สิ่งเล็กๆน้อยๆที่เปลี่ยนความรู้สึกในวันที่รู้สึกแย่มากๆ

สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้แรกของผม ซึ่งปกติผมจะเน้นอ่านกับเม้นซะเป็นส่วนใหญ่ไม่เคยตั้งกระทู้มาก่อน แต่วันนี้มีความรู้สึกว่าอยากแชร์ประสบการณ์เล็กๆน้อยๆที่พึ่งได้พบเจอวันนี้เอง ให้ใครซักคนได้ฟังบ้างเท่านั้นเอง
 ..ขอเกริ่นนำก่อนเข้าเรื่องสักนิด ผมอายุ44แล้ว ผ่านอะไรๆมาก้มากมาย ชีวิตก้ปากกัดTeenถีบเรื่อยมาตั้งแต่เด็ก เคยเจอทั้งเรื่องดีๆมาบ้างแต่เรื่องแย่ๆก้รู้สึกจะเจอมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง ไม่เคยประสบความสำเร็จในเรื่องผู้หญิงเลยซักครั้ง(พูดง่ายๆ ชีวิตไม่เคยมีแฟนมาก่อน) แต่ก้เข้าใจดีว่าตัวเองเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงมาก ปกติไม่เคยจีบใคร เพราะขี้อายจัด จีบใครไม่เป็น เหล้า,บุหรี่ไม่แตะต้องเลยไม่ค่อยได้เข้าสังคมซักเท่าไหร่ ตอนวัยรุ่นก้เคยมีโอกาสหลายครั้งแต่ก้ด้วยความที่ว่าเป็นคนขี้อาย,ติดเพื่อน,ติดเล่นกีฬา(บาส),ติดเกมส์,การตูน,นิยาย บลาๆๆ เลยไม่ค่อยโฟกัสเรื่องเพศตรงข้ามมากเท่าที่ควร ช่วงอายุประมาณ20กว่าๆเคยสารภาพรักครั้งแรกนึงแล้วถูกปฏิเสธ รู้สึกเฟลมาก จากนั้นก้เลยกลัว ไม่กล้าสารภาพรักกับใครอีกเลย ไม่ว่าจะแอบชอบใครก้จะเก็บไว้ในใจตลอดมา แม้ช่วง30กว่าๆจะเคยหลุดออกอาการว่าชอบคนนั้นคนนี้บ้าง แต่สุดท้ายก้ได้แต่ความผิดหวัง แถมยังถูกผู้หญิงที่เราชอบ หลอกยืมเงินแบบไม่ได้คืนซ้ำเติมไปอีก(เสียเป็นแสนแขนก้ไม่ได้จับ อะไรประมาณนั้น) แต่ชีวิตก้ไม่ได้แย่ไปซะหมด ก้ยังพอมีเพื่อนๆพวกหนังเหนียวตายยากคอยช่วยเป็นทั้งซัพพรอทและเป็นทั้งภาระคอยช่วยประคองให้รอดเสมอมา...  ขออภัย.ที่นอกเรื่องไปซะเยอะทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะตั้งกระทู้ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องบางรัก แต่ด้วยที่เป็นกระทู้แรกเลยปนความรู้สึกของตาลุงคนนึงที่อยากระบายซักหน่อยเพี้ยนฮัลโหล 
  เรื่องหน้าที่การงานก้เคยทำมาสารพัดตำแหน่งลูกจ้าง ตั้งแต่เด็กส่งของ,ตัวแทนขายประกัน,เลขาฝึกหัด,รปภ,บลาๆๆ จนมาเดินสายทำงานร้านอาหารและโรงแรม เริ่มจากที่เคยพยายามเก็บประสบการณ์เริ่มจากล้างจานจนได้มาเป็นผู้ช่วยกุ๊ก>comis3,2,1>เดมี่ และได้มีโอกาสไปทำงานที่ต่างประเทศเริ่มที่ UAE และมาต่อที่เกาหลีใต้ ฐานเงินเดือนและชีวิตกำลังจะเริ่มจะดีขึ้น แต่สุดท้ายก้โดนปัญหาเรื่องโควิท เจ้าของร้านถูกสั่งให้ปิดร้าน ผมเลยต้องกลับไทยมาเริ่มต้นใหม่ตอนอายุ40 งานที่อยากทำหายากขึ้น คุณพ่อผมก้เสียไปจากอุบัติเหตุ ชีวิตก้รู้สึกเฟลหนักเข้าไปอีก แต่โดยรวมก้ถือว่าเป็นวิถีชีวิตที่เป็นปกติของชนชั้นแรงงานระดับล่างคนนึง ซึ่งผมก้เข้าใจดีว่าในโลกนี้ยังมีคนที่ผ่านเรื่องเลวร้ายมากมายมหาศาล ถ้าเอามาเปรียบเทียบกัน เรื่องของผมก้คงเล็กจิ๊บจ๊อยเป็นฝุ่นผงขี้ประติ๋วไปเลย แต่ด้วยประสบการณ์ที่เจอแต่เรื่องแย่ๆ ทำให้ทัศนคติในการมองโลกและสังคมกลายเป็นมองในแง่ลบซะส่วนใหญ่ โลกที่ไม่มีความยุติธรรม ปลาใหญ่กินปลาเล็ก  ต้นทุนคนเราไม่เท่ากัน สังคมแห่งการแข่งขันแย่งชิง บลาๆๆๆ ทุกอย่างมันมืดไปหมด ถึงถึงขั้นหมดหวังกับอนาคต ตอนนี้คิดอะไรไม่ออก ตกงานอยู่เกือบ2ปี ก้กลับมาเริ่มต้นใหม่ทำงาน รปภ.ไปก่อน แม้จะงานหนักทำงาน12ชม.ไม่มีวันหยุด เป็นภาระกับร่างกายและจิตใจแต่ก้ต้องอดทน ยังดีกว่าว่างงานไม่มีงานทำ ช่วงที่กำลังตั้งสติได้ เงินเดือนแรกหมื่นเศษๆก้ออกมาให้ได้รู้สึกชื่นใจได้พักนึงก้ซวยอีกแล้ว เมื่อคืนเผลอทำมือถือหล่นตกพื้นจอแตกตรวจสอบสภาพน่าจะโดนค่าซ่อมประมาณ3000-4000 ทำเอาเครียดไปทั้งคืน ไหนจะค่าห้อง+น้ำไฟ+เน็ต 4000 ยังไม่นับค่ากินค่าน้ำมันเวฟ110อีก ล่าสุดเมื่อเช้านี้ พอออกเวรกำลังจะได้กลับบ้านไปพักผ่อน รถสตาร์ทไม่ติดจ้า Facepalmนั่งกุมขมับอยู่พักนึง ในใจก้คิดแต่เรื่องหดหู่ดิ วันนี้มันจะอะไรนักหนากับชีวิตตูฟระ ที่เล่ามาทั้งหมดนี่คือเกริ่นนำนะครับ ขอโทษที่ยาวไปหน่อยแต่ก้อยากให้เข้าใจถึงความรู้สึกที่แย่สุดๆในตอนนั้นจริงๆ
  ***ขอเริ่มเรื่องที่อยากจะแชร์จริงๆละครับ เริ่มจาก.. อันที่จริงมันก้เป็นเรื่องที่เล็กๆน้อยๆมากจริงๆครับ  เรื่องเกิดขึ้นในวันนี้เลย แค่ผมต้องเดินเข็นมอไซค์จากที่ทำงาน บนถนนเส้นกาญนาภิเษกไปยังร้านซ่อมมอไซค์ ซึ่งเส้นนั้นรถบรรทุกวิ่งเร็วมากค่อนข้างต้องระวัง ช่วง6โมงเช้าๆส่วนใหญ่ร้านยังไม่เปิด แต่เพื่อนที่ทำงานบอกว่ามีอยู่ร้านนึงแถวเดอะมอลบางแคที่เปิด7-8โมง ผมก้เดินเข็นมอไซค์ไป ด้วยอารมณ์ที่ว่ารู้สึกย่ำแย่สุดๆกับชีวิต เหนื่อยจากงานสุดๆต้องมาเดินลากมอไซค์จนเหงื่อแตกเหงื่อแตนระยะทางไม่รู้กี่กิโล ยิ่งคิดถึงค่าซ่อมที่จะต้องโดนไม่รู้เท่าไหร่ก้ทำให้หดหู่มากขึ้นไปอีก แต่ในระหว่างที่กำลังเข็นรถไปด้วยจิตใจที่โคตรจะย่ำแย่โทษฟ้าโทษดวงโทษนั่นนู่นนี่ ก้มีรถกะบะส่งของคนขับวัยรุ่นดูแล้วน่าจะเป็นคนขับรถส่งของ ขับมาจอดข้างๆถามว่ารถเป็นอะไร เราก้ตอบไปด้วยอารมณ์หดหู่ว่า รถสตาร์ทไม่ติด เค้าก้ถามว่าให้ช่วยไหม เค้าจะช่วยยกมอไซด์ขึ้นกะบะแล้วพาไปส่งถึงร้านซ่อมให้ ตอนนั้นผมก้รู้สึกทึ่งและสับสนอยู่แป๊ปนึง แต่ด้วยที่ตัวเองยังหดหู่และเกรงใจ เลยตอบขอบคุณและปฏิเสธความหวังดีของเขาไป แต่ก้ยังรู้สึกขอบคุณอยู่ในใจลึกๆ จากนั้นก้เข็นต่อไปสักพักไม่นาน ก้มีรถมอไซด์ขับมาจอดด้านข้าง คนขับวัยรุ่นอยู่เลย(ลักษณะคล้ายๆเด็กแว้น..ขออภัยที่พูดเหมือนด้อยค่าคนที่มีน้ำใจขนาดนี้ แค่พูดตามความรู้สึกแวบแรกที่คิดออก) ถามเราว่ารถเป็นอะไร มีอะไรให้ช่วยมั้ยครับ เค้าช่วยยันหลังพาเราไปร้านซ่อมได้นะ เราก้ขอบคุณและบอกว่าไม่เป็นไร เค้าก้เข้าใจและขับต่อไปแปปนึงก้ย้อนกลับมาในท่าทางที่ดูเหมือนเป็นห่วงเรา อยากให้ความช่วยเหลือ ไม่อยากทิ้งเราไป  และตอนนั้นก้มีมอไซค์อีกคันเป็นบิ๊กไบท์ คนขับวัยรุ่นขับมาจอดข้างๆและถามคำถามแบบเดียวกัน แสดงออกว่าต้องการให้ความช่วยเหลือเช่นเดียวกัน ตอนนั้นผมมีความรู้สึกว่าในความมืดมน มันมีแสงสว่างเล็กๆส่องเข้ามาในส่วนลึกในจิตใจ ด้วยความรู้สึกเล็กๆนั้น ทำให้ไม่อยากปฏิเสธความหวังดีของพวกเขา จึงขอให้ช่วยยันหลังรถไปส่งถึงสี่แยกเดอมอลบางแคให้หน่อย ที่เหลือเราจะเข็นต่อเองอีกไม่ไกล ชายหนุ่มทั้ง2คนก้เต็มใจยืนดีช่วยเหลือ ยันรถเราไปให้ พอถึงแยกไฟแดงผมก้ผงกหัวรัวๆขอบคุณอย่างสุดซึ้งยกใหญ่ พวกเค้าก้ยิ้มโบกมือให้แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชรเกษม จากไปด้วยรอยยิ้ม ผมก้วิ่งเข็นข้ามแยกเลี้ยวขวาไปยังร้านซ่อมที่อยู่ข้างหน้าประมาณอีกไม่ถึงกิโล แต่ระหว่างนั้นก้มีมอไซด์คันอื่นอีกคันมาขนาบข้างและถามเช่นเดิมอีกเช่นกันพร้อมยินดีช่วยเหลืออย่างเต็มใจไม่หวังสิ่งใดตอบแทนเช่นเดียวกับหลายคนก่อนหน้า ผมก้ย่อมไม่กล้าปฏิเสธน้ำใจเล็กๆน้อยๆนี้ พอเค้าช่วยส่งถึงจุดหมาย เค้าก้ไปตามทางไอ้เราก้ได้ทำได้แค่ผงกหัวขอบคุณๆ และไม่รู้เป็นอะไร จากนั้นความรู้สึกในใจผมมันเปลี่ยนไปเฉย คุยกับช่างซ่อมๆแจ้งว่าตัวจ่ายน้ำมันเสีย หมุนกุญแจแล้วแต่ไม่มีเสียงอะไรเลย ต้องเปลี่ยนยกชุด รวมค่าใช้จ่ายแล้ว 1800บาท ซึ่งตามปกติแล้วผมคงต้องเครียดและปวดหัวกับเงินที่ต้องจ่ายไปนี้แน่ (ลืมบอกไปว่ารถเพิ่งเข้าอู่ไปตรวจสภาพและซ่อมบำรุงมาก่อนหน้านี้แล้วเมื่อ2สัปดาห์ก่อนตอนนั้นเปลี่ยนเยอะมาก นั่นนู่นนี่โดนไปรวมๆ5000เศษๆ ยังไม่ถึงเดือนเลยตัวจ่ายน้ำมันพังอีกแล้ว)  แต่กลับรู้สึกokไม่เป็นไรขึ้นมาเฉยๆซะงั้น ซ่อมเสร็จแล้วก้ขับกลับบ้าน คิดเรื่องนี้ขึ้นมาในหัวจู่ๆก้น้ำตาไหลออกมาดื้อๆร้องไห้ ไม่รู้ว่าเพราะซึ้งในน้ำใจที่ไม่ค่อยได้พบเจอมาก่อนในชีวิตจากพวกเขาเหล่านั้น หรือน้ำตาไหลเพราะเงินเดือนตรูเดือนนี้หมดแล้วภายในวันเดียว  แต่ที่แน่ๆผมก้รู้สึกว่าผมได้รับอะไรบางอย่างที่อธิบายไม่ถูกมาด้วยเหมือนกัน มันช่วยทำให้รู้สึกว่าเราไม่ได้ตัวคนเดียวอย่างที่คิด เปลี่ยนมุมมองที่ว่าโลกนี้มันก้ไม่ได้แย่ไปซะหมดเหมือนที่เคยคิดไว้...
**** มันอาจเป็นแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆและธรรมดามากๆสำหรับใครหลายๆคน แต่มันช่วยเปลี่ยนความรู้สึกของผมไปอย่างมาก ยิ่งตอกย้ำจิตใจผม ทำให้ผมนึกถึงในวันเมื่อวานซืนผมเดินข้ามสะพานลอยเห็นคนแก่เร่ร่อนไร้บ้านคนนึงนอนบนพื้นอยู่ ซึ่งผมก้ได้เดินผ่านเลยไปโดยแกล้งทำเป็นไม่สนใจ (แม้คิดอยากแบ่งปันน้ำใจเล็กน้อยบ้าง แต่ก้ได้แค่คิดแต่ก้ไม่ได้ทำ ย่อมไม่มีสิทธ์แก้ตัวหรืออ้างอะไรทั้งนั้น) เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นขึ้นมา มันทำให้ผมรู้สึกละอายแก่ใจในตัวเองอย่างมาก ดังนั้นหลังจากวันนี้ผมจะย้อนกลับไปที่สะพานลอยที่เดิมนั้น ถ้าได้เจอคุณตาแก่ๆคนนั้นอีก ผมก้อยากจะแบ่งปันความรู้สึกที่ได้รับมานี้ให้แก่ผู้อื่นบ้าง แม้เล็กๆน้อยตามอัตภาพก้ตามที ... แค่นี้แหละครับ เขียนซะยาวแต่จริงๆมันก้ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก ก้แค่ตาลุงคนนึงอยากระบาย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่