เล่าไว้เป็นอุธาหรณ์ เพราะวันนึงมันอาจเกิดขึ้นกับตัวคุณได้เช่นกัน
เรื่องมีอยู่ว่า เราเป็นแม่ค้าขายหมูปิ้งค่ะ ขายส่งที่บ้านไม่ค่อยได้ออกไปพบปะใครที่ไหน
ต่อมาแม่ของเราจะย้ายไปอยู่เขตชานเมือง และได้ซื้อที่ไว้สำหรับทำสวนเกษตรเล็กๆ ทำให้เราต้องวิ่งเทียวไปมาระหว่างกรุงเทพฯกับสวนชานเมืองนั้น ที่นั่นค่อนข้างเงียบสงบผู้คนดูค่อนข้างเป็นมิตร เราก็ไปช่วยแม่ทำสวนบ้างบางทีก็นั่งเล่นกับไก่กับหมาในสวน อยู่อย่างนั้นจนเมื่อปีที่แล้ว มีตลาดเปิดใหม่ให้คนในชุมชนนำของมาขาย แม้เป็นตลาดชุมชนเล็กๆแต่ก็ค่อนข้างได้มาตรฐาน ติดถนนเมน แม่ของเรามองว่าตลาดนี้ยังไงคนก็ติดซึ่งก็จริงค่ะ ของที่เราเอาไปขายคือขายดีมาก แม่ของเราสรรหาอะไรมาก็ขายได้หมดทุกอย่างบางร้านที่ยอดขายไม่ได้ตามเป้าก็ออก หมุนเวียนร้านใหม่เข้ามาทุกอย่างก็ดูปกติดี ของขายดีคนขายอย่างเราก็สนุก
ทุกวันเวลาขายของเสร็จเราก็มักจะไปหาซื้อของกินในตลาด โดยเฉพาะร้านยำข้างๆที่มาเป็นคู่สามีภรรยาและมีลูกสาวที่น่ารัก 1 คน ร้านเขาทำยำนับว่าอร่อยเลยค่ะทำให้เราซื้อกินทุกวันด้วยความที่เป็นคนอ้วนบางวันเราก็กิน 2 ถ้วยแถมมีซื้อกลับบ้านด้วย
เราก็ขายของเรามาเรื่อยๆจนวันนึงเรารู้สึกเหมือนโดนจ้องค่ะ ซึ่งเวลาโดนจ้องเราเชื่อว่าทุกคนรู้สึกได้นะว่ามีคนมองเราอยู่ แล้วพอหันไปก็สบสายตากับสามีร้านยำที่นั่งหันมาทางเราแล้วกำลังลวกมาม่าอยู่พวกเราจ้องตากันเขาก็ส่งยิ้มให้ แรกๆเราก็ไม่ได้อะไร แต่ทีนี้เราดันรู้สึกเหมือนเขาจ้องเราอยู่ตลอดแล้วเวลาหันไปก็คือสบตากันสามีร้านยำทุกครั้ง แล้วเมียเขาก็ยืนผสมยำงกอยู่ข้างๆ
***คุณลองนึกสภาพนะ คุณเป็นลูกค้า เป็นชาวบ้าน เดินมาเห็นพ่อค้ากับแม่ค้าร้านข้างกันยืนจ้องตาส่งยิ้มให้กันอยู่ แล้วเมียพ่อค้ายืนทำงานงกๆอยู่คุณจะคิดยังไง(บ้านเราถือเรื่องนี้มากเพราะแม่เราคือเป็นคนขี้หึงมาก ขนาดเพื่อนสมัยเด็กของพ่อมาทักพ่อยังโดนด่าเปิงเลย)
ซึ่งการที่เรารู้สึกเหมือนโดนเขาจ้องเราอาจจะคิดไปเองก็ได้เพราะหม้อต้มเส้นมันหันมาทางเราแล้วมันบังเอิญสบตากันทุกครั้งที่เรามองไปหรือเขาแค่มองเฉยไม่ได้คิดอะไร แต่เราอ่ะคิดแล้ว รู้สึกหงุดหงิด ไม่ชอบใจ แต่จะไปโวยวายว่ามองกูทำไมมันก็ไม่ใช่เรื่อง เพราะเขาอาจจะมองเฉยๆก็ได้
เราก็เลยแก้ปัญหา ด้วยการไม่มองค่ะ แบบว่าไม่มองเลย ทำเหมือนเขาเป็นอากาศไปเลย ไม่สนใจ ถ้ามีเรื่องให้หันไปก็คือมองแค่ของที่เราจะขาย ไม่ก็หน้าลูกค้าเท่านั้น เราทำแบบนั้นสักพักก็ได้ยินเขาพูดกับภรรยาเขาว่าเราไม่มองเขา ทำเป็นไม่เห็นเขา แล้ววันต่อมาทั้งเขาและภรรยาพอว่าจากลูกค้าก็นั่งหันมาจ้องเรา น้องสาวเราก็เล่าให้ฟังว่าพวกเขานั่งจ้องสบตากับน้องบ่อยมากซึ่งเราไม่ได้หันไปมอง
แล้วที่นี้เขาก็เข้ามาชวนคุยถามนู่นถามนี่เราก็ถามคำตอบคำแล้วก็ไม่มองเหมือนเดิม
