วันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นการครบ 100 วันของปฏิบัติการทางทหารของกองทัพอิสราเอลในฉนวนกาซาเพื่อทำสงครามกวาดล้างกองกำลังฮามาส
นับเป็นสงครามยืดเยื้อที่สุดของกองทัพอิสราเอลซึ่งได้สังหารประชาชนปาเลสไตน์กว่า 22,000 คนและ 10,000 รายเป็นเด็กกว่า 8,000 คนเป็นสตรี
มีการเดินขบวนประท้วงในเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลก ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มีการชุมนุมสนับสนุนปาเลสไตน์หลายแสนคน และก็มีกว่าแสนคนในกรุงลอนดอน ในเมืองเนเปิลส์ของอิตาลี มีการแสดงสัญลักษณ์หลุมศพเด็กที่ถูกสังหารโดยกองทัพอิสราเอลด้วย
เป็นการชุมนุมเดินขบวนประท้วงทั่วโลก แม้กระทั่งในกรุงเทลอาวีฟของอิสราเอลประชาชนก็ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลหาทางให้ปลดปล่อยตัวประกันที่ยังคงค้างอยู่ 124 รายในฉนวนกาซา
ขณะเดียวกันอิสราเอลต้องสู้กับข้อกล่าวหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เหยียดผิว และละเมิดกฎบัตรเจนีวา ว่าด้วยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยมีโจทก์เป็นรัฐบาลแอฟริกาใต้ซึ่งบรรยายข้อกล่าวหาพร้อมหลักฐาน 84 หน้า
อิสราเอลแก้ต่างในวันวันศุกร์ที่ผ่านมา อ้างว่าการสังหารชาวปาเลสไตน์เป็นการป้องกันตัวเองแต่ไม่อธิบายว่าทำไมผู้เสียชีวิตพลเรือนจึงมากกว่า 20,000 ราย
อิสราเอลกำลังเสียภาพลักษณ์อย่างรุนแรงในสายตาประชาคมโลก โดยขบวนการโฆษณาชวนเชื่อไม่สามารถทำงานได้ผล มีแต่รัฐบาลสหรัฐฯ และชาติฝรั่งผิวขาวที่ให้การสนับสนุน
ประชาชนทั่วไปในสหรัฐฯ และยุโรปต่างก็แสดงออกคัดค้านประท้วงการกระทำของรัฐบาลอิสราเอลและกองทัพในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยไม่สนใจเสียงท้วงติง
ผู้นำอิสราเอลนายเบนจามิน เนทันยาฮู ได้ประกาศด้วยความอหังการ ว่าศาลโลกหรือใครก็ตามไม่สามารถหยุดยั้งการปฏิบัติการของกองทัพอิสราเอลในฉนวนกาซาหรือพื้นที่อื่นเพื่อจัดการกลุ่มติดอาวุธ ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของอิสราเอล
น่าสนใจว่าคำประกาศของผู้นำ
รัฐบาลยิวจะก่อให้เกิดความรู้สึกอะไรกับตุลาการศาลโลกหรือไม่ ซึ่งจะต้องพิจารณาคำขอของรัฐบาลแอฟริกาใต้ให้มีการหยุดยิงและคงต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์
สหรัฐฯ และอังกฤษได้ขยายสงครามจากฉนวนกาซาด้วยการโจมตีหลายจุดในประเทศเยเมน อ้างว่าเพื่อทำลายคลังแสงและจุดส่งโดรนเพื่อโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดง
รัฐบาลเยอรมนีก็ได้ส่งเรือรบไปสนับสนุนเช่นกันและฝ่ายกองทัพฮูตี ซึ่งควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ในเยเมนประกาศว่าจะเอาคืนกลับกองทัพสหรัฐฯ และอังกฤษ โดยมีกลุ่มติดอาวุธในอิรักและซีเรียปฏิบัติการด้วย
อเมริกาจึงถูกมองว่าเป็นผู้สนับสนุนอิสราเอลในการทำสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์เพราะเป็นผู้ส่งอาวุธต่อเนื่องเพื่อให้กองทัพอิสราเอลไม่ขาดแคลน ทั้งระเบิดและกระสุนทุกประเภทที่อิสราเอลต้องการ
ทั้งสหรัฐฯ และอิสราเอลกำลังถูกโดดเดี่ยวโดยประชาคมโลกและขาดความน่าเชื่อถือศรัทธาในนโยบายไร้มาตรฐานหรือสองมาตรฐาน โดยไม่คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรม
ชาวปาเลสไตน์ 1.9 ล้านคน ในฉนวนกาซาไร้ที่อยู่อาศัยและเสี่ยงกับความอดอยากขาดแคลนทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการยังชีพเพราะอิสราเอลได้ทำลายทุกอย่าง ในสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
