จากประสบการณ์ทำงาน 15ปี++ ในวัยใกล้ 40 ปี
เด็ก ตจว จบจาก ม ตจว เข้า กทม มากับแฟนเพื่อเริ่มบทบาทของมนุษย์เงินเดือนทั้งคู่
สิ่งสำคัญที่ผมอยากจะแชร์เพื่อให้น้องๆหรือเพื่อนๆที่ทำงานสาย IT ฟังตามความคิดของผมล้วนๆดังนี้
1. connection ในมุมมองของผมเป็นสิ่งสำคัญมากๆให้เป็นอันดับ 1 เลย เพราะมาจากประสบการณ์ของตัวผมเอง แต่ connection นี่ไม่ใช่แค่การแลกนามบัตรกัน การที่จะมี connection ที่ดีสำหรับผมจะมาจากข้อด้านล่างด้วย
2. ผลงานหรือการทำงาน - เข้าตาผู้ใหญ่ เพื่อนร่วมงาน คู่แข่งหรือลูกค้า หากเรามีผลงานหรือการทำงานที่ดีใครๆก็อยากจะชวนเราไปทำงานด้วยครับ
3. ภาษา อาจจะเป็นโชคดีของผมที่พอได้ภาษาที่ใช้ในการสื่อสาร หากเทียบกับคนใกล้รุ่น 40 หรือมากกว่าที่พอสื่อสารได้สำหรับรุ่นผมถือว่าน้อยมากๆจากประสบการณ์ที่ทำงานมาใน บริษัทต่างๆมา
4. จังหวะและโอกาส หรือ ดวง? จริงๆข้อนี้ผมก็ไม่อยากให้น้ำหนักมากแต่มันกลับจริงในประสบการณ์ทำงานของตัวผมเองคือ ผมอยากย้ายงานแล้วดันไป match กับ product ที่ในประเทศไทยใช้กันไม่กี่ที่ แต่ที่ใหม่ดันมีโปรเจคจะใช้พอดีและเป็นกลุ่มบริษัทเบอร์ต้นๆของไทย บวกกับที่นั่น พี่ที่สนิทกันก็รู้จักฝั่งนั้น อีกจึงเข้าได้สบายๆ
5. ทัศนคติ หรือ mindset ต้องเป็นแบบ growth mindset อยากจะเรียนรู้อยู่เรื่อยๆ เนื่องจากสาย IT เป็นอะไรที่เปลี่ยนแปลงเร็วมาก แต่สำหรับผมก็ไม่ได้ตามอะไรมากนัก หาอ่านเอาพอเราต้องไปประชุมหรือคุยกับคนอื่นแล้วเจอศัพท์แปลกๆเราจะพยายามศึกษาว่ามันคืออะไร
6. comfort zone อันนี้เจอมากับตัวคือ มีอยู่ที่นึงผมทำงานอยู่ราวๆเกือบ 5 ปี ลักษณะงานเป็นแบบ support ว่างแบบครึ่งเช้าเคลียร์งานเสร็จหมดแล้ว บ่ายไม่มีไรทำเบื่อมากๆ แต่ต้องขอบคุณที่นี่แหละที่ทำให้ได้ภาษา เพราะคุยกับต่างชาติค่อนข้างบ่อย เงินเดือนที่นี่ราวๆ 45,000- ตอนนั้นอายุ 30 ปี แต่รู้สึกเหมือนชีวิตไร้จุดหมาย เห็นเพื่อนบางคนไปได้ไกลกว่านี้ รู้สึกอิจฉา 555 เราก็ควรต้องทำได้เหมือนกันเลยเป็นจุดสำคัญในการเปลี่ยนงานครั้งสำคัญเลยครับ
7. สายปฎิบัติการยังไงก็โตได้ไม่เท่าสายบริหาร คำว่าสายปฏิบัติการคือพวก programmer, tester, infra, support, oper หากจะสามารถอัพเงินเดือนได้ ยังไงก็ต้องเริ่มมีการบริหารหรือ manage เกิดขึ้น junior -> senior -> lead -> dept head หากไม่มีเลยก็จะเป็น senior ไปตลอด ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าผู้ใหญ่ให้ค่าไม่เท่ากันหากไม่เป็น star หรือโดดเด่นมากๆจริง แต่บางคนอาจจะมีการรับงานนอกเป็นอาชีพเสริมก็อาจทำให้รายได้พอๆกันก็เป็นได้ แต่สำหรับผมไม่ได้เป็นคนขยันขนาดนั้น
8. ครอบครัว ตัวผมเองก็มีภรรยาและลูก น่าจะเป็นแรงผลักดันที่ดี สมัยนั้นตั้งแต่ภรรยาเริ่มตั้งครรภ์มาลองบวก ลบ คูณ หาร เงินเดือนผลปรากฎว่า เห้ยไม่พอกินนี่หว่า หากต้องการเลี้ยงลูกให้ดี จึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ต้องเปลี่ยนงานแล้ว ซึ่งตั้งแต่ครั้งนั้นก็เจอแต่สิ่งดีๆเรื่อยมา
9. linkedin ที่เป็น app ไว้ฝาก profile ผมพยายามอัพเดตให้ล่าสุดเสมอ เพราะ agency ต่างๆหรือพวก head hunter จะมาส่องเพื่อชวนไปทำงานเยอะมากๆ
10. certificate หรือ tranining course ต่างๆ ก็เป็นเครื่องมือที่ใช้วัดความสามารถคุณระดับนึง ในเรื่องของการเรียนรู้ เพราะการสัมภาษณ์ก็คงได้แค่ช่วงสั้นๆการที่เรามี cert ก็ดีกว่าไม่มีหากบริษัทมี candidate คนอื่น
11. การศึกษา หากเป็นไปได้กัดฟันเรียนให้จบ ป โท สักใบก็ดีครับ เนื่องจากประสบการณ์ผมเองต้องยอมรับเลยว่าบางบริษัทหรือบางองค์กรใช้บ้างเหมือนกัน เป็นเหมือนตัวประเมินในการจะโปรโมทตำแหน่งบางที่เหมือนกันแต่ก็ไม่ใช่ทุกที่
12. สุขภาพ ข้อนี้ขอยกเป็นเรื่องสุขภาพจิด สุขภาพร่างกายที่เกี่ยวกับงาน ไม่ใช่เรื่องการดูแลสุขภาพที่ยังไงผมเชื่อวานทุกคน ทุกอาชีพก็ต้องทำเหมือนกันอยู่แล้ว แต่เป็นผลที่มาจากการทำงาน ผมเคยเจอเพื่อนหรือพี่บางคน ประชุมเยอะมาก มีเรื่องให้คิดเยอะ ปวดหัวไมเกรนขึ้น ถ่ายเป็นเลือด เครียดลงกระเพาะ ยังไงหากไม่ไหวจริงๆย้ายเถอะถ้าไม่ใช่ความผิดเราเอง เป็นที่ตัวงานจริงๆ
13. รู้จักปล่อยวางหรือช่าง
บ้าง ข้อนี้พี่ที่ผมเคารพเป็นคนสอนมา มีอยู่ช่วงนึงที่ผมเครียดจากงานมากๆ อยากทำให้มันดีที่สุด ทุ่มเทกับมันมากๆ ทำงานเลิกดึกๆดื่นๆ ตื่นตีห้ามาปั่นงานต่อ แต่พี่คนนี้เข้ามาคุยกับผมตรงๆแล้วบอกผมว่าอย่าไปเครียดกับงานมาก สีหน้ามันออกชัดเจน หากเป็นแบบนี้บรรยากาศการทำงานจะไม่ดี น้องๆในทีมก็จะกดดันไปด้วย เค้าสอนผมว่าขนาดตัวเค้าเองที่เป็นหัวหน้าของผมอีกทีจะเครียดขนาดไหนระดับบนๆไม่ต้องพูดถึง แต่เราต้องรู้จักปล่อยวางเสียบ้าง งานบางอย่างหากเราทุ่มเทเต็มเวลาแล้วผลลัพธ์มันออกมาแบบนี้ก็ต้องยอมรับมัน เดี๋ยวมีอะไรพี่จะรับผิดชอบให้เอง ฟังแล้วทำให้ผมยิ่งนับถือแกไปใหญ่เลย
ไม่รู้ผมเขียนยาวไปหรืออ่านยากไปไหม เป็นกระทู้แรกที่ผมตั้ง หากผิดพลาดหรืออ่านไม่เข้าใจต้องขอโทษด้วยครับ