อยู่อย่างนั้นได้สักอาทิตย์สองอาทิตย์มั้งคะ เขาก็เอาเพื่อนผู้หญิง 2 คนมายืนหน้าร้าน แล้วพูดทำนองว่าเขาอึดอัดไม่เข้าใจว่าทำไมไม่มองเขา (เราก็ได้แต่คิดในใจว่าจะอึดอัดทำไมลูกเมียเพื่อนฝูงก็ไม่ใช่จะมาสนใจอะไรนักหนา) คุณเพื่อนที่แสนดีของเขาก็เลยพูดขึ้นว่า
"ถ้ามันไม่มองก็เอาน้ำร้อนสาดมันเลยมันจะได้มอง" แล้วก็หัวเราะกันคิกคัก เราได้ยินก็ไม่ได้อะไร เพราะเขาไม่ได้เอ่ยชื่อเรา เราก็ขายของต่อ แล้วเหมือนว่าเราไม่สะทกสะท้านมั้ง
เขาเลยอัพเกรดเลเวลให้ วันต่อมาเราเข้าไปขายของตามปกติ แต่ที่ผิดปกติไปคือบรรยากาศ พ่อค้าแม่ค้าจับกลุ่มซุบซิบนินทาทำหน้าทำตาแล้วมองมาที่เรา ซึ่งเราก็ไม่ได้สนใจ เพราะปกติไม่ได้รู้จักใครในตลาดเป็นพิเศษอยู่แล้ว แต่คนในตลาดเหมือนเขารู้จักกันหมด เริ่มมีการด่าลอยๆเกิดขึ้น แอบรักผู้ชายแต่ผู้ชายไม่รัก หนูรักผัวเขา ชอบผัวชาวบ้าน คน เดินทั่วตลาดอ่อยผู้ชาย ไม่มีปัญญาหาผัว ทำครอบครัวเขาร้าวฉาน ไม่เคยผ่านมือชาย เขินผัวชาวบ้าน สาวซิงอยากกินผัวเขาอะไรทำนองนี้ แล้วก็หัวเราะกัน เหมือนด่ากันเองสนุกๆขำๆ เราก็ไปขายของทุกวัน
ทุกคนเชื่อไหมพวกเขาสามารถตะโกนด่าอะไรทำนองนี้กันได้ทุกวัน แม้แต่เพลงที่เปิดในตลาดยังเป็นเพลงเกี่ยวกับเมียหลวงเมียน้อยทุกเพลง
จนวันนึงเราไปซื้อแกงจืดร้านด้านหลังเรา1ถุง กับขนมครกที่พึ่งย้ายเข้ามาใหม่หลังจากร้านบิงซูย้ายออกไป2กล่องสุดท้าย(ร้านบิงซูคืออีกหนึ่งร้านที่เราซื้อบ่อยมาก) แล้วเหมือนเขากลัวว่าเราไม่รู้มั้งว่าที่ผ่านมาเขาด่าเรา พวกชาวเเก๊งค์เดิมเขาก็เริ่มตะโกนด่า โอ้ยรวยเนาะ เหมาหมดเลย ลูกค้ารายใหญ่ เข้าร้านไหนเจ๊งร้านนั้น ระวังผัวหายนะ เดี๋ยวโดนทำของใส่ ไอเราก็แบบอ้าว!!! นี่ด่ากูนี่ เขาก็ไปเรื่อยแบบไม่เอ่ยชื่อใคร
เราก็ได้แต่ฟังได้แต่คิดว่าที่ผ่านมาคือพวกเขาด่าเรากันมาโดยตลอด ตั้งแต่วันนั้นเราก็ไม่ซื้อของในตลาดกินอีกเลย แต่เราก็ยังไปขายของอยู่ทุกวัน พวกเขาก็ด่าก็แซะเราทุกวัน
เรารู้สึกเสียใจอย่างนึงคือ ไม่มีใครถามเลยว่าเราทำจริงไหม เราเป็นอย่างที่เขาพูดรึเปล่า ทุกคนเอาแต่ด่าเราพูดถึงเราอย่างสนุกปาก
เราก็ได้แต่อยู่เงียบๆในมุมของเรา เราเชื่อว่าในเมื่อเราไม่ได้ทำเราก็ไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนกับคำพูดของพวกเขา อยากด่าก็ด่าไปถ้ามันทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น เพราะทุกคนอคติกับเราไปแล้ว ไปนั่งอธิบายก็ไม่มีใครฟัง เขาไม่ได้รู้จักเรา เขารู้จักแต่เพื่อนเขา เขาเชื่อว่าเพื่อนเขาเป็นคนดี ไม่มีทางทำเรื่องไม่ดี เพื่อนพูดอะไรไปก็คือเชื่อหมดทุกอย่าง
แล้วเหมือนว่าการรุมด่าแบบโต้งๆไม่ได้ผลกับเราเขาก็อัพเลเวลให้อีก ผัวร้านยำเริ่มมีการเดินดัก เดินตามเวลาเอาของไปล้าง ด้วยความที่ตลาดมันแคบเราก็พยายามไม่คิดอะไร แต่ทีนี้น้องผู้หญิงขายไข่เดินมาเข้าห้องน้ำ เหมือนเขารู้จักกันนั่นแหละ เขาก็ตะโกนพูดเสียงดังๆแซวน้องขายไข่ว่า