การละเมิดกฎบัตรเจนีวาว่าด้วยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์รวมถึงพฤติกรรมที่ตัดเส้นทางอาหาร น้ำ ยารักษาโรค พลังงาน การโจมตีโรงพยาบาลค่ายผู้ลี้ภัย และสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีพ ซึ่งปรากฏเด่นชัดนับตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา
ความเป็นชาติมหาอำนาจของสหรัฐฯ ในการข่มเหงรังแกชาติอื่นๆ ตลอดมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองด้วยการทำสงครามในหลายประเทศ กำลังอยู่ในสภาวะเสื่อมต่อเนื่อง
อิทธิพลด้านการเมืองระหว่างประเทศ ค่าเงินสกุลดอลลาร์ และความน่าเชื่อถือกำลังอยู่ในภาวะเสื่อมถอย หลังจากเป็นตัวการสร้างความพินาศให้กับยูเครนซึ่งถูกยุให้ทำสงครามกับรัสเซีย
ที่ผ่านมาผู้นำสหรัฐฯ ได้แสดงให้เห็นว่าไม่เคยเป็นมิตรแท้กับประเทศใด มีแต่หลอกใช้หรือใช้อำนาจคุกคามด้วยมาตรการคว่ำบาตร หรือสร้างวิกฤตให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลทั้งการประหารและการประท้วงรุนแรง
ปีนี้สหรัฐฯ จะมีการเลือกตั้งผู้นำประเทศและยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าใครจะมาเพราะโจ ไบเดนมีปัญหาความนิยมตกต่ำและคู่ชิงนายโดนัลด์ ทรัมป์ ยังมีปัญหากับคดีอาญาสารพัดแม้ยังถูกมองว่าเป็นตัวเต็ง
แต่ความเสื่อมของสหรัฐฯ ทั้งหนี้สินล้นพ้นตัว ความน่าเชื่อถือ และการรวมตัวของกลุ่มบริกส์ กำลังทำให้อิทธิพลของสหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์ลดลงทุกวัน
ปี 2024 น่าจะเห็นชัดเจนว่า ความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ แต่เพียงหนึ่งเดียวจะต้องเปลี่ยนและโลกจะมีหลายขั้วสำคัญโดยจีนและรัสเซียจะผนึกกำลังร่วมกับสมาชิกกลุ่มบริกส์ เพื่อลดทอนอำนาจสหรัฐฯ และพวกในยุโรป
โลกจะน่าอยู่ขึ้นหรืออยู่ในสภาวะความขัดแย้งรุนแรงจนมีสงครามขยายตัว
แหล่งที่มา https://mgronline.com/daily/detail/9670000004173
สหรัฐฯ อิสราเอลสิ้นศรัทธาชาวโลก
วันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นการครบ 100 วันของปฏิบัติการทางทหารของกองทัพอิสราเอลในฉนวนกาซาเพื่อทำสงครามกวาดล้างกองกำลังฮามาส
นับเป็นสงครามยืดเยื้อที่สุดของกองทัพอิสราเอลซึ่งได้สังหารประชาชนปาเลสไตน์กว่า 22,000 คนและ 10,000 รายเป็นเด็กกว่า 8,000 คนเป็นสตรี
มีการเดินขบวนประท้วงในเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลก ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มีการชุมนุมสนับสนุนปาเลสไตน์หลายแสนคน และก็มีกว่าแสนคนในกรุงลอนดอน ในเมืองเนเปิลส์ของอิตาลี มีการแสดงสัญลักษณ์หลุมศพเด็กที่ถูกสังหารโดยกองทัพอิสราเอลด้วย
เป็นการชุมนุมเดินขบวนประท้วงทั่วโลก แม้กระทั่งในกรุงเทลอาวีฟของอิสราเอลประชาชนก็ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลหาทางให้ปลดปล่อยตัวประกันที่ยังคงค้างอยู่ 124 รายในฉนวนกาซา
ขณะเดียวกันอิสราเอลต้องสู้กับข้อกล่าวหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เหยียดผิว และละเมิดกฎบัตรเจนีวา ว่าด้วยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยมีโจทก์เป็นรัฐบาลแอฟริกาใต้ซึ่งบรรยายข้อกล่าวหาพร้อมหลักฐาน 84 หน้า
อิสราเอลแก้ต่างในวันวันศุกร์ที่ผ่านมา อ้างว่าการสังหารชาวปาเลสไตน์เป็นการป้องกันตัวเองแต่ไม่อธิบายว่าทำไมผู้เสียชีวิตพลเรือนจึงมากกว่า 20,000 ราย
อิสราเอลกำลังเสียภาพลักษณ์อย่างรุนแรงในสายตาประชาคมโลก โดยขบวนการโฆษณาชวนเชื่อไม่สามารถทำงานได้ผล มีแต่รัฐบาลสหรัฐฯ และชาติฝรั่งผิวขาวที่ให้การสนับสนุน
ประชาชนทั่วไปในสหรัฐฯ และยุโรปต่างก็แสดงออกคัดค้านประท้วงการกระทำของรัฐบาลอิสราเอลและกองทัพในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยไม่สนใจเสียงท้วงติง
