกันแต่บวชอยู่ที่สะหวันนะเขต พอดีลางานได้ประมาณ 3-4 เดือนก็เลยถือโอกาสบวชยาว ทีนี้ทางหลานชายอายุครบแล้วเห็นว่าเราไปบวชก็เลยบวชตาม แต่เขาจัดการเรื่องของเขาเองโดยที่ที่บ้านไม่ได้มาร่วมบุญร่วมอะไรเลย

เกริ่นนำก่อนเลยนะก็คือเรื่องบวชเนี่ย เขาตั้งใจจะบวชยาวเหมือนตัวอาตมานี่แหละ แต่ทีนี้ในหน้าที่การงานของเขามันมีคิวงานยาวตลอด และก็มีลูกค้าจองงานเอาไว้ตั้งแต่ก่อนจะบวชอีกเป็นเดือนๆ คิวยาวไปจนถึงเมษายนไม่มีวันพักเลย ตอนแรกเขาก็กะจะสึกวันที่ 23 นี่แหละ เพราะฤกษ์มันมีวันนั้น ไปๆ มาๆ ตัดสินใจว่าจะสึกพรุ่งนี้เพราะเป็นวันพระพอดี ถือเอาฤกษ์ที่เราสะดวกและพอใจ ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าวันที่ 25 จะเป็นฤกษ์ดีไหม ครูบาอาจารย์หลานท่านแนะนำว่า 23 หรือไม่ก็ 24 แต่นี่เลื่อนไป 25 กลัวว่าเขาจะสึกออกมาไม่ตรงฤกษ์ แต่มันก็ไม่ได้เลื่อนเกินไปจนน่าเกลียด ก็คิดว่ายังได้อยู่บวชวันโกน สึกวันพระ

ตอนแรกก็อย่างที่บอกนั่นแหละเขาตั้งใจจะบวชยาวๆ ไม่มีกำหนด แต่เพราะมีงานในทางโลก เขาเองเป็นทนายเหมือนกับผม ก็มีคิวลูกความจองงานเอาไว้ยาวเหยียดไปจนถึงเมษายนพฤษภา รับเงินเขามาแล้วจะไม่สึกก็ไม่ได้เพราะยังไงก็ต้องกลับไปเอางานทางโลกก่อน

แต่เขาตั้งใจว่า หากเสร็จทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจะกลับมาบวชอีก ให้ได้สักพรรษานึงเป็นอย่างต่ำ

แต่ทีนี้เขาบวชเองโดยที่พ่อแม่ไม่ได้จัดงานอะไรให้เลย เงินทุกบาททุกสตางค์ไม่ว่าจะเป็นค่าเครื่องอัฐบริขารรวมไปถึงเงินใส่ซองพระอันดับแล้วก็อุปัชฌาย์กับพระกรรมวาจาจารย์ เป็นเงินส่วนตัวของน้องทั้งหมด ย้ำนะครับว่าทั้งหมด น้องบวชโดยที่ไม่บอกใคร ดั้นด้นไปบวชถึงบางมูลนากพิจิตรนู้น ทั้งที่บ้านน้องอยู่นครนายก เพราะว่าลูกความของน้องเนี่ยเป็นกรรมการวัดเจ้าคณะอำเภอที่นั่น น้องก็เลยตัดสินใจบวชที่นั่นเพราะมันเรียบง่ายไม่วุ่นวายไม่ใกล้กับญาติพี่น้องจะได้ไม่มีความห่วงหาอาทร

ตัวของเขาเนี่ยบ้านอยู่นครนายกอำเภอเมือง แต่เขาทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ แล้วดันไปทำคดีช่วยให้กับเจ้าคณะอำเภอคนปัจจุบันที่บางมูลนาก กลายเป็นว่าวัดทางบางมุนหน้าก็บวชให้เขา เลยตัดสินใจไปบวชอยู่ที่นั่นโดยวัดนี้เป็นวัดสังกัดมหานิกาย ปัจจัยและข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างหาเองหมดที่บ้านไม่ได้ช่วยแม้แต่บาทเดียวเพราะเขาบวชโดยไม่บอกอะไรใครๆ

แต่พออยู่ที่วัดนั้นได้ประมาณ 3-4 วันก็ต้องกลับมานครนายกมาจำพรรษาอยู่ในวัดภายในหมู่บ้านของเขา โดยวัดที่เขาจำอยู่เนี่ยเป็นวัดในสังกัดธรรมยุตนิกาย อาจารย์ที่นี่ก็อยากจะให้อยู่ยาวๆ จะได้ทำญัตติย้ายนิกายให้ บวชมาตั้งแต่วันที่ 9 ตั้งใจจะสึก 15 แต่ก็เลื่อนยาวไปจนถึง 25 เพราะว่ายังอาลัยผ้าเหลืองอยู่แต่จะไม่สึกก็ไม่ได้

ที่นี้ด้วยความที่น้องเขาอ่ะเป็นคนหาค่าใช้จ่ายทุกอย่างในการบวชเองทั้งหมด ไม่รับเงินใส่ซองจากครอบครัวพ่อแม่พี่น้องเลยแม้แต่บาทเดียว ย้ำนะครับบวชแบบไม่บอกใคร แม้แต่บาทเดียวก็ไม่มีใครออกให้ เครื่องอัฐบริขารค่าใช้จ่ายในการเดินทางขนของไปที่วัดที่บวชบางมูลนากน้องออกเองหมด และพระคุณเจ้าที่เป็นเจ้าคณะอำเภอที่นั่นก็ช่วยจัดการหาผ้าครองให้ โดยท่านให้พระจากวัดอื่นเป็นอุปัชฌาย์แทน ส่วนท่านเป็นเจ้าภาพเพราะว่าพ่อแม่น้องเขาไม่ได้ไป

ทีนี้เมื่อน้องต้องกลับมาจำพรรษาอยู่ในวัดธรรมยุตในนครนายกบ้านเกิด ก็ได้อยู่ใกล้พี่น้องเดินบิณฑบาตทุกวันน้องเขารู้สึกอาลัยผ้าเหลือง พระคุณเจ้าที่บวชให้เจ้าคณะอำเภอบางมูลนากท่านก็ไม่อยากจะให้สึก รวมไปถึงเจ้าอาวาสที่วัดธรรมยุตในนครนายกบ้านเกิดก็ไม่อยากให้สึกเหมือนกันอีก กลายเป็นว่าน้องเขาก็ยังรู้สึกอยากจะกลับมาบวชอีกในอนาคต แต่ที่นี้อย่างที่แจ้งค่าใช้จ่ายทุกอย่างน้องเขาออกเอง อย่างต่ำเลยคือ 2,000 ถ้าใส่ซองเป็นปัจจัยให้แก่พระอันดับและอุปชากับกรรมวาจาจารย์

ส่วนตัวอาตมาเองตอนนี้ ก็มาบวชเหมือนกันแต่มาบวชอยู่ที่สะหวันนะเขตข้ามมาฝั่งลาวเพราะต้องมาทำภารกิจที่นี่เกี่ยวข้องกับทางธรรมและกิจของสงฆ์ช่วยสัตว์โลก แต่ของอาตมาลางานได้ยาวก็เลยไม่มีปัญหาอยู่ได้ยาวๆจนกว่าจะพอใจแต่ของหลานก็มีงานไม่สึกก็ไม่ได้แต่จะสึกก็อยากกลับมาบวชอีก

ทีนี้เมื่อกลับมาบวชอีกมันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายอีกถูกไหม? อย่าว่าแต่มหานิกายเลยธรรมยุตเรื่องค่าใช้จ่ายค่าเดินทางก็สำคัญ เพราะบางทีการที่เรามาบวชเนี่ยจะต้องนิมนต์พระจากวัดอื่นที่อยู่ห่างไกลในสังกัดเดียวกันมาทำสังฆกรรม ค่าเดินทางมันต้องมี