มาคนเดียวระวังโดนฉุดนะ ซึ่งเรายืนล้างของอยู่คนเดียวได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่หัวเราะ แล้วเดินกลับร้าน
ระหว่างที่ขายของอยู่แบบนั้นคนก็ด่าเราเรื่อย ด่าทุกวันแบบไม่มีวันหยุด
แล้วอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้รู้สึกรังเกียจคือ
ผัวร้านยำเขาชอบเอาเศษใบตอง มาให้เรากับน้องก็ได้แต่ขอบคุณไปตามมารยาท เวลายกโต๊ะจัดโต๊ะอะไรก็เข้ามาช่วย ดูเป็นคนดี๊คนดี ให้ความรู้สึกพิลึกอย่างบอกไม่ถูก มาทำดีกับเรา แต่ก็เอาเราไปพูดเสียๆหายๆ
***สิ่งที่อยากจะเตือนทุกคนก็คือ อย่านิ่งเฉยกับคำพูดคน โดยเฉพาะการนินทาว่าร้าย การคิดว่าถ้าไม่ได้ทำ เราก็ไม่จำเป็นต้องเดือดร้อน มันไม่ได้ใช้แล้วได้ผลเสมอไป ดูเราเป็นตัวอย่างค่ะ เราโดนด่าแบบเสียๆหายแบบกุไม่กลับ แบบไม่มีที่ยืน การหวังให้ระยะเวลาพิสูจน์คุณค่าในตัวเรามันนานไปค่ะ
การที่เราปล่อยให้พวกเขาเราด่าเราไปเรื่อยๆแบบนั้นมันเหมือนคลื่นใต้น้ำที่ก็ตัวเป็นวังวนแล้วดูดเราลงไป ให้ดำดิ่งจนหายใจไม่ออกแล้วตายลงไปในที่สุด
แล้วเรื่องที่ตลกอย่างหนึ่งก็คือ ระหว่างที่เราขายของท่ามกลางเสียงด่าแบบนั้น วันนึงตลาดก็ไปจ้างรถกระบะที่เปิดเพลงแล้วมีโคโยตี้เต้น มาเต้นในตลาด เขาเอาเพลงป้าข้างบ้าน ของเอมตามใจตุ้ดมามิกซ์กับดนตรี ซึ่งมันก็เป็นคำว่า
แบบถี่ๆ พอฟังแล้วมันก็ตลก เราก็หันไปหัวเราะกับน้อง แล้วเหมือนกลุ่มที่นินทาเขาจ้องเราอยู่แล้ว เห็นเราหัวเราะ ก็เหมือนหมาโดนน้ำร้อนราดแหกปากด่ากันทั้งตลาด ตอกย้ำว่าที่ผ่านมาคือเขาด่าเราจริง ซึ่งอีตัวต้นเรื่องก็ไม่ใช่ใครหรอก เรามั่นใจว่าผัวร้านยำนี่แหละ ตั้งแต่เกิดมาเห็นแต่คนมองผัวชาวบ้าน ยุ่งกับผัวชาวบ้านแล้วมีปัญหา อันนี้ไม่มองผัวชาวบ้านชีวิตคุณก็มีปัญหาได้
หลังจากเหตุการณ์เพลงป้าข้างบ้าน บรรยากาศเรียกว่ามาคุเลยก็ได้มั้ง ทุกคนจับจ้องทุกการกระทำของเราขยับทำอะไรก็คือมีคำด่าลอยมาเสิร์ฟถึงที่ เราไม่ค่อยแต่งตัว ก็โดนด่าแต่งตัวโทรมๆเหมือนกลัวคนมาชอบ น้องเราแต่งตัวสวยก็โดนด่าแต่งตัวสวยมาอ่อยผู้ชาย เราเอาขนมให้ลูกน้องเรากิน ก็ว่าด่ามันเป็นทอมรึเปล่า เราเล่นกับเด็กที่มาซื้อของก็ลูกใครระวังหายนะ เรายิ้มเราคุยกับลูกค้าสูงวัย ก็ขวัญใจคนแก่ เราไหว้ร้านกล้วยปิ้งที่ให้ฝากของ กับร้านไก่ทอดที่ชอบมาทักมาลาเราตอนกลับ ก็ไหว้คนนั้นคนนี้มาหาเสียงเหรอ เรากับน้องก็ได้แต่เฉยๆด่าได้ก็ด่าไปด่าแล้วขายดีรวยขึ้นก็ด่าเลยเมื่อการด่าทำอะไรเราไม่ได้ การข่มขู่ก็กลับมาอีกครั้ง มีเด็กผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่น่าจะสูงสัก 180 ได้แล้วมั้งตัวอวบอ้วนน่าจะเป็นรุ่นน้องของร้านยำ น้องมายืนหน้าร้านยำแล้วก็พูดขึ้นว่า
ให้ผมจัดการให้ไหมพี่ยังไม่ถึง 18 ผมไม่ติดคุกหรอก
ใครบอกเด็กสมัยนี้ไม่คิดอะไรแบบนี้มันมีจริงๆนะเด็กที่คิดว่าตัวเองไม่ถึง18ทำอะไรก็ได้อย่างมากก็แค่สถานพินิจ เจอมากับตัวเลยงานนี้ คนหมู่บ้านนี้คือดูรักพวกพ้องตัวเองมาก สายใยแน่นแฟ้นตายแทนกันได้ ติดคุกคือเรื่องจิ๊บๆ
