ขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมชื่อ M ครับ
ปัจจุบันอายุ 27 ปี
ผมเคยถูกศาลพิพากษา จำคุก 25 ปี ตอนปี 59 คดียาเสพติด และได้รับคุณ จากการเปลี่ยนแปลง พ.ร.บ.ยาเสพติดปี 64(กฏหมายใหม่) จึงทำให้ผมได้พ้นโทษในเดือนกันยาปี 65 ผมขออนุญาต เล่าย้อนประวัติคร่าวๆให้ฟังก่อนนะครับ
ตอนช่วงที่ผมอายุ 15 ปี พึ่งเรียนจบ ม.3 ใหม่ๆผมมีความสนใจในด้านคอมพิวเตอร์มาก เพราะผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่จะทำให้ผมได้เรียนรู้และใช้เป็นเป็นเครื่องมือประกอบอาชีพได้ในอนาคต พอถึงเวลาที่จะหา ร.ร. ผมก็ได้บอกทาง แม่ ของผมไปว่า ผมอยากเรียนสายอาชีพมากคือ (ปวช) แต่แม่ของผมให้เรียน ม ปลาย (มัธยมปลาย)
นั้นแหละครับคือจุดเริ่มต้น
เมื่อผมได้เข้าเรียนในชั้น ม.4 ซึ่งผมไม่ได้ไฝ่ในการเรียนการสอนแบบ ทฤษฎี ผมเป็นคนที่ชอบ ปฏิบัติ จึงทำให้ผมไม่ได้สนใจมากนักเพราะ หลายๆวิชา มีแต่เรื่องให้คิดให้ปวดหัว แต่ปีแรกผมก็ ผ่านมันมาได้แต่ก็ 0,ร เยอะไปหมดแต่ก็มาแก้จนผ่าน พอขึ้น ม.5 การเรียนเริ่มหนักขึ้นเนื้อหาข้นขึ้น จนผมไม่สามารับมันได้กับสิ่งที่ผมไม่ได้ต้องการที่จะไฝ่ ผมก็ไม่ผ่านสิครับ ผมจึงตัดสินใจดอปเรียนแล้ว ย้ายไปเริ่มใหม่ที่ ร.ร. เอกชน เพราะคิดว่ามันจะเบากว่า และเราอาจจะแต่เรียนจบ แต่ก็ไม่เลยครับ สภาพแวดล้อมใน ร.ร.เอกชน ก็จะเป็นอีกแบบครับ(ขอไม่อธิบายนะครับว่าเป็นยังไง) ในช่วงเวลาที่เรียนที่นี้ ผมก็เกิดความคิดที่ว่า ครอบครัวผมไม่ได้มีฐานะดี ให้เงินมา ร.ร. วันละ 100 มันก็เพียงพอกับข้าว 1 มื้อแหละครับแต่มันไม่พอสำหรับค่า ของใช้,ของกิน(ที่อยาก), ผมจึงตัดสินใจไปยุ่งกับสิ่งของที่ไม่ควร ณ ช่วงเวลานี้ ผมไม่เคยคิดเลยว่า อนาคตตัวเองจะเป็นอย่างไร คนข้างหลังจะเป็นอย่างไร
จนกระทั้ง ช่วงสอบปลายภาควันสุดท้าย ม.6 หลังจากสอบเสร็จผมก็ได้ไปนั่งเล่นบ้านเพื่อนแล้วกลับมาบ้าน
ตำรวจสายสืบได้เข้ามาจับผมจากการซัดทอดของคู่คดีวินาทีนั้นผมช็อคไปเลยครับ ผมก็ได้แต่ยอมรับกับสิ่งที่กระทำ
ผมเข้ามาอยู่ที่ ฑบก. เป็นเวลา4ปี และถูกย้ายไป ร.จ.เขาบิน ต้นปี 65
ช่วงระยะเวลาที่อยู่ใน ร.จ. ผมได้อยู่กับตัวเองมากขึ้นและคิดทบทวนกับตัวผมเองมาตลอด ว่าถ้าผมได้กลับบ้านผมจะไม่ได้ยุ่งกับสิ่งพวกนี้อีก ผมไม่ได้กลัวนะครับ ผมแค่รู้สึกว่ามันเสียเวลา จนกระทั้งเดือนกันยาปี 65 วันที่ได้รับอิสรภาพก็มาถึง (*ช่วงเวลาที่อยู่ในเรือนจำถ้าเกิดผมว่างจะเล่าให้ฟังนะครับ)
เพียงเวลาแค่ 6ปี ทุกอย่างกับเปลี่ยนไปหมดแม้กระทั้งที่ทางบ้านช่อง ตึกคอนโด รถไฟฟ้า แม้กระทั้งเพื่อนมิตรที่เคยอยู่ด้วยกันก็ต่างแยกย้ายกันไปเติบโตกันหมด