กลายเป็นว่า น้องเขาไม่อยากจะเสียเงินเพิ่มในการบวชรอบหน้า ก็เลยลองปรึกษาพระอธิการที่เป็นเจ้าอาวาสวัดธรรมยุตในนครนายกที่น้องประจำพรรษาอยู่ น้องเขาก็ถามท่านว่า เครื่องอัฐบริขารประเภทผ้าครองที่ใช้ในการบวชรอบนี้ไม่ว่าจะเป็นพระครองหรือผ้าอาศัย หากในอนาคตข้างหน้ามีโอกาสบวชอีก ถ้าน้องจะกลับมาใช้ข้าวของชุดเดิมเนี่ยจะได้ไหม เพราะสมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าก็แจ้งกับภิกษุทุกรูปว่าไม่สนับสนุนให้ภิกษุใช้ของฟุ่มเฟือย อะไรที่ประหยัดได้ก็ต้องประหยัดมัธยัสถ์ ขนาดผ้าจีวรรวมถึงเครื่องอัฐบริขารประเภทผ้าครองทุกอย่างที่พุทธบุตรใช้กันในสมัยพุทธกาลยังมาจากผ้าห่อศพคนตายแล้วก็เอามาย้อมสีเองตามธรรมชาติ ดังนั้นถ้าจะให้ไปซื้อจีวรชุดใหม่อีกเป็น 3-4,000 บาทมันไม่โอเค ก็เลยอยากจะเก็บผ้าครองชุดเก่าเอาไว้เผื่อบวชอีกรอบหน้าจะได้ไม่ต้องซื้อเพิ่มจะได้เอาของเก่าเรามาใช้

พระอธิการที่นี่สายธรรมยุตเป็นวัดป่าที่ค่อนข้างเคร่งในเรื่องของพระธรรมวินัยท่านก็ตอบกลับมาว่า อย่างที่หลวงพี่พูดเลย อะไรประหยัดได้ก็ต้องประหยัดให้ไปซื้อใหม่ตามร้านสังฆภัณฑ์อย่างต่ำก็ไม่ต่ำกว่า 2,000 บาทต่อ 1 ชุด พระสงฆ์ในสมัยพุทธกาลที่เป็นพระอริยะท่านยังใช้ผ้าห่อศพมาเป็นผ้าครองผ้าอาศัย เรายังไม่ถึงท่านจะให้ไปซื้อใหม่เยอะๆ เป็นพันๆ เป็นหมื่นๆ มันไม่ใช่สงฆ์แล้วมันเป็นการบวชเพื่อฟุ่มเฟือย ดังนั้นหลวงพี่เก็บเอาไว้ใช้ได้ในรอบหน้าถ้าจะบวชอีก

หลานก็ใจฟูขึ้นมาเลย ก็เลยถามกลับไปอีกว่าแล้วจะให้เก็บไว้กับที่วัดหรือจะให้เก็บกลับบ้านแล้วรอบวชรอบหน้าค่อยเอามาใช้ตอนเข้าพิธีอุปสมบท พระอธิการท่านจะตอบว่า เก็บไว้กับหลวงพี่นั่นแหละ สรุปก็คือผ้าครองหลานตัดสินใจจะไม่คืนให้กับที่วัด จะเก็บกลับบ้านเพื่อที่จะใช้บวชรอบหน้า

แต่ทีนี้หลานโทรมาปรึกษาตะกี้นี้เอง พอดี หลานเปิดถามใน pantip ด้วยคำถามเดียวกันที่ถามพระอธิการ ว่าผ้าไตรจีวรจากการบวชรอบนี้ถ้าจะเก็บไว้ที่บ้านเพื่อรอบวชรอบหน้าเนี่ยมันจะได้ไหมแล้วรู้ไหมครับคนใน pantip ที่เป็นพุทโธเลี่ยนหลายคนเลยตอบมาว่ายังไง