แล้วทุกคนรู้ไหมช่วงที่มีข่าวกำนันนกยิงตำรวจทางหลวงตาย ผัวร้านยำไม่รู้เขาไปเมาอะไรมาอยู่ๆก็เดินตะโกนลั่นตลาดว่าตัวเองเป็นเพื่อนกับกำนันนก จะไปเยี่ยมกำนันนกที่เรือนจำมีใครจะฝากอะไรไหม เขาดูภูมิใจมากที่มีเพื่อนเป็นฆาตกร
เราก็ทนขายของต่อไป ทุกคนอาจจะสงสัยว่าทนไปทำไม เราทำงานที่บ้าน เรามีทางเลื่อกแค่สองทาง คือ จะอยู่บ้านให้แม่ด่า18 ชั่วโมง หรือทนให้คนที่ตลาดด่าแค่5-6ชัวโมงแล้วกลับบ้านนอนเราก็เลยต้องทนโดนด่าประหนึ่งว่าไปแย่งผัวใครมา ตั้งแต่เกิดมาแฟนก็ไม่เคยมีกับใครเขา แถมยังมาโดนด่าว่าอยากได้ผัวเขาที่ไม่หล่อ ไม่รวย แถม
อีกต่างหาก ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วทำกรรมอะไรไว้
ต่อมาแม่เราเอาทุเรียนมาขายภรรยาเขาก็มาซื้อหมูปิ้งแม่เราก็แถมทุเรียนให้ด้วยซ้ำ อยู่ๆวันนึง
ผัวร้านยำเขาก็มาประชิดตัวแล้วก็ถามว่าเอาเปลือกทุเรียนนี้ตบหน้าเราได้ไหม ซึ่งหลังจากเหตุการณ์เพลงป้าข้างบ้าน ของพี่เอ็มตามใจตุ๊ดนอกจากไม่มองแล้วเราก็ไม่คุยกับเขาด้วยเขาเอาของมาให้เราก็ไม่ขอบคุณ ถามอะไรก็ไม่พูดไม่ตอบ ซึ่งพอเขาบอกจะเอาเปลือกทุเรียนตบหน้าเราก็แค่ยักไหลอ่ะก็เดินเข้าร้านเราใจก็ได้แต่คิดจะตบก็ตบมือเท้าเราก็มีหน้าเราเละหน้าเขาก็ต้องเละ
เราก็ขายมาจนประมาณตุลาคมรวมเวลาที่มีเรื่องก็ประมาณ 4 เดือนเต็มที่เราทนฟังเสียงด่าจากคนรอบข้าง ซึ่งเราก็ไม่ได้สนใจหรอกเพราะเขาไม่ได้เลี้ยงเราไม่ได้หาให้เรากินเราโฟกัสแค่ลูกค้าเราเท่านั้น แล้วทีนี้ผัวร้านยำก็หันมาเล่นลูกค้าเรา มีน้องผู้ชายคนนึงเหมือนจะเป็นอสม.หน้าตาดี เลยแหละ มาซื้อหมูปิ้งเราประจำ เหมือนเขาจะรู้จักกันแต่ก่อนหน้านี้ไม่เคยทักทาย อยู่ๆเขาก็ถามสารทุกข์สุขดิบน้องอสม.แล้วถามทำนองว่ามาจีบแม่ค้าเหรอ ใจเราก็แบบไอ้
นี่เล่นกูอีกแล้ว ทุกคนพอจะมอง
เหตุการณ์ที่เล่าไปออกไหม มันปรับสเกลความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จากแค่ไม่มองผัวชาวบ้านกลายเป็น เขินผัวชาวบ้าน แอบรักผัวเขา อยากได้ผัวเขา ไม่มีปัญญาหาผัว วันนี้น้องคนนี้มาคนเดียวอาจจะไม่มีแฟน แต่ถ้าไปโดนคนมีแฟน คนมีลูกเมีย แล้วชาวบ้านพ่อค้าแม่ค้าหน้าตลาดทั้งหลายเอาไปลือต่อ มันจะ
ระดับไหน มาซื้อของกินร้านนี้บ่อยๆ คือหลงแม่ค้า จะจีบแม่ค้า แม่ค้าทำของใส่ ต้องมาอ่ะ เราไม่อยากนึกภาพเลยแล้วเหมือนสังคมที่นี่เหมือนขับเคลื่อนด้วยการนินทาคน พวก พวกกู เพื่อนตัวเองพูดอะไรไปเชื่อกันเป็นตุเป็นตะ ไม่ถามไถ่คนนอกเลยว่าทำแบบที่เพื่อนกูพูดไหม เพื่อนเกลียดใครกูเกลียดด้วย ไม่สนว่าใครถูกใครผิด เพื่อนกูพวกกูคือถูกเสมอ เพราะรู้จักกันมานานกว่าคนนอกอย่าง
เราก็เลยออกจากตลาดตั้งแต่วันนั้นเลยแม่ก็จ้างคนในพื้นที่ขายต่อ เป็นความรู้สึกแย่ๆที่ครั้งนึงเราต้องเผชิญ แล้วจากเหตุการณ์นั้นทำให้เรากลัวการเข้าสังคม ระแวงว่าทำนั่นทำนี่จะโดนคนด่าไหม จะมีใครว่ารึเปล่า แถมไม่กล้ามองหน้าผู้ชายอีกด้วยเลยทีนี้