ณ ตอนนั้นความรู้สึกของผม หดหู่ และ เคว้งมาก คิดว่าอะไรๆจะเหมือนอย่างที่เราได้คาดและวาดฝันไว้ตอนอยู่ข้างใน อย่างว่านะครับช่วงเวลา และ ความรู้สึกผมถูกหยุดไว้ตอนอายุ 19 พอออกมาก็อายุ 25 ปีเลย
ผมพยายามที่จะเอาตัวรอดจากโลกภายนอกมาตลอด เอาตัวรอดในที่นี้คือการที่ใช้ชีวิตให้ผ่านไปได้ในแต่ละวันโดยไม่คิดถึงอดีต ผมพยายามที่จะทำงานที่เป็นอิสระ เพราะผมไม่อยากให้ใครมาบังคับหรือกดดัน (ผมพึ่งพ้นจากในกรอบให้ไปอยู่อีกกรอบผมยังไม่พร้อม) สำหรับผมเวลา 1 ปีเศษ มันไม่ได้มากมายสำหรับการปรับตัว
คนอื่นเขาอาจจะปรับตัวได้ แต่ผมยังทำไม่ได้ทุกวันนี้ผมก็คิดอยู่ตลอดว่า เมื่อไหร่ตัวผม จะลุกขึ้นยืนได้ด้วยตัวเองโดยไม่พึ่งมาใคร เหมือนยิ่งผมพยายาม ยิ่งห่างไกล
จนทำรู้สู้กอึดอัด ทางบ้านก็มาพูดอีกว่า นี่ก็ 1 ปี แล้ว ผมจนปัญญาจะอธิบายให้ที่บ้านเข้าใจครับ ยิ่งผมถูกกดดัน มันก็ทำให้ผมไม่อยากจะทำอะไรต่อ อยากจะไปอยู่จุดเดิมที่เคยมาจะได้ไม่ต้องรับรู้ หรือกดดันกับตัวเองมากขนาดนี้ ผมไม่เคยเหนื่อยกายครับผมแค่เหนื่อยใจ ที่ไม่อาจทำ ในสิ่งที่คนอื่นทำได้ ไม่อาจมีในสิ่งที่คนอื่นมีได้
ไม่คิดเลยครับว่าตัวผม จะเป็นได้ขนาดนี้ หมด Passion แล้วจริงๆครับตอนนี้ ผมเบื่อกับทุกสิ่ง เบื่อกับทุกอย่าง
ตอนนี้ผมเหมือนกับคนที่ไม่มีความรู้สึกเลยครับ
ขอจบเพียงเท่านี้ก่อนครับ
ผมอยากจะปรึกษาหมอด้านจิตเวช เหมือนกันนะครับตอนนี้
ขอคำปรึกษาหน่อยครับ
ปัจจุบันอายุ 27 ปี
ผมเคยถูกศาลพิพากษา จำคุก 25 ปี ตอนปี 59 คดียาเสพติด และได้รับคุณ จากการเปลี่ยนแปลง พ.ร.บ.ยาเสพติดปี 64(กฏหมายใหม่) จึงทำให้ผมได้พ้นโทษในเดือนกันยาปี 65 ผมขออนุญาต เล่าย้อนประวัติคร่าวๆให้ฟังก่อนนะครับ
ตอนช่วงที่ผมอายุ 15 ปี พึ่งเรียนจบ ม.3 ใหม่ๆผมมีความสนใจในด้านคอมพิวเตอร์มาก เพราะผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่จะทำให้ผมได้เรียนรู้และใช้เป็นเป็นเครื่องมือประกอบอาชีพได้ในอนาคต พอถึงเวลาที่จะหา ร.ร. ผมก็ได้บอกทาง แม่ ของผมไปว่า ผมอยากเรียนสายอาชีพมากคือ (ปวช) แต่แม่ของผมให้เรียน ม ปลาย (มัธยมปลาย)
นั้นแหละครับคือจุดเริ่มต้น
เมื่อผมได้เข้าเรียนในชั้น ม.4 ซึ่งผมไม่ได้ไฝ่ในการเรียนการสอนแบบ ทฤษฎี ผมเป็นคนที่ชอบ ปฏิบัติ จึงทำให้ผมไม่ได้สนใจมากนักเพราะ หลายๆวิชา มีแต่เรื่องให้คิดให้ปวดหัว แต่ปีแรกผมก็ ผ่านมันมาได้แต่ก็ 0,ร เยอะไปหมดแต่ก็มาแก้จนผ่าน พอขึ้น ม.5 การเรียนเริ่มหนักขึ้นเนื้อหาข้นขึ้น จนผมไม่สามารับมันได้กับสิ่งที่ผมไม่ได้ต้องการที่จะไฝ่ ผมก็ไม่ผ่านสิครับ ผมจึงตัดสินใจดอปเรียนแล้ว ย้ายไปเริ่มใหม่ที่ ร.ร. เอกชน เพราะคิดว่ามันจะเบากว่า และเราอาจจะแต่เรียนจบ แต่ก็ไม่เลยครับ สภาพแวดล้อมใน ร.ร.เอกชน ก็จะเป็นอีกแบบครับ(ขอไม่อธิบายนะครับว่าเป็นยังไง) ในช่วงเวลาที่เรียนที่นี้ ผมก็เกิดความคิดที่ว่า ครอบครัวผมไม่ได้มีฐานะดี ให้เงินมา ร.ร. วันละ 100 มันก็เพียงพอกับข้าว 1 มื้อแหละครับแต่มันไม่พอสำหรับค่า ของใช้,ของกิน(ที่อยาก), ผมจึงตัดสินใจไปยุ่งกับสิ่งของที่ไม่ควร ณ ช่วงเวลานี้ ผมไม่เคยคิดเลยว่า อนาคตตัวเองจะเป็นอย่างไร คนข้างหลังจะเป็นอย่างไร
จนกระทั้ง ช่วงสอบปลายภาควันสุดท้าย ม.6 หลังจากสอบเสร็จผมก็ได้ไปนั่งเล่นบ้านเพื่อนแล้วกลับมาบ้าน
ตำรวจสายสืบได้เข้ามาจับผมจากการซัดทอดของคู่คดีวินาทีนั้นผมช็อคไปเลยครับ ผมก็ได้แต่ยอมรับกับสิ่งที่กระทำ
ผมเข้ามาอยู่ที่ ฑบก. เป็นเวลา4ปี และถูกย้ายไป ร.จ.เขาบิน ต้นปี 65
ช่วงระยะเวลาที่อยู่ใน ร.จ. ผมได้อยู่กับตัวเองมากขึ้นและคิดทบทวนกับตัวผมเองมาตลอด ว่าถ้าผมได้กลับบ้านผมจะไม่ได้ยุ่งกับสิ่งพวกนี้อีก ผมไม่ได้กลัวนะครับ ผมแค่รู้สึกว่ามันเสียเวลา จนกระทั้งเดือนกันยาปี 65 วันที่ได้รับอิสรภาพก็มาถึง (*ช่วงเวลาที่อยู่ในเรือนจำถ้าเกิดผมว่างจะเล่าให้ฟังนะครับ)
เพียงเวลาแค่ 6ปี ทุกอย่างกับเปลี่ยนไปหมดแม้กระทั้งที่ทางบ้านช่อง ตึกคอนโด รถไฟฟ้า แม้กระทั้งเพื่อนมิตรที่เคยอยู่ด้วยกันก็ต่างแยกย้ายกันไปเติบโตกันหมด
ณ ตอนนั้นความรู้สึกของผม หดหู่ และ เคว้งมาก คิดว่าอะไรๆจะเหมือนอย่างที่เราได้คาดและวาดฝันไว้ตอนอยู่ข้างใน อย่างว่านะครับช่วงเวลา และ ความรู้สึกผมถูกหยุดไว้ตอนอายุ 19 พอออกมาก็อายุ 25 ปีเลย
ผมพยายามที่จะเอาตัวรอดจากโลกภายนอกมาตลอด เอาตัวรอดในที่นี้คือการที่ใช้ชีวิตให้ผ่านไปได้ในแต่ละวันโดยไม่คิดถึงอดีต ผมพยายามที่จะทำงานที่เป็นอิสระ เพราะผมไม่อยากให้ใครมาบังคับหรือกดดัน (ผมพึ่งพ้นจากในกรอบให้ไปอยู่อีกกรอบผมยังไม่พร้อม) สำหรับผมเวลา 1 ปีเศษ มันไม่ได้มากมายสำหรับการปรับตัว
คนอื่นเขาอาจจะปรับตัวได้ แต่ผมยังทำไม่ได้ทุกวันนี้ผมก็คิดอยู่ตลอดว่า เมื่อไหร่ตัวผม จะลุกขึ้นยืนได้ด้วยตัวเองโดยไม่พึ่งมาใคร เหมือนยิ่งผมพยายาม ยิ่งห่างไกล
จนทำรู้สู้กอึดอัด ทางบ้านก็มาพูดอีกว่า นี่ก็ 1 ปี แล้ว ผมจนปัญญาจะอธิบายให้ที่บ้านเข้าใจครับ ยิ่งผมถูกกดดัน มันก็ทำให้ผมไม่อยากจะทำอะไรต่อ อยากจะไปอยู่จุดเดิมที่เคยมาจะได้ไม่ต้องรับรู้ หรือกดดันกับตัวเองมากขนาดนี้ ผมไม่เคยเหนื่อยกายครับผมแค่เหนื่อยใจ ที่ไม่อาจทำ ในสิ่งที่คนอื่นทำได้ ไม่อาจมีในสิ่งที่คนอื่นมีได้
ไม่คิดเลยครับว่าตัวผม จะเป็นได้ขนาดนี้ หมด Passion แล้วจริงๆครับตอนนี้ ผมเบื่อกับทุกสิ่ง เบื่อกับทุกอย่าง
ตอนนี้ผมเหมือนกับคนที่ไม่มีความรู้สึกเลยครับ
ขอจบเพียงเท่านี้ก่อนครับ
ผมอยากจะปรึกษาหมอด้านจิตเวช เหมือนกันนะครับตอนนี้