หลานก็ไม่สบายใจกับคำตอบพวกนี้ใน pantip ด้วยคำตอบที่เจอในพันทิปมันจะเป็นคำตอบประมาณว่า ไม่ควรเก็บเป็นอย่างยิ่งหากคุณเก็บไว้กับตัวเท่ากับคุณลักขโมยของสงฆ์ คุณสึกแล้วก็คือสึกส่งคืนวัดไปให้หมดทุกอย่าง แม้กระทั่งปัจจัยที่ญาติโยมถวายตอนบวชก็ไม่ควรเก็บไว้ทิ้งไปให้หมด ส่วนผ้าครองบวชรอบใหม่ก็ต้องซื้อของใหม่ไปเลยจะไปกลัวเปลืองทำไมหรือไม่มีตังค์บวช ถ้าไม่มีตังค์ก็บอกได้นะจะได้ช่วยใส่ซอง 100-200 บาท (คำพูดนี้คือเลวมาก) ไม่สมควรใช้ของเก่า พอหลานได้คำตอบใน pantip ในลักษณะนี้หลายๆ comment เข้าก็รู้สึกใจโลเล บางคนถึงขนาด comment สาปแช่งคนที่จะเก็บผ้าครองของตัวเองไว้ว่า คุณลองเก็บไว้สิชีวิตจะต้อง Ship หาย อะไรแบบนี้ ก็เลยชั่งใจไม่กล้าจะเก็บ

ดังนั้น comment พวกนี้มันเกิดขึ้นใน pantip ก็เลยจะมาตั้งคำถามใน pantip ว่า

จากกรณีที่อาตมาเล่าคุณคิดเห็นยังไง ควรจะเก็บไว้กับตัวรอบวชรอบหน้าไหม ก็ในเมื่อทางวัดท่านก็อนุญาตแล้วว่าให้เก็บกับตัวได้ เมื่อสงฆ์อนุญาตก็ไม่ถือว่าเป็นการลักของสงฆ์ เข้าใจถูกต้องไหม?

และไอ้ที่บอกว่าบวชรอบใหม่ก็ต้องซื้อของใหม่เท่านั้นใช้ของเก่าไม่ได้ใครที่ไม่ใช้ของใหม่คือคนที่ไม่มีตังค์ ไอ้คำพูดที่เหยียดหยามคนอื่นว่าไม่มีตังค์หรอถึงต้องใช้ของมือสองเนี่ย คือคุณไม่เข้าใจพุทธถึงแก่นแท้แล้วคุณมาพูดแบบนี้ลบหลู่องค์พระบรมจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านไม่ได้ปรารถนาให้พระสงฆ์ฟุ่มเฟือยในการบวชนะ ขนาดผ้าห่อศพท่านยังให้เอามาใช้หอกายเลย พระอริยสงฆ์ในสมัยพุทธกาลที่เป็นพระอรหันต์สูงส่งกว่าพวกคุณที่มาคอมเมนต์กันเนี่ยแต่ละคน ยังสามารถใช้ผ้าห่อคนตายมาย้อมสีเป็นจีวรได้แล้วทำไมกับพวกคุณที่ไม่ใช่อริยะถึงทำไม่ได้

ขอความเห็นด้วยนะโยม อาตมาไม่ซีเรียสหรอกจะให้หลานใช้ของใหม่หรือของเก่า รอบหน้าเราส่งให้ใช้ได้ก็ส่ง ส่งให้ไม่ได้เราก็ให้เป็นปัจจัยไปซื้อ แต่ถ้ามาบอกว่าเก็บของเก่าไว้บวชรอบหน้าไม่ได้เพราะมันไม่เป็นมงคลแบบนี้มันก็เกินไป

อาตมาเปิดมงคล 32 ประการไม่มีกรณีข้อนี้ ดังนั้นมันจะไม่เป็นมงคลยังไงก่อน? ไม่ได้ไปลักชิงวิ่งราวใครเข้ามา ทางวัดที่จำพรรษาอยู่กว่าอนุญาตให้เก็บไว้กับตัวรอบวชครั้งหน้าได้ทำไมชาว pantip บางคน มองว่ามันไม่ดี?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่