ถ้าเพื่อนๆไปเจอสถานการณ์การณ์แบบเราจะทำยังไง จะแก้ไขปัญหาแบบไหนคะ
การยุ่งกับผัวชาวบ้านจะทำให้ชีวิตคุณมีปัญหา แต่การไม่ยุ่งกับผัวชาวบ้านชีวิตคุณก็มีปัญหาได้
เรื่องมีอยู่ว่า เราเป็นแม่ค้าขายหมูปิ้งค่ะ ขายส่งที่บ้านไม่ค่อยได้ออกไปพบปะใครที่ไหน
ต่อมาแม่ของเราจะย้ายไปอยู่เขตชานเมือง และได้ซื้อที่ไว้สำหรับทำสวนเกษตรเล็กๆ ทำให้เราต้องวิ่งเทียวไปมาระหว่างกรุงเทพฯกับสวนชานเมืองนั้น ที่นั่นค่อนข้างเงียบสงบผู้คนดูค่อนข้างเป็นมิตร เราก็ไปช่วยแม่ทำสวนบ้างบางทีก็นั่งเล่นกับไก่กับหมาในสวน อยู่อย่างนั้นจนเมื่อปีที่แล้ว มีตลาดเปิดใหม่ให้คนในชุมชนนำของมาขาย แม้เป็นตลาดชุมชนเล็กๆแต่ก็ค่อนข้างได้มาตรฐาน ติดถนนเมน แม่ของเรามองว่าตลาดนี้ยังไงคนก็ติดซึ่งก็จริงค่ะ ของที่เราเอาไปขายคือขายดีมาก แม่ของเราสรรหาอะไรมาก็ขายได้หมดทุกอย่างบางร้านที่ยอดขายไม่ได้ตามเป้าก็ออก หมุนเวียนร้านใหม่เข้ามาทุกอย่างก็ดูปกติดี ของขายดีคนขายอย่างเราก็สนุก
ทุกวันเวลาขายของเสร็จเราก็มักจะไปหาซื้อของกินในตลาด โดยเฉพาะร้านยำข้างๆที่มาเป็นคู่สามีภรรยาและมีลูกสาวที่น่ารัก 1 คน ร้านเขาทำยำนับว่าอร่อยเลยค่ะทำให้เราซื้อกินทุกวันด้วยความที่เป็นคนอ้วนบางวันเราก็กิน 2 ถ้วยแถมมีซื้อกลับบ้านด้วย
เราก็ขายของเรามาเรื่อยๆจนวันนึงเรารู้สึกเหมือนโดนจ้องค่ะ ซึ่งเวลาโดนจ้องเราเชื่อว่าทุกคนรู้สึกได้นะว่ามีคนมองเราอยู่ แล้วพอหันไปก็สบสายตากับสามีร้านยำที่นั่งหันมาทางเราแล้วกำลังลวกมาม่าอยู่พวกเราจ้องตากันเขาก็ส่งยิ้มให้ แรกๆเราก็ไม่ได้อะไร แต่ทีนี้เราดันรู้สึกเหมือนเขาจ้องเราอยู่ตลอดแล้วเวลาหันไปก็คือสบตากันสามีร้านยำทุกครั้ง แล้วเมียเขาก็ยืนผสมยำงกอยู่ข้างๆ
***คุณลองนึกสภาพนะ คุณเป็นลูกค้า เป็นชาวบ้าน เดินมาเห็นพ่อค้ากับแม่ค้าร้านข้างกันยืนจ้องตาส่งยิ้มให้กันอยู่ แล้วเมียพ่อค้ายืนทำงานงกๆอยู่คุณจะคิดยังไง(บ้านเราถือเรื่องนี้มากเพราะแม่เราคือเป็นคนขี้หึงมาก ขนาดเพื่อนสมัยเด็กของพ่อมาทักพ่อยังโดนด่าเปิงเลย)
ซึ่งการที่เรารู้สึกเหมือนโดนเขาจ้องเราอาจจะคิดไปเองก็ได้เพราะหม้อต้มเส้นมันหันมาทางเราแล้วมันบังเอิญสบตากันทุกครั้งที่เรามองไปหรือเขาแค่มองเฉยไม่ได้คิดอะไร แต่เราอ่ะคิดแล้ว รู้สึกหงุดหงิด ไม่ชอบใจ แต่จะไปโวยวายว่ามองกูทำไมมันก็ไม่ใช่เรื่อง เพราะเขาอาจจะมองเฉยๆก็ได้
เราก็เลยแก้ปัญหา ด้วยการไม่มองค่ะ แบบว่าไม่มองเลย ทำเหมือนเขาเป็นอากาศไปเลย ไม่สนใจ ถ้ามีเรื่องให้หันไปก็คือมองแค่ของที่เราจะขาย ไม่ก็หน้าลูกค้าเท่านั้น เราทำแบบนั้นสักพักก็ได้ยินเขาพูดกับภรรยาเขาว่าเราไม่มองเขา ทำเป็นไม่เห็นเขา แล้ววันต่อมาทั้งเขาและภรรยาพอว่าจากลูกค้าก็นั่งหันมาจ้องเรา น้องสาวเราก็เล่าให้ฟังว่าพวกเขานั่งจ้องสบตากับน้องบ่อยมากซึ่งเราไม่ได้หันไปมอง
แล้วที่นี้เขาก็เข้ามาชวนคุยถามนู่นถามนี่เราก็ถามคำตอบคำแล้วก็ไม่มองเหมือนเดิม
อยู่อย่างนั้นได้สักอาทิตย์สองอาทิตย์มั้งคะ เขาก็เอาเพื่อนผู้หญิง 2 คนมายืนหน้าร้าน แล้วพูดทำนองว่าเขาอึดอัดไม่เข้าใจว่าทำไมไม่มองเขา (เราก็ได้แต่คิดในใจว่าจะอึดอัดทำไมลูกเมียเพื่อนฝูงก็ไม่ใช่จะมาสนใจอะไรนักหนา) คุณเพื่อนที่แสนดีของเขาก็เลยพูดขึ้นว่า "ถ้ามันไม่มองก็เอาน้ำร้อนสาดมันเลยมันจะได้มอง" แล้วก็หัวเราะกันคิกคัก เราได้ยินก็ไม่ได้อะไร เพราะเขาไม่ได้เอ่ยชื่อเรา เราก็ขายของต่อ แล้วเหมือนว่าเราไม่สะทกสะท้านมั้ง
เขาเลยอัพเกรดเลเวลให้ วันต่อมาเราเข้าไปขายของตามปกติ แต่ที่ผิดปกติไปคือบรรยากาศ พ่อค้าแม่ค้าจับกลุ่มซุบซิบนินทาทำหน้าทำตาแล้วมองมาที่เรา ซึ่งเราก็ไม่ได้สนใจ เพราะปกติไม่ได้รู้จักใครในตลาดเป็นพิเศษอยู่แล้ว แต่คนในตลาดเหมือนเขารู้จักกันหมด เริ่มมีการด่าลอยๆเกิดขึ้น แอบรักผู้ชายแต่ผู้ชายไม่รัก หนูรักผัวเขา ชอบผัวชาวบ้าน คน เดินทั่วตลาดอ่อยผู้ชาย ไม่มีปัญญาหาผัว ทำครอบครัวเขาร้าวฉาน ไม่เคยผ่านมือชาย เขินผัวชาวบ้าน สาวซิงอยากกินผัวเขาอะไรทำนองนี้ แล้วก็หัวเราะกัน เหมือนด่ากันเองสนุกๆขำๆ เราก็ไปขายของทุกวัน
ทุกคนเชื่อไหมพวกเขาสามารถตะโกนด่าอะไรทำนองนี้กันได้ทุกวัน แม้แต่เพลงที่เปิดในตลาดยังเป็นเพลงเกี่ยวกับเมียหลวงเมียน้อยทุกเพลง
จนวันนึงเราไปซื้อแกงจืดร้านด้านหลังเรา1ถุง กับขนมครกที่พึ่งย้ายเข้ามาใหม่หลังจากร้านบิงซูย้ายออกไป2กล่องสุดท้าย(ร้านบิงซูคืออีกหนึ่งร้านที่เราซื้อบ่อยมาก) แล้วเหมือนเขากลัวว่าเราไม่รู้มั้งว่าที่ผ่านมาเขาด่าเรา พวกชาวเเก๊งค์เดิมเขาก็เริ่มตะโกนด่า โอ้ยรวยเนาะ เหมาหมดเลย ลูกค้ารายใหญ่ เข้าร้านไหนเจ๊งร้านนั้น ระวังผัวหายนะ เดี๋ยวโดนทำของใส่ ไอเราก็แบบอ้าว!!! นี่ด่ากูนี่ เขาก็ไปเรื่อยแบบไม่เอ่ยชื่อใคร
เราก็ได้แต่ฟังได้แต่คิดว่าที่ผ่านมาคือพวกเขาด่าเรากันมาโดยตลอด ตั้งแต่วันนั้นเราก็ไม่ซื้อของในตลาดกินอีกเลย แต่เราก็ยังไปขายของอยู่ทุกวัน พวกเขาก็ด่าก็แซะเราทุกวัน
เรารู้สึกเสียใจอย่างนึงคือ ไม่มีใครถามเลยว่าเราทำจริงไหม เราเป็นอย่างที่เขาพูดรึเปล่า ทุกคนเอาแต่ด่าเราพูดถึงเราอย่างสนุกปาก
เราก็ได้แต่อยู่เงียบๆในมุมของเรา เราเชื่อว่าในเมื่อเราไม่ได้ทำเราก็ไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนกับคำพูดของพวกเขา อยากด่าก็ด่าไปถ้ามันทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น เพราะทุกคนอคติกับเราไปแล้ว ไปนั่งอธิบายก็ไม่มีใครฟัง เขาไม่ได้รู้จักเรา เขารู้จักแต่เพื่อนเขา เขาเชื่อว่าเพื่อนเขาเป็นคนดี ไม่มีทางทำเรื่องไม่ดี เพื่อนพูดอะไรไปก็คือเชื่อหมดทุกอย่าง
แล้วเหมือนว่าการรุมด่าแบบโต้งๆไม่ได้ผลกับเราเขาก็อัพเลเวลให้อีก ผัวร้านยำเริ่มมีการเดินดัก เดินตามเวลาเอาของไปล้าง ด้วยความที่ตลาดมันแคบเราก็พยายามไม่คิดอะไร แต่ทีนี้น้องผู้หญิงขายไข่เดินมาเข้าห้องน้ำ เหมือนเขารู้จักกันนั่นแหละ เขาก็ตะโกนพูดเสียงดังๆแซวน้องขายไข่ว่ามาคนเดียวระวังโดนฉุดนะ ซึ่งเรายืนล้างของอยู่คนเดียวได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่หัวเราะ แล้วเดินกลับร้าน
ระหว่างที่ขายของอยู่แบบนั้นคนก็ด่าเราเรื่อย ด่าทุกวันแบบไม่มีวันหยุด
แล้วอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้รู้สึกรังเกียจคือ
ผัวร้านยำเขาชอบเอาเศษใบตอง มาให้เรากับน้องก็ได้แต่ขอบคุณไปตามมารยาท เวลายกโต๊ะจัดโต๊ะอะไรก็เข้ามาช่วย ดูเป็นคนดี๊คนดี ให้ความรู้สึกพิลึกอย่างบอกไม่ถูก มาทำดีกับเรา แต่ก็เอาเราไปพูดเสียๆหายๆ
***สิ่งที่อยากจะเตือนทุกคนก็คือ อย่านิ่งเฉยกับคำพูดคน โดยเฉพาะการนินทาว่าร้าย การคิดว่าถ้าไม่ได้ทำ เราก็ไม่จำเป็นต้องเดือดร้อน มันไม่ได้ใช้แล้วได้ผลเสมอไป ดูเราเป็นตัวอย่างค่ะ เราโดนด่าแบบเสียๆหายแบบกุไม่กลับ แบบไม่มีที่ยืน การหวังให้ระยะเวลาพิสูจน์คุณค่าในตัวเรามันนานไปค่ะ
การที่เราปล่อยให้พวกเขาเราด่าเราไปเรื่อยๆแบบนั้นมันเหมือนคลื่นใต้น้ำที่ก็ตัวเป็นวังวนแล้วดูดเราลงไป ให้ดำดิ่งจนหายใจไม่ออกแล้วตายลงไปในที่สุด
แล้วเรื่องที่ตลกอย่างหนึ่งก็คือ ระหว่างที่เราขายของท่ามกลางเสียงด่าแบบนั้น วันนึงตลาดก็ไปจ้างรถกระบะที่เปิดเพลงแล้วมีโคโยตี้เต้น มาเต้นในตลาด เขาเอาเพลงป้าข้างบ้าน ของเอมตามใจตุ้ดมามิกซ์กับดนตรี ซึ่งมันก็เป็นคำว่า แบบถี่ๆ พอฟังแล้วมันก็ตลก เราก็หันไปหัวเราะกับน้อง แล้วเหมือนกลุ่มที่นินทาเขาจ้องเราอยู่แล้ว เห็นเราหัวเราะ ก็เหมือนหมาโดนน้ำร้อนราดแหกปากด่ากันทั้งตลาด ตอกย้ำว่าที่ผ่านมาคือเขาด่าเราจริง ซึ่งอีตัวต้นเรื่องก็ไม่ใช่ใครหรอก เรามั่นใจว่าผัวร้านยำนี่แหละ ตั้งแต่เกิดมาเห็นแต่คนมองผัวชาวบ้าน ยุ่งกับผัวชาวบ้านแล้วมีปัญหา อันนี้ไม่มองผัวชาวบ้านชีวิตคุณก็มีปัญหาได้
หลังจากเหตุการณ์เพลงป้าข้างบ้าน บรรยากาศเรียกว่ามาคุเลยก็ได้มั้ง ทุกคนจับจ้องทุกการกระทำของเราขยับทำอะไรก็คือมีคำด่าลอยมาเสิร์ฟถึงที่ เราไม่ค่อยแต่งตัว ก็โดนด่าแต่งตัวโทรมๆเหมือนกลัวคนมาชอบ น้องเราแต่งตัวสวยก็โดนด่าแต่งตัวสวยมาอ่อยผู้ชาย เราเอาขนมให้ลูกน้องเรากิน ก็ว่าด่ามันเป็นทอมรึเปล่า เราเล่นกับเด็กที่มาซื้อของก็ลูกใครระวังหายนะ เรายิ้มเราคุยกับลูกค้าสูงวัย ก็ขวัญใจคนแก่ เราไหว้ร้านกล้วยปิ้งที่ให้ฝากของ กับร้านไก่ทอดที่ชอบมาทักมาลาเราตอนกลับ ก็ไหว้คนนั้นคนนี้มาหาเสียงเหรอ เรากับน้องก็ได้แต่เฉยๆด่าได้ก็ด่าไปด่าแล้วขายดีรวยขึ้นก็ด่าเลยเมื่อการด่าทำอะไรเราไม่ได้ การข่มขู่ก็กลับมาอีกครั้ง มีเด็กผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่น่าจะสูงสัก 180 ได้แล้วมั้งตัวอวบอ้วนน่าจะเป็นรุ่นน้องของร้านยำ น้องมายืนหน้าร้านยำแล้วก็พูดขึ้นว่า
