คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
ใช่
เราเองไม่ได้โพรไฟล์ดีอะไรขนาดนั้น แต่ก็ไม่อินกับการกัดก้อนเกลือกิน ต้องมาเริ่มสร้าง เริ่มนั่นนี่นู่นเหมือนกัน เพราะมันไม่ได้ romanticize เลยค่ะ
ถ้าคนสองคน ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเหมือนกัน
พึ่งเรียนจบใหม่ทั้งคู่ ถ้าคนสองคนตกหลุมรักกันขึ้นมา
คบหา ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันแล้ว
ถ้าอยากจะมีรถยนต์ใช้ร่วมกันสักคน คุณพร้อมจะช่วยกันส่งค่างวดไปด้วยกันไหม
้ถ้ายังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เราไม่สุ่มเสี่ยงก่อหนี้ตