แบบนี้คือเราผิดใช่รึป่าวคะ

ท้าวความไปเมื่อปี 65 ช่วงตอนนั้นเราเป็นสภานักเรียน แล้วได้เชิญน้องๆ ม.4 มาสมัครประธานนักเรียนรุ่นปี 66 ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงสุดท้ายของการเป็นสภานีกเรียนของเราเเล้ว แล้วเราก็ไปเจอเด็กคนนึงที่มาลงสมัครกับเพื่อน เราไม่เคย้ห็นน้องเขาเลย แต่น้องคือน่ารักมากสำหรับเรา เห็นแล้วแบบรู้สึกว่าโลกนี้ดูสดใสมาก และกลุ่มของน้องก็ได้เป็นสภานักเรียนรุ่นต่อไปจิงๆ พอเริ่มการศึกษาในปี 66 เรามีการร่วมทำกิจกรรมกับน้องๆสภานักเรียนชุดใหม่ซึ่งน้องเขาก็อยู่ด้วย น้องเป็นรองประธาน เราได้ทำงานด้วยกัน เราก็ยังไม่ได้คุยกันมากนะ มีแซวๆกันในหมู่เพื่อนเพราะมีหลายๆคนชอบน้องเยอะมากในกลุ่มสภานักเรียนก็คือเพื่อนๆเรานี่แหละ😅 ก็มีแซวๆบ้าง แต่ก็ไม่ได้สนิทกับน้องรึพูดคุยกับน้องมากนัก จนเวลาผ่านมาถึงช่วงการจัดงานกีฬาสี น้องอยู่สีเราพอดี เเล้วเราก็ได้ไปชวนน้องๆมาช่วยทำงานสี ซึ่งน้องคนนี้ก็ยินดีมาช่วย แรกๆก็ไม่ค่อยได้คุยกัน แต่พอผ่านไปสักพัก น้องก็เริ่มมาคุยมาถาม แล้วก็เริ่มใกล้ชิดกันมาเรื่อยๆ น้องมาบอกเราว่า เราเป็นพี่ที่น้องรู้สึกอยู่ด้วยแล้วสบายใจ  คุยได้ทุกเรื่อง ช่วยทุกๆเรื่อง อยากกินอะไรก็พาไปกินไปซื้อ น้องบอกว่ามีเราอยู่แล้ว
น้องไม่กลัวอะไร เราก็ใกล้ชิดมาเรื่อย จนบางคนเห็นว่าเราเริ่มสนิทกันมากขึ้น เราไปซื้อของทำงานกีฬาสี ไปซื้อของกินกับน้องอยู่บ่อยครั้ง จนบางคนเห็นว่าเราใกล้ชิดกับน้องก็มีเพื่อนแซวๆกันบ้าง แต่เราไม่ได้คิดอะไร เราเคยต้องไปส่งน้องที่บ้านเพราะน้องไม่มีรถกลับ แล้วก็มีช่วงที่น้องรถยางรั่ว น้องก็ขอให้เราไปส่ง เราเอาน้องมาทำงานกลับดึกเราเลยต้องไปส่งน้องเพราะบ้านน้องก็ค่อนข้างไกลเลยไปส่งน้องถึงหน้าบ้านเลย แล้วน้องก็ขอให้มารับตอนเช้าด้วยเพราะรถทิ้งไว้ที่ร้านซ่อมรถเราก็ไปรับ เราใกล้ชิดกันมากๆ จนทำให้เราเริ่มรู้สึกไม่ดี เพราะตอนนั้นเรามีแฟน แต่เราก็รู้ว่าตัวเองต้องทำตัวแบบไหน เราก็พยายามไม่อะไรกับน้องมาก แต่น้องก็ใกล้เราเหลือเกิน เราก็พยายามรักษาระยะห่าง ก่อนหน้านี่คือใช่เราเคยรู้สึกแบบปลื้มน้องมากๆ แต่พอเวลาผ่านไปก่อนหน้าจะถึงกีฬาสีเราไม่ได้คิดแบบนั้น เราก็เลยเริ่มคิดว่าถ้าจบงานแล้วเราจะห่างๆกับน้อง เพราะน้องใกล้ชิดเรามาก เราไม่อยากให้แฟนเราต้องมาไม่สบายใจ เราก็คิดไว้แบบนั้น และพอกีฬาสีจบ เราก็เริ่มห่างออกมา บอกกับน้องไปเพียงแค่ว่า เราต้องตามงาน เราไม่มีเวลาว่างอีกแล้ว เราก็เริ่มห่างออกมา โดยใช้วิธีหักดิบ ไม่ทักน้อง เจอหน้าก็รีบเดินหนี เพราะเราอยากให้มันเงียบไปเฉยๆ แล้วเราไปเจอน้องน้องก็ถามเราว่า ทำไมเปลี่ยนไป ทำไมไม่เหมือนเดิม เราก็บอกแค่ว่าไม่ว่าง เราตีตัวออกห่างจากน้องมาจนเราไปเห็นน้องเดินมากัลน้องผู้หญิงคนนึง เราก็พึ่งได้รู้ว่าน้องมีคนคุยแล้ว เราก็โอเคน้องยะได้ไม่ต้องมายุ่งกับเราอีก แต่ไม่เลยจ้าน้องพยายามเข้ามาคุยเข้ามาทักเรา จนเราเริ่มไม่โอเค เพราะน้องพยายามเข้ามาคุยมากขึ้น ซึ่งเราก็ไม่อยากยุ่งกับน้องเพราะเราให้เกียรติแฟนเรา เเล้วเราก็ให่เกียรติกับคนคุยของน้อง ซึ่งเราตัดสินใจไม่พูดไม่คุยเพราะว่า