อยากแบ่งปันประสบการณ์ชีวิต สำหรับมุนษย์เงินเดือน สายงาน IT
เด็ก ตจว จบจาก ม ตจว เข้า กทม มากับแฟนเพื่อเริ่มบทบาทของมนุษย์เงินเดือนทั้งคู่
สิ่งสำคัญที่ผมอยากจะแชร์เพื่อให้น้องๆหรือเพื่อนๆที่ทำงานสาย IT ฟังตามความคิดของผมล้วนๆดังนี้
1. connection ในมุมมองของผมเป็นสิ่งสำคัญมากๆให้เป็นอันดับ 1 เลย เพราะมาจากประสบการณ์ของตัวผมเอง แต่ connection นี่ไม่ใช่แค่การแลกนามบัตรกัน การที่จะมี connection ที่ดีสำหรับผมจะมาจากข้อด้านล่างด้วย
2. ผลงานหรือการทำงาน - เข้าตาผู้ใหญ่ เพื่อนร่วมงาน คู่แข่งหรือลูกค้า หากเรามีผลงานหรือการทำงานที่ดีใครๆก็อยากจะชวนเราไปทำงานด้วยครับ
3. ภาษา อาจจะเป็นโชคดีของผมที่พอได้ภาษาที่ใช้ในการสื่อสาร หากเทียบกับคนใกล้รุ่น 40 หรือมากกว่าที่พอสื่อสารได้สำหรับรุ่นผมถือว่าน้อยมากๆจากประสบการณ์ที่ทำงานมาใน บริษัทต่างๆมา
4. จังหวะและโอกาส หรือ ดวง? จริงๆข้อนี้ผมก็ไม่อยากให้น้ำหนักมากแต่มันกลับจริงในประสบการณ์ทำงานของตัวผมเองคือ ผมอยากย้ายงานแล้วดันไป match กับ product ที่ในประเทศไทยใช้กันไม่กี่ที่ แต่ที่ใหม่ดันมีโปรเจคจะใช้พอดีและเป็นกลุ่มบริษัทเบอร์ต้นๆของไทย บวกกับที่นั่น พี่ที่สนิทกันก็รู้จักฝั่งนั้น อีกจึงเข้าได้สบายๆ
5. ทัศนคติ หรือ mindset ต้องเป็นแบบ growth mindset อยากจะเรียนรู้อยู่เรื่อยๆ เนื่องจากสาย IT เป็นอะไรที่เปลี่ยนแปลงเร็วมาก แต่สำหรับผมก็ไม่ได้ตามอะไรมากนัก หาอ่านเอาพอเราต้องไปประชุมหรือคุยกับคนอื่นแล้วเจอศัพท์แปลกๆเราจะพยายามศึกษาว่ามันคืออะไร
6. comfort zone อันนี้เจอมากับตัวคือ มีอยู่ที่นึงผมทำงานอยู่ราวๆเกือบ 5 ปี ลักษณะงานเป็นแบบ support ว่างแบบครึ่งเช้าเคลียร์งานเสร็จหมดแล้ว บ่ายไม่มีไรทำเบื่อมากๆ แต่ต้องขอบคุณที่นี่แหละที่ทำให้ได้ภาษา เพราะคุยกับต่างชาติค่อนข้างบ่อย เงินเดือนที่นี่ราวๆ 45,000- ตอนนั้นอายุ 30 ปี แต่รู้สึกเหมือนชีวิตไร้จุดหมาย เห็นเพื่อนบางคนไปได้ไกลกว่านี้ รู้สึกอิจฉา 555 เราก็ควรต้องทำได้เหมือนกันเลยเป็นจุดสำคัญในการเปลี่ยนงานครั้งสำคัญเลยครับ
7. สายปฎิบัติการยังไงก็โตได้ไม่เท่าสายบริหาร คำว่าสายปฏิบัติการคือพวก programmer, tester, infra, support, oper หากจะสามารถอัพเงินเดือนได้ ยังไงก็ต้องเริ่มมีการบริหารหรือ manage เกิดขึ้น junior -> senior -> lead -> dept head หากไม่มีเลยก็จะเป็น senior ไปตลอด ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าผู้ใหญ่ให้ค่าไม่เท่ากันหากไม่เป็น star หรือโดดเด่นมากๆจริง แต่บางคนอาจจะมีการรับงานนอกเป็นอาชีพเสริมก็อาจทำให้รายได้พอๆกันก็เป็นได้ แต่สำหรับผมไม่ได้เป็นคนขยันขนาดนั้น
