วันนี้เราจะมารีวิวการขอ Visa ออสเตรเลีย (ซึ่งเราขอผ่านแล้ว เป็นที่เรียบร้อย) สำหรับปี 2567 นะค้า
ก่อนอื่นเลย Visa ที่เราขอจะเป็นวีซ่าท่องเที่ยว ก็คือ Visa (subclass 600) ค่ะ
ของเราจะไปเที่ยวตอนต้นเดือน ก.พ. ประมาณ 10 วันค่ะ ไปกับครอบครัว เราไปอ่านในเว็บทางการของสถานทูตออสเตรเลียค่ะ เค้าบอกว่าคนที่ไปช่วง ก.พ.-เม.ย. ควรขอก่อนประมาณ 1 เดือนก่อนถึงวันเดินทางนะคะ จะได้ไม่ลุ้นเกินไป เราก็รีบขอตั้งแต่ตอนปลายเดือน ธค ปี 2566 เลยค่ะ จะเป็นขอทางออนไลน์ผ่านเว็บทางการคือ online immi ค่ะ ต้องสร้าง account กับเว็บก่อน แล้วค่อย log in เข้าไปเพิ่มคำขอ Visa นะคะ
ส่วนที่มีให้กรอกข้อมูล จะมีด้วยกัน 2 ส่วนค่ะ คือ
ช่วงที่ 1 จะมีให้กรอกทั้งหมด 19 หน้า ซึ่งตอนช่วงนี้จะเป็นกรอกข้อมูลล้วนๆ ค่ะ เอกสารที่ให้แนบจะมีแค่พวกสำเนาบัตรประชาชน และสำเนาใบขับขี่ (ถ้ามี) ค่ะ
ช่วงที่ 2 จะเป็นหน้าให้แนบเอกสาร .pdf, .jpg, etc. ก็จะมีตั้งแต่
- Passport
- หน้าพวกแสตมป์ของ Passport ล่าสุด และ Passport เก่า (ถ้าใครมี Passport เก่าเยอะ ก็เอาประมาณย้อนหลัง 10 ปีก็ได้ค่ะ) สำหรับคนที่เคยได้ Visa ออสเตรเลีย คิดว่าน่าจะไม่มีให้แนบหน้า Passport เก่าตรงนี้ค่ะ เพราะของครอบครัวที่เคยได้ Visa ไม่ขึ้นให้แนบเอกสารส่วนนี้
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- รูปถ่าย (ตรงจุดนี้แหละคะ ที่ไม่เหมือนปีก่อนๆ ในยูทูปปีก่อนๆ จะมีหมวดให้ใส่รูปภาพ แต่ตอนเราทำ ไม่มีหมวดนี้เลยค่ะ เราเลยคิดว่า น่าจะไปอยู่ในหมวดเดียวกับสำเนาทะเบียนบ้านค่ะ เพราะจะมีให้เลือกว่าแนบ Others - Picture ก็เลยแนบไปตรงนั้น)
- สำเนาทะเบียนสมรส (ถ้ามี)
- ใบจองที่พัก (ถ้ามี)
- ใบรับรองการทำงาน, ใบรับรองการศึกษา
- Statement ธนาคาร (สำหรับคนที่ทำงานแล้วหรือเกษียณควรอัปไปค่ะ ส่วนนักเรียนนักศึกษา ถ้าไปกับพ่อแม่ก็ไม่ต้องอัปก็ได้ค่ะ)
*สามารถกด Save ท้ายหน้าแต่ละหน้า ก็จะสามารถ log out ออกได้ โดยข้อมูลที่กรอกจะไม่หายไปค่ะ ไม่ต้องกังวล
**ในช่วงที่ 1 ถึงจะมีให้กรอกเลขกลุ่มก็ตาม แต่ก็ต้องกรอกรายคนนะคะ กรอกทีเดียวเป็นกลุ่มไม่ได้
รีวิวความรู้สึก: สำหรับเราโคตรปวดหัวเลย เพราะกรอกขอ visa ครั้งแรก หน้าก็เยอะ แล้วเราเป็นคนกรอกให้คนในครอบครัวทุกคนด้วย แต่พอกรอกไปอันแรก อันที่สองสามก็เริ่มดีขึ้น เพราะข้อมูลจะคล้ายๆกันค่ะ
พอกรอกข้อมูลอะไรให้เรียบร้อยแล้ว ก็กด submit ค่ะ ต้องจ่ายเงินรายคน คนละ 190(ค่าขอ Visa) + 2(ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต จะไม่เหมือนกันแล้วแต่ยี่ห้อที่ออกบัตรค่ะ) = 192 AUD ~ 4695 บาท