มีคนมาถามว่าเราคุยกับน้องเขาหรอ ทั้งๆที่เรามีแฟนอยูาแล้วแต่ทำไมถึงมีแต่คนมาถามแบบนี้ ซึ่งเราก็รู้มาว่าเพราะเรากับน้องเคยใกล้ชิดกันในช่วงกีฬาสี จึงมีคนสงสัยว่าเรากับน้องคุยกันอยู่รึป่าว ซึ่งเราอึกอัดมากมีแต่คนมาถามเราเรื่องนี้ และนี่คืออีกสิ่งที่เราพยายามตีตัวออกห่างจากน้อง เพราะเราไม่อยากให้แฟนเราไม่สบายใจ น้องเข้ามาทักเราเราก็บอกน้องไปว่าเราไม่อยากคุย แล้วเราก็เดินออกมาจากตรงนั้นเลยทันที แล้วเราก็ทักไปบอกน้องตรงๆเลยว่า เราไม่อยากให้น้องทักเรา รึเข้ามาคุยกับเราอีก เพราะเราอึดอัดเวลามีคนมาถามเรื่องของเรากับน้อง แล้วก็ไม่อยากให้แฟนไม่สบายใจ น้องเขาก็บอกเราว่าขอโทษนะ ที่ทำอะไปเกินตัวที่เข้าไปเล่นกับความรู้สึกพี่ด้วย แล้วก็เล่นถึงเนื้อถึงตัวไปหน่อย ขอโทษที่ทำให้คนอื่นเข้าใจพี่ผิด เราเลยบอกไปว่าคนเข้าใจผิดเยอะเพราะเห็นเคยมาอยูากับเราเเล้ววันนี้ไปกับผู้หญิงอีกคน เลยมีแต่คนเข้ามาถามเราว่าคุยกับน้องอยู่หรอ คุยอยู่รึป่าว เห็นไปเกินกับผู้หญิงอีกคนแบบจับมือ จับแก้ม ลูบหัว ควงแขนกัน คนมาถามเราเยอะมากๆ จนเราอึดอัดเพราะเราไม่ได้อะไรกับน้อง เราก็บอกน้องไปแบบนั้น แล้วเรายังบอกอีกว่า เราไม่อยากให้แฟนเราต้อฃเข้าใจผิดแล้วก็รู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี่ ต่อไปนี้ก็ต่างคนต่างอยู่ เป็นการให้เกียรติกับคนของตัวเองดีกว่า ของถามเรากลับว่า มันต้องขนาดนี้เลยหรอ เราก็ตอบว่าตอนนี้เรื่องมันเลยเถิดไปหมดแล้ว แบบนี้คงจะดีที่สุดแล้ว น้องก็มาพูดกับเราว่า น้องเสียใจที่เราเป็นแบบนี้ ทำไมต้องห่าง ทำไมถึงทำร้ายความรู้สึกน้อง เราก็บอกไปเลยว่า น้องเคยนับถือเราเป็นพี่ แต่กับเรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่าน้องไปคุยรึไปชอบใคร น้องไม่ได้บอกเราก่อนเลย น้องก็บอกว่า น้องชอบคนนี้มากๆ แล้วก็แคร์มากๆ แต่น้องลืมนึกถึงไงว่าก่อนหน้านี้น้องใกล้ชิดกับเรามาก่อน แล้วน้องบอกว่าชอบคนนี้มากๆแล้ว นั่นแปลว่าก่อนหน้านี่พี่ดึงน้องมาอยู่กับพี่ แล้วน้องคนนั้นก็เห็นเรากับน้องสนิทกันมาก รึว่าเราที่กำลังขวางอะไรของทั้งสองคนรึป่าว เราเลยรู้สึกว่าในเมื่อน้องได้โอกาสคถยกันแล้วแล้วยังเป็นคนที่น้องชอบมากๆขนาดนั้น ก็ทำให้เต็มที่ไปเลย ทำไมต้องมาอะไรกับเราอีก เราเลยบอกน้องว่าเราไม่อยากจะอะไรอีกแล้ว เเล้วเราก็บล้อคน้องไป แล้วเราก็ไม่พูดไม่คุยกันอีกเลยจนถึงตอนนี้  เรื่องมันอาจดูงงๆนะคะ แต่ที่เราเอามาพูดแบบนี้ เพราะเราอยากรู้หน่ะคะว่าเราเลือกจะเดินออกมาแบบนี้ถูกมั้ย เพราะเอาจิงๆเราใกล้ชิดกับน้องทุกวันจนทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้จนมีคนพูดเยอะแยะมากมาย เราก็เเค่รู้สึกว่ามันไม่โอเคละ เพราะตัวเราเราก็มีแฟน แล้วเราก็ไม่รู้ด้วยว่าตัวน้องเองก็มีคนที่ชอบอยู่แล้ว แล้วเราก็ไม่รู้ว่าน้องเขาคุยกันตั้งแต่เมื่อไหร่ คือเรื่องมันงงไปหใดขนาดเราเจอเองเรายังงงเลยค่ะ เพราะทุกอย่ามันเกินขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่เราก็ไม่รู้รู้แค่ว่าเราต้องออกห่างจากน้องให้มากที่สุด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่