8. ครอบครัว ตัวผมเองก็มีภรรยาและลูก น่าจะเป็นแรงผลักดันที่ดี สมัยนั้นตั้งแต่ภรรยาเริ่มตั้งครรภ์มาลองบวก ลบ คูณ หาร เงินเดือนผลปรากฎว่า เห้ยไม่พอกินนี่หว่า หากต้องการเลี้ยงลูกให้ดี จึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ต้องเปลี่ยนงานแล้ว ซึ่งตั้งแต่ครั้งนั้นก็เจอแต่สิ่งดีๆเรื่อยมา
9. linkedin ที่เป็น app ไว้ฝาก profile ผมพยายามอัพเดตให้ล่าสุดเสมอ เพราะ agency ต่างๆหรือพวก head hunter จะมาส่องเพื่อชวนไปทำงานเยอะมากๆ
10. certificate หรือ tranining course ต่างๆ ก็เป็นเครื่องมือที่ใช้วัดความสามารถคุณระดับนึง ในเรื่องของการเรียนรู้ เพราะการสัมภาษณ์ก็คงได้แค่ช่วงสั้นๆการที่เรามี cert ก็ดีกว่าไม่มีหากบริษัทมี candidate คนอื่น
11. การศึกษา หากเป็นไปได้กัดฟันเรียนให้จบ ป โท สักใบก็ดีครับ เนื่องจากประสบการณ์ผมเองต้องยอมรับเลยว่าบางบริษัทหรือบางองค์กรใช้บ้างเหมือนกัน เป็นเหมือนตัวประเมินในการจะโปรโมทตำแหน่งบางที่เหมือนกันแต่ก็ไม่ใช่ทุกที่
12. สุขภาพ ข้อนี้ขอยกเป็นเรื่องสุขภาพจิด สุขภาพร่างกายที่เกี่ยวกับงาน ไม่ใช่เรื่องการดูแลสุขภาพที่ยังไงผมเชื่อวานทุกคน ทุกอาชีพก็ต้องทำเหมือนกันอยู่แล้ว แต่เป็นผลที่มาจากการทำงาน ผมเคยเจอเพื่อนหรือพี่บางคน ประชุมเยอะมาก มีเรื่องให้คิดเยอะ ปวดหัวไมเกรนขึ้น ถ่ายเป็นเลือด เครียดลงกระเพาะ ยังไงหากไม่ไหวจริงๆย้ายเถอะถ้าไม่ใช่ความผิดเราเอง เป็นที่ตัวงานจริงๆ
13. รู้จักปล่อยวางหรือช่างบ้าง ข้อนี้พี่ที่ผมเคารพเป็นคนสอนมา มีอยู่ช่วงนึงที่ผมเครียดจากงานมากๆ อยากทำให้มันดีที่สุด ทุ่มเทกับมันมากๆ ทำงานเลิกดึกๆดื่นๆ ตื่นตีห้ามาปั่นงานต่อ แต่พี่คนนี้เข้ามาคุยกับผมตรงๆแล้วบอกผมว่าอย่าไปเครียดกับงานมาก สีหน้ามันออกชัดเจน หากเป็นแบบนี้บรรยากาศการทำงานจะไม่ดี น้องๆในทีมก็จะกดดันไปด้วย เค้าสอนผมว่าขนาดตัวเค้าเองที่เป็นหัวหน้าของผมอีกทีจะเครียดขนาดไหนระดับบนๆไม่ต้องพูดถึง แต่เราต้องรู้จักปล่อยวางเสียบ้าง งานบางอย่างหากเราทุ่มเทเต็มเวลาแล้วผลลัพธ์มันออกมาแบบนี้ก็ต้องยอมรับมัน เดี๋ยวมีอะไรพี่จะรับผิดชอบให้เอง ฟังแล้วทำให้ผมยิ่งนับถือแกไปใหญ่เลย
ไม่รู้ผมเขียนยาวไปหรืออ่านยากไปไหม เป็นกระทู้แรกที่ผมตั้ง หากผิดพลาดหรืออ่านไม่เข้าใจต้องขอโทษด้วยครับ