หลังจากนั้นเราก็จะไปจอง collect biometric ที่เว็บของบริษัท VFS ค่ะ เนื่องจากช่วงสิ้นปีไม่มีเปิดให้จอง เราเลยจองไปช่วงต้นเดือน มค 67 ซึ่งเราก็ต้องสร้างบัญชีของ VFS ใหม่ (เพราะบัญชี VFS จะเป็นคนละบัญชีกับ immi ค่ะ) จึงจะ log in เข้าไปจองได้ค่ะ ในส่วนนี้จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไร ไปเสียหน้าเคาน์เตอร์แทนค่ะ
*ต้องกรอก immi ให้เสร็จถึงจะจอง VFS ได้นะคะ เพราะต้องใช้เลขที่ส่งมาหลังกด submit ในการจอง collect biometrics ค่ะ
ถึงวันที่จอง collect biometrics (เก็บภาพใบหน้าและลายนิ้วมือ) เราเดินทางด้วย bts ค่ะ จุดหมายคือ ตึก the Trendy building office (จุดเก็บ biometrics สาขากรุงเทพฯ) ลงที่สถานีนานาหรืออโศกก็ได้นะคะ ระยะทางและทางเดินพอๆกันค่ะ แต่ดูจากหลายๆรีวิวก่อนหน้า แนะนำว่าลงสถานีนานา ทางออก 3 เราก็เลยไปสถานีนานาก่อน ขากลับค่อยเดินกลับทางอโศกค่ะ สำหรับคนที่จะขับรถมา เราลองถามพี่เจ้าหน้าที่ของตึก เค้าบอกมีที่จอดรถในอาคารให้นะคะ มีค่าจอดน่าจะ 50 บาทมั้งคะ แต่ก็จะมีให้ปั๊มแล้วจอดฟรีได้ค่ะ
เอกสารที่เตรียมไป
- Passport เล่มปัจจุบัน
เอกสารที่ต้องปริ้นท์ออกมา มี 2 อันค่ะ
- อันแรกจะเป็นเอกสารที่จะได้รับหลังจอง collect biometrics สำเร็จ ทางอีเมลค่ะ ซึ่งจั่วหัวสีแดงว่า “Appointment Confirmation” และมีชื่อ, เวลา, เลข reference ของสมาชิกทุกคนที่จองไป ก็ปริ้นท์แค่ฉบับเดียวก็พอค่ะ
- ส่วนอันที่สองจะเป็นเอกสารที่ต้องโหลดจากเว็บ online immi ค่ะ คือ s257A ซึ่งต้องปริ้นท์ออกมารายคนค่ะ
ควรมาถึงก่อนเวลา 15 นาทีค่ะ แต่ถึงจะมาก่อนหน้ากว่านี้ ก็จะต้องนั่งรอนะคะ เจ้าหน้าที่จะไม่ให้ขึ้นลิฟต์ไปค่ะ แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ มีที่ให้นั่งรอเยอะมาก ไม่ต้องยืนเลยค่ะ ข้อสำคัญที่สุดคือ ห้ามเอาโน้ตบุ๊คหรือไอแพดไป จะมีเจ้าหน้าที่ให้เปิดกระเป๋าเช็กข้างบนค่ะ เราเผลอเอาไป ก็ต้องลงไปฝากกับร้านข้างล่าง แล้วขึ้นมาใหม่ค่ะ แต่สามารถเอาโทรศัพท์เข้าไปได้ค่ะ
หลังจากนั้น เราก็ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่แผนกแรก เราก็จะได้ใบคิวมาค่ะ ซึ่งคิวของเราเป็นรายคนค่ะ ก็เข้าไปในห้องตามที่เจ้าหน้าที่เค้าบอก แล้วรอเรียกคิวจากเจ้าหน้าที่แผนกที่สองค่ะ พอถึงคิวที่เรียก ก็เดินไปที่ช่องเคาน์เตอร์ที่เรียก ในส่วนนี้ต้องเสียค่า collect biometrics แยกกันรายคน คนละ 433 บาทค่ะ พอชำระเงินเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็จะให้กลับไปนั่งรอในที่เดิม รอเรียกชื่อที่ช่องเคาน์เตอร์เดิมค่ะ หลังจากโดนเรียกชื่อ เค้าก็จะให้เรารับเอกสาร แล้วเดินต่อไปรอหน้าห้อง collect biometrics (ซึ่งจะอยู่ตรงข้ามฝั่งกับช่องเคาน์เตอร์เลยค่ะ) พอถึงคิวก็เข้าห้องไป collect biometrics กับเจ้าหน้าที่ได้เลย พอเสร็จแล้ว ก็สามารถกลับบ้านได้เลยค่ะ
