เรื่องที่เราจะเล่าในวันนี้ ขอแนะนำให้ทุกคนไปอ่าน My Hero Academia ตอนล่าสุด 412 "ฮีโร่ผู้บ้าคลั่งที่สุดในประวัติศาสตร์" ก่อน...
(อ่านออนไลน์ถูกลิขสิทธิ์ 3ตอนล่าสุดได้ที่แอพ Manga plus
.
.
ในมังงะตอนล่าสุดนี้การตัดสินใจอย่างแน่วแน่ของ "เดกุ" พระเอกของเรื่อง ได้ทำให้เกิดประเด็นการพูดคุยอย่างรุนแรงในหมู่แฟนคลับ เมื่อในมังงะตอนล่าสุดเขาต้องเผชิญหน้าทางเลือกในฐานะฮีโร่ว่าในช่วงเวลาที่เขาต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่เป้นอันตรายต่อคนทั้งโลกและไม่มีท่าที่ว่าจะหยุดอย่าง "ชิการาคิ" เขาจะทำยังไง ซึ่งบทสรุปทที่เราได้เห็นในตอนนี้คือ...เขายังเลือกที่จะไม่ยอมแพ้ต่อตัวตนของ "ชิการาคิ" ซึ่งนั่นทำให้เกิดการพูดคุยกันแบบที่แบ่งเป็น 2 ฝั่งอย่างชัดเจนว่า
.
.
"เขามันเป็นไอเด็กโลกสวย มันบ้าขนาดนี้แล้ว ซัดให้ยับไปเลยสิ"
.
"ก็เพราะมันเป็น "ฮีโร่" ไง นี่แหละคือตัวตนที่สะท้อนตัวตนของมันได้ดีที่สุด"
.
นี่คือสิ่งที่เราได้เห็นกันในหมู่แฟนๆ ทั้งสองฝั่ง แต่ถ้าในมุมส่วนตัวผมเอง ผมรู้สึกเหมือนแบบที่ 2 ว่านี่แหละคือตัวตนของมัน ตัวตนของ "ฮีโร่ในอุดมคติ" ที่เราไม่สามารถเอามาตราฐานของคนหมู่มากในโลกความจริงไปตัดสินได้ แม้ว่าในโลกปัจจุบันเราแทบทุกคนต่างก็มีพื้นแนวคิดตามแบบของ... "Social Learning Theory" หรือ "ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม" ของ อัลเบิร์ต แบนดู เชื่อว่า “มนุษย์ไม่ได้เกิดมาพร้อมกับความรุนแรงแต่ได้เรียนรู้ที่จะแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวจากการสังเกตพฤติกรรมของคนอื่นที่อยู่แวดล้อมในสังคม” หรือง่ายๆ เลย "ไม่มีใครเลวมาตั้งแต่กำเนิด" ซึ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ "เดกุ" เชื่อในตัว "ชิการาคิ" เช่นกัน แต่หากมองในมุมของโลกความจริงหากมี "อาชญากร" ที่อันตรายขนาดนี้บนโลก ยังไงมันก็ต้องเลือก "วิสามัญ" เท่านั้น...
ความจริงเรื่องราวของ "My Hero Academia" ได้แสดงสูตรสำเร็จของ "ตัวร้าย" ในมังงะโชเน็นที่สะท้อนสังคมมาตลอด สมาชิกของ "League of Villains" แต่ละคร (ไม่นับ "All For One") มีบทบาทที่แสดงให้เราเห็นว่า "ไม่มีใครเลวมาตั้งแต่กำเนิด" พวกเขาเพียแต่เป็นเหยื่อของถูกปฏิเสธจากสังคมและความเชื่อผิดๆ ในระบบสังคมที่มีฮีโร่อยู่ และการที่ "เดกุ" เลือกที่จะเผชิญหน้าเพื่อแก้ไขต้นตอของปัญหาเหล่านี้ แม้การเลือกที่จะ "ช่วย" มันน่าจะยากกว่า "ฆ่า" อยู่แล้ว แต่การที่เขายังเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนยังมีหัวใจอยู่นี่แหละที่ทำให้เขาเหมาะสมกับการเป็น..."สุดยอดฮีโร่" ฮีโร่ในอุดมคติ อย่างที่เขาได้พูดเอาไว้ในมังงะตอนแรก
บทความ : เสพติดการ์ตูน By Yo yo (FB)
พูดคุยมังงะมายฮีโร่อคาเดเมีย ตอนล่าสุด
(อ่านออนไลน์ถูกลิขสิทธิ์ 3ตอนล่าสุดได้ที่แอพ Manga plus
.
.
ในมังงะตอนล่าสุดนี้การตัดสินใจอย่างแน่วแน่ของ "เดกุ" พระเอกของเรื่อง ได้ทำให้เกิดประเด็นการพูดคุยอย่างรุนแรงในหมู่แฟนคลับ เมื่อในมังงะตอนล่าสุดเขาต้องเผชิญหน้าทางเลือกในฐานะฮีโร่ว่าในช่วงเวลาที่เขาต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่เป้นอันตรายต่อคนทั้งโลกและไม่มีท่าที่ว่าจะหยุดอย่าง "ชิการาคิ" เขาจะทำยังไง ซึ่งบทสรุปทที่เราได้เห็นในตอนนี้คือ...เขายังเลือกที่จะไม่ยอมแพ้ต่อตัวตนของ "ชิการาคิ" ซึ่งนั่นทำให้เกิดการพูดคุยกันแบบที่แบ่งเป็น 2 ฝั่งอย่างชัดเจนว่า
.
.
"เขามันเป็นไอเด็กโลกสวย มันบ้าขนาดนี้แล้ว ซัดให้ยับไปเลยสิ"
.
"ก็เพราะมันเป็น "ฮีโร่" ไง นี่แหละคือตัวตนที่สะท้อนตัวตนของมันได้ดีที่สุด"
.
นี่คือสิ่งที่เราได้เห็นกันในหมู่แฟนๆ ทั้งสองฝั่ง แต่ถ้าในมุมส่วนตัวผมเอง ผมรู้สึกเหมือนแบบที่ 2 ว่านี่แหละคือตัวตนของมัน ตัวตนของ "ฮีโร่ในอุดมคติ" ที่เราไม่สามารถเอามาตราฐานของคนหมู่มากในโลกความจริงไปตัดสินได้ แม้ว่าในโลกปัจจุบันเราแทบทุกคนต่างก็มีพื้นแนวคิดตามแบบของ... "Social Learning Theory" หรือ "ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม" ของ อัลเบิร์ต แบนดู เชื่อว่า “มนุษย์ไม่ได้เกิดมาพร้อมกับความรุนแรงแต่ได้เรียนรู้ที่จะแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวจากการสังเกตพฤติกรรมของคนอื่นที่อยู่แวดล้อมในสังคม” หรือง่ายๆ เลย "ไม่มีใครเลวมาตั้งแต่กำเนิด" ซึ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ "เดกุ" เชื่อในตัว "ชิการาคิ" เช่นกัน แต่หากมองในมุมของโลกความจริงหากมี "อาชญากร" ที่อันตรายขนาดนี้บนโลก ยังไงมันก็ต้องเลือก "วิสามัญ" เท่านั้น...
ความจริงเรื่องราวของ "My Hero Academia" ได้แสดงสูตรสำเร็จของ "ตัวร้าย" ในมังงะโชเน็นที่สะท้อนสังคมมาตลอด สมาชิกของ "League of Villains" แต่ละคร (ไม่นับ "All For One") มีบทบาทที่แสดงให้เราเห็นว่า "ไม่มีใครเลวมาตั้งแต่กำเนิด" พวกเขาเพียแต่เป็นเหยื่อของถูกปฏิเสธจากสังคมและความเชื่อผิดๆ ในระบบสังคมที่มีฮีโร่อยู่ และการที่ "เดกุ" เลือกที่จะเผชิญหน้าเพื่อแก้ไขต้นตอของปัญหาเหล่านี้ แม้การเลือกที่จะ "ช่วย" มันน่าจะยากกว่า "ฆ่า" อยู่แล้ว แต่การที่เขายังเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนยังมีหัวใจอยู่นี่แหละที่ทำให้เขาเหมาะสมกับการเป็น..."สุดยอดฮีโร่" ฮีโร่ในอุดมคติ อย่างที่เขาได้พูดเอาไว้ในมังงะตอนแรก
บทความ : เสพติดการ์ตูน By Yo yo (FB)