แล้วทุกคนรู้ไหมช่วงที่มีข่าวกำนันนกยิงตำรวจทางหลวงตาย ผัวร้านยำไม่รู้เขาไปเมาอะไรมาอยู่ๆก็เดินตะโกนลั่นตลาดว่าตัวเองเป็นเพื่อนกับกำนันนก จะไปเยี่ยมกำนันนกที่เรือนจำมีใครจะฝากอะไรไหม เขาดูภูมิใจมากที่มีเพื่อนเป็นฆาตกร
เราก็ทนขายของต่อไป ทุกคนอาจจะสงสัยว่าทนไปทำไม เราทำงานที่บ้าน เรามีทางเลื่อกแค่สองทาง คือ จะอยู่บ้านให้แม่ด่า18 ชั่วโมง หรือทนให้คนที่ตลาดด่าแค่5-6ชัวโมงแล้วกลับบ้านนอนเราก็เลยต้องทนโดนด่าประหนึ่งว่าไปแย่งผัวใครมา ตั้งแต่เกิดมาแฟนก็ไม่เคยมีกับใครเขา แถมยังมาโดนด่าว่าอยากได้ผัวเขาที่ไม่หล่อ ไม่รวย แถมอีกต่างหาก ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วทำกรรมอะไรไว้
ต่อมาแม่เราเอาทุเรียนมาขายภรรยาเขาก็มาซื้อหมูปิ้งแม่เราก็แถมทุเรียนให้ด้วยซ้ำ อยู่ๆวันนึง ผัวร้านยำเขาก็มาประชิดตัวแล้วก็ถามว่าเอาเปลือกทุเรียนนี้ตบหน้าเราได้ไหม ซึ่งหลังจากเหตุการณ์เพลงป้าข้างบ้าน ของพี่เอ็มตามใจตุ๊ดนอกจากไม่มองแล้วเราก็ไม่คุยกับเขาด้วยเขาเอาของมาให้เราก็ไม่ขอบคุณ ถามอะไรก็ไม่พูดไม่ตอบ ซึ่งพอเขาบอกจะเอาเปลือกทุเรียนตบหน้าเราก็แค่ยักไหลอ่ะก็เดินเข้าร้านเราใจก็ได้แต่คิดจะตบก็ตบมือเท้าเราก็มีหน้าเราเละหน้าเขาก็ต้องเละ
เราก็ขายมาจนประมาณตุลาคมรวมเวลาที่มีเรื่องก็ประมาณ 4 เดือนเต็มที่เราทนฟังเสียงด่าจากคนรอบข้าง ซึ่งเราก็ไม่ได้สนใจหรอกเพราะเขาไม่ได้เลี้ยงเราไม่ได้หาให้เรากินเราโฟกัสแค่ลูกค้าเราเท่านั้น แล้วทีนี้ผัวร้านยำก็หันมาเล่นลูกค้าเรา มีน้องผู้ชายคนนึงเหมือนจะเป็นอสม.หน้าตาดี เลยแหละ มาซื้อหมูปิ้งเราประจำ เหมือนเขาจะรู้จักกันแต่ก่อนหน้านี้ไม่เคยทักทาย อยู่ๆเขาก็ถามสารทุกข์สุขดิบน้องอสม.แล้วถามทำนองว่ามาจีบแม่ค้าเหรอ ใจเราก็แบบไอ้นี่เล่นกูอีกแล้ว ทุกคนพอจะมอง
เหตุการณ์ที่เล่าไปออกไหม มันปรับสเกลความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จากแค่ไม่มองผัวชาวบ้านกลายเป็น เขินผัวชาวบ้าน แอบรักผัวเขา อยากได้ผัวเขา ไม่มีปัญญาหาผัว วันนี้น้องคนนี้มาคนเดียวอาจจะไม่มีแฟน แต่ถ้าไปโดนคนมีแฟน คนมีลูกเมีย แล้วชาวบ้านพ่อค้าแม่ค้าหน้าตลาดทั้งหลายเอาไปลือต่อ มันจะระดับไหน มาซื้อของกินร้านนี้บ่อยๆ คือหลงแม่ค้า จะจีบแม่ค้า แม่ค้าทำของใส่ ต้องมาอ่ะ เราไม่อยากนึกภาพเลยแล้วเหมือนสังคมที่นี่เหมือนขับเคลื่อนด้วยการนินทาคน พวก พวกกู เพื่อนตัวเองพูดอะไรไปเชื่อกันเป็นตุเป็นตะ ไม่ถามไถ่คนนอกเลยว่าทำแบบที่เพื่อนกูพูดไหม เพื่อนเกลียดใครกูเกลียดด้วย ไม่สนว่าใครถูกใครผิด เพื่อนกูพวกกูคือถูกเสมอ เพราะรู้จักกันมานานกว่าคนนอกอย่าง
เราก็เลยออกจากตลาดตั้งแต่วันนั้นเลยแม่ก็จ้างคนในพื้นที่ขายต่อ เป็นความรู้สึกแย่ๆที่ครั้งนึงเราต้องเผชิญ แล้วจากเหตุการณ์นั้นทำให้เรากลัวการเข้าสังคม ระแวงว่าทำนั่นทำนี่จะโดนคนด่าไหม จะมีใครว่ารึเปล่า แถมไม่กล้ามองหน้าผู้ชายอีกด้วยเลยทีนี้
ถ้าเพื่อนๆไปเจอสถานการณ์การณ์แบบเราจะทำยังไง จะแก้ไขปัญหาแบบไหนคะ