*สำหรับคนที่มีแผลที่นิ้ว ควรให้หายดีก่อน ค่อยจองเก็บลายนิ้วมือ แต่ถ้ามีแค่ 1 นิ้วจาก 10 นิ้ว ก็ทำได้ค่ะ
เวลาที่ใช้ในการอนุมัติ (Granted) Visa ของครอบครัวเรา: 30 นาที (เก็บ biometrics เสร็จ ~10.30 ได้รับอนุมัติ 11.00)
รีวิวความรู้สึก: เว็บจอง collect biometrics ใช้ค่อนข้างง่ายเลย ไม่ซับซ้อน ส่วนการบริการที่ตึก the Trendy building office รู้สึกแย่นิดหน่อยกับจุดฝากกระเป๋า (มันคือฝากกับแม่ค้าร้านในโรงอาหารค่ะ) ค่อนข้างไม่ปลอดภัยเลยค่ะ แต่การบริการที่เหลือดีหมดค่ะ เจ้าหน้าที่สุภาพเรียบร้อยมากๆ ค่ะ
ก็ขอจบการรีวิวการขอ Visa ออสเตรเลีย ปี 2567 เพียงเท่านี้ค่ะ
ต้องขอโทษด้วยนะคะ ถ้าอ่านแล้วงงๆ หรือรายละเอียดไม่ครบถ้วน เราพึ่งขอ visa เองครั้งแรก และก็เป็นการเขียนรีวิวการขอ visa ครั้งแรกเช่นกันค่ะ พยายามเขียนให้เข้าใจมากที่สุด ถ้าใครสงสัยวิธีกรอกข้อมูล แนะนำเปิดดูในยูทูปที่มีคนทำของปี 2566 ค่ะ เพราะรายละเอียดมีมากกว่า และส่วนใหญ่ค่อนข้างเหมือนกันกับปี 2567 เลย
[รีวิว] ขอ Visa ท่องเที่ยว เมลเบิร์น ออสเตรเลีย ปี 2567
ก่อนอื่นเลย Visa ที่เราขอจะเป็นวีซ่าท่องเที่ยว ก็คือ Visa (subclass 600) ค่ะ
ของเราจะไปเที่ยวตอนต้นเดือน ก.พ. ประมาณ 10 วันค่ะ ไปกับครอบครัว เราไปอ่านในเว็บทางการของสถานทูตออสเตรเลียค่ะ เค้าบอกว่าคนที่ไปช่วง ก.พ.-เม.ย. ควรขอก่อนประมาณ 1 เดือนก่อนถึงวันเดินทางนะคะ จะได้ไม่ลุ้นเกินไป เราก็รีบขอตั้งแต่ตอนปลายเดือน ธค ปี 2566 เลยค่ะ จะเป็นขอทางออนไลน์ผ่านเว็บทางการคือ online immi ค่ะ ต้องสร้าง account กับเว็บก่อน แล้วค่อย log in เข้าไปเพิ่มคำขอ Visa นะคะ
ส่วนที่มีให้กรอกข้อมูล จะมีด้วยกัน 2 ส่วนค่ะ คือ
ช่วงที่ 1 จะมีให้กรอกทั้งหมด 19 หน้า ซึ่งตอนช่วงนี้จะเป็นกรอกข้อมูลล้วนๆ ค่ะ เอกสารที่ให้แนบจะมีแค่พวกสำเนาบัตรประชาชน และสำเนาใบขับขี่ (ถ้ามี) ค่ะ
ช่วงที่ 2 จะเป็นหน้าให้แนบเอกสาร .pdf, .jpg, etc. ก็จะมีตั้งแต่
- Passport
- หน้าพวกแสตมป์ของ Passport ล่าสุด และ Passport เก่า (ถ้าใครมี Passport เก่าเยอะ ก็เอาประมาณย้อนหลัง 10 ปีก็ได้ค่ะ) สำหรับคนที่เคยได้ Visa ออสเตรเลีย คิดว่าน่าจะไม่มีให้แนบหน้า Passport เก่าตรงนี้ค่ะ เพราะของครอบครัวที่เคยได้ Visa ไม่ขึ้นให้แนบเอกสารส่วนนี้
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- รูปถ่าย (ตรงจุดนี้แหละคะ ที่ไม่เหมือนปีก่อนๆ ในยูทูปปีก่อนๆ จะมีหมวดให้ใส่รูปภาพ แต่ตอนเราทำ ไม่มีหมวดนี้เลยค่ะ เราเลยคิดว่า น่าจะไปอยู่ในหมวดเดียวกับสำเนาทะเบียนบ้านค่ะ เพราะจะมีให้เลือกว่าแนบ Others - Picture ก็เลยแนบไปตรงนั้น)
- สำเนาทะเบียนสมรส (ถ้ามี)
- ใบจองที่พัก (ถ้ามี)
- ใบรับรองการทำงาน, ใบรับรองการศึกษา
- Statement ธนาคาร (สำหรับคนที่ทำงานแล้วหรือเกษียณควรอัปไปค่ะ ส่วนนักเรียนนักศึกษา ถ้าไปกับพ่อแม่ก็ไม่ต้องอัปก็ได้ค่ะ)
*สามารถกด Save ท้ายหน้าแต่ละหน้า ก็จะสามารถ log out ออกได้ โดยข้อมูลที่กรอกจะไม่หายไปค่ะ ไม่ต้องกังวล
**ในช่วงที่ 1 ถึงจะมีให้กรอกเลขกลุ่มก็ตาม แต่ก็ต้องกรอกรายคนนะคะ กรอกทีเดียวเป็นกลุ่มไม่ได้
รีวิวความรู้สึก: สำหรับเราโคตรปวดหัวเลย เพราะกรอกขอ visa ครั้งแรก หน้าก็เยอะ แล้วเราเป็นคนกรอกให้คนในครอบครัวทุกคนด้วย แต่พอกรอกไปอันแรก อันที่สองสามก็เริ่มดีขึ้น เพราะข้อมูลจะคล้ายๆกันค่ะ
พอกรอกข้อมูลอะไรให้เรียบร้อยแล้ว ก็กด submit ค่ะ ต้องจ่ายเงินรายคน คนละ 190(ค่าขอ Visa) + 2(ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต จะไม่เหมือนกันแล้วแต่ยี่ห้อที่ออกบัตรค่ะ) = 192 AUD ~ 4695 บาท
หลังจากนั้นเราก็จะไปจอง collect biometric ที่เว็บของบริษัท VFS ค่ะ เนื่องจากช่วงสิ้นปีไม่มีเปิดให้จอง เราเลยจองไปช่วงต้นเดือน มค 67 ซึ่งเราก็ต้องสร้างบัญชีของ VFS ใหม่ (เพราะบัญชี VFS จะเป็นคนละบัญชีกับ immi ค่ะ) จึงจะ log in เข้าไปจองได้ค่ะ ในส่วนนี้จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไร ไปเสียหน้าเคาน์เตอร์แทนค่ะ
*ต้องกรอก immi ให้เสร็จถึงจะจอง VFS ได้นะคะ เพราะต้องใช้เลขที่ส่งมาหลังกด submit ในการจอง collect biometrics ค่ะ
ถึงวันที่จอง collect biometrics (เก็บภาพใบหน้าและลายนิ้วมือ) เราเดินทางด้วย bts ค่ะ จุดหมายคือ ตึก the Trendy building office (จุดเก็บ biometrics สาขากรุงเทพฯ) ลงที่สถานีนานาหรืออโศกก็ได้นะคะ ระยะทางและทางเดินพอๆกันค่ะ แต่ดูจากหลายๆรีวิวก่อนหน้า แนะนำว่าลงสถานีนานา ทางออก 3 เราก็เลยไปสถานีนานาก่อน ขากลับค่อยเดินกลับทางอโศกค่ะ สำหรับคนที่จะขับรถมา เราลองถามพี่เจ้าหน้าที่ของตึก เค้าบอกมีที่จอดรถในอาคารให้นะคะ มีค่าจอดน่าจะ 50 บาทมั้งคะ แต่ก็จะมีให้ปั๊มแล้วจอดฟรีได้ค่ะ
เอกสารที่เตรียมไป
- Passport เล่มปัจจุบัน
เอกสารที่ต้องปริ้นท์ออกมา มี 2 อันค่ะ
- อันแรกจะเป็นเอกสารที่จะได้รับหลังจอง collect biometrics สำเร็จ ทางอีเมลค่ะ ซึ่งจั่วหัวสีแดงว่า “Appointment Confirmation” และมีชื่อ, เวลา, เลข reference ของสมาชิกทุกคนที่จองไป ก็ปริ้นท์แค่ฉบับเดียวก็พอค่ะ
- ส่วนอันที่สองจะเป็นเอกสารที่ต้องโหลดจากเว็บ online immi ค่ะ คือ s257A ซึ่งต้องปริ้นท์ออกมารายคนค่ะ
ควรมาถึงก่อนเวลา 15 นาทีค่ะ แต่ถึงจะมาก่อนหน้ากว่านี้ ก็จะต้องนั่งรอนะคะ เจ้าหน้าที่จะไม่ให้ขึ้นลิฟต์ไปค่ะ แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ มีที่ให้นั่งรอเยอะมาก ไม่ต้องยืนเลยค่ะ ข้อสำคัญที่สุดคือ ห้ามเอาโน้ตบุ๊คหรือไอแพดไป จะมีเจ้าหน้าที่ให้เปิดกระเป๋าเช็กข้างบนค่ะ เราเผลอเอาไป ก็ต้องลงไปฝากกับร้านข้างล่าง แล้วขึ้นมาใหม่ค่ะ แต่สามารถเอาโทรศัพท์เข้าไปได้ค่ะ
หลังจากนั้น เราก็ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่แผนกแรก เราก็จะได้ใบคิวมาค่ะ ซึ่งคิวของเราเป็นรายคนค่ะ ก็เข้าไปในห้องตามที่เจ้าหน้าที่เค้าบอก แล้วรอเรียกคิวจากเจ้าหน้าที่แผนกที่สองค่ะ พอถึงคิวที่เรียก ก็เดินไปที่ช่องเคาน์เตอร์ที่เรียก ในส่วนนี้ต้องเสียค่า collect biometrics แยกกันรายคน คนละ 433 บาทค่ะ พอชำระเงินเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็จะให้กลับไปนั่งรอในที่เดิม รอเรียกชื่อที่ช่องเคาน์เตอร์เดิมค่ะ หลังจากโดนเรียกชื่อ เค้าก็จะให้เรารับเอกสาร แล้วเดินต่อไปรอหน้าห้อง collect biometrics (ซึ่งจะอยู่ตรงข้ามฝั่งกับช่องเคาน์เตอร์เลยค่ะ) พอถึงคิวก็เข้าห้องไป collect biometrics กับเจ้าหน้าที่ได้เลย พอเสร็จแล้ว ก็สามารถกลับบ้านได้เลยค่ะ
*สำหรับคนที่มีแผลที่นิ้ว ควรให้หายดีก่อน ค่อยจองเก็บลายนิ้วมือ แต่ถ้ามีแค่ 1 นิ้วจาก 10 นิ้ว ก็ทำได้ค่ะ
เวลาที่ใช้ในการอนุมัติ (Granted) Visa ของครอบครัวเรา: 30 นาที (เก็บ biometrics เสร็จ ~10.30 ได้รับอนุมัติ 11.00)
รีวิวความรู้สึก: เว็บจอง collect biometrics ใช้ค่อนข้างง่ายเลย ไม่ซับซ้อน ส่วนการบริการที่ตึก the Trendy building office รู้สึกแย่นิดหน่อยกับจุดฝากกระเป๋า (มันคือฝากกับแม่ค้าร้านในโรงอาหารค่ะ) ค่อนข้างไม่ปลอดภัยเลยค่ะ แต่การบริการที่เหลือดีหมดค่ะ เจ้าหน้าที่สุภาพเรียบร้อยมากๆ ค่ะ
ก็ขอจบการรีวิวการขอ Visa ออสเตรเลีย ปี 2567 เพียงเท่านี้ค่ะ
ต้องขอโทษด้วยนะคะ ถ้าอ่านแล้วงงๆ หรือรายละเอียดไม่ครบถ้วน เราพึ่งขอ visa เองครั้งแรก และก็เป็นการเขียนรีวิวการขอ visa ครั้งแรกเช่นกันค่ะ พยายามเขียนให้เข้าใจมากที่สุด ถ้าใครสงสัยวิธีกรอกข้อมูล แนะนำเปิดดูในยูทูปที่มีคนทำของปี 2566 ค่ะ เพราะรายละเอียดมีมากกว่า และส่วนใหญ่ค่อนข้างเหมือนกันกับปี 2567 เลย