ผู้นำอิสราเอลนายเบนจามิน เนทันยาฮู ได้ประกาศด้วยความอหังการ ว่าศาลโลกหรือใครก็ตามไม่สามารถหยุดยั้งการปฏิบัติการของกองทัพอิสราเอลในฉนวนกาซาหรือพื้นที่อื่นเพื่อจัดการกลุ่มติดอาวุธ ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของอิสราเอล
น่าสนใจว่าคำประกาศของผู้นำ
รัฐบาลยิวจะก่อให้เกิดความรู้สึกอะไรกับตุลาการศาลโลกหรือไม่ ซึ่งจะต้องพิจารณาคำขอของรัฐบาลแอฟริกาใต้ให้มีการหยุดยิงและคงต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์
สหรัฐฯ และอังกฤษได้ขยายสงครามจากฉนวนกาซาด้วยการโจมตีหลายจุดในประเทศเยเมน อ้างว่าเพื่อทำลายคลังแสงและจุดส่งโดรนเพื่อโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดง
รัฐบาลเยอรมนีก็ได้ส่งเรือรบไปสนับสนุนเช่นกันและฝ่ายกองทัพฮูตี ซึ่งควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ในเยเมนประกาศว่าจะเอาคืนกลับกองทัพสหรัฐฯ และอังกฤษ โดยมีกลุ่มติดอาวุธในอิรักและซีเรียปฏิบัติการด้วย
อเมริกาจึงถูกมองว่าเป็นผู้สนับสนุนอิสราเอลในการทำสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์เพราะเป็นผู้ส่งอาวุธต่อเนื่องเพื่อให้กองทัพอิสราเอลไม่ขาดแคลน ทั้งระเบิดและกระสุนทุกประเภทที่อิสราเอลต้องการ
ทั้งสหรัฐฯ และอิสราเอลกำลังถูกโดดเดี่ยวโดยประชาคมโลกและขาดความน่าเชื่อถือศรัทธาในนโยบายไร้มาตรฐานหรือสองมาตรฐาน โดยไม่คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรม
ชาวปาเลสไตน์ 1.9 ล้านคน ในฉนวนกาซาไร้ที่อยู่อาศัยและเสี่ยงกับความอดอยากขาดแคลนทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการยังชีพเพราะอิสราเอลได้ทำลายทุกอย่าง ในสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
การละเมิดกฎบัตรเจนีวาว่าด้วยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์รวมถึงพฤติกรรมที่ตัดเส้นทางอาหาร น้ำ ยารักษาโรค พลังงาน การโจมตีโรงพยาบาลค่ายผู้ลี้ภัย และสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีพ ซึ่งปรากฏเด่นชัดนับตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา
ความเป็นชาติมหาอำนาจของสหรัฐฯ ในการข่มเหงรังแกชาติอื่นๆ ตลอดมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองด้วยการทำสงครามในหลายประเทศ กำลังอยู่ในสภาวะเสื่อมต่อเนื่อง
อิทธิพลด้านการเมืองระหว่างประเทศ ค่าเงินสกุลดอลลาร์ และความน่าเชื่อถือกำลังอยู่ในภาวะเสื่อมถอย หลังจากเป็นตัวการสร้างความพินาศให้กับยูเครนซึ่งถูกยุให้ทำสงครามกับรัสเซีย
ที่ผ่านมาผู้นำสหรัฐฯ ได้แสดงให้เห็นว่าไม่เคยเป็นมิตรแท้กับประเทศใด มีแต่หลอกใช้หรือใช้อำนาจคุกคามด้วยมาตรการคว่ำบาตร หรือสร้างวิกฤตให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลทั้งการประหารและการประท้วงรุนแรง
ปีนี้สหรัฐฯ จะมีการเลือกตั้งผู้นำประเทศและยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าใครจะมาเพราะโจ ไบเดนมีปัญหาความนิยมตกต่ำและคู่ชิงนายโดนัลด์ ทรัมป์ ยังมีปัญหากับคดีอาญาสารพัดแม้ยังถูกมองว่าเป็นตัวเต็ง
แต่ความเสื่อมของสหรัฐฯ ทั้งหนี้สินล้นพ้นตัว ความน่าเชื่อถือ และการรวมตัวของกลุ่มบริกส์ กำลังทำให้อิทธิพลของสหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์ลดลงทุกวัน
ปี 2024 น่าจะเห็นชัดเจนว่า ความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ แต่เพียงหนึ่งเดียวจะต้องเปลี่ยนและโลกจะมีหลายขั้วสำคัญโดยจีนและรัสเซียจะผนึกกำลังร่วมกับสมาชิกกลุ่มบริกส์ เพื่อลดทอนอำนาจสหรัฐฯ และพวกในยุโรป
โลกจะน่าอยู่ขึ้นหรืออยู่ในสภาวะความขัดแย้งรุนแรงจนมีสงครามขยายตัว
แหล่งที่มา https://mgronline.com/daily/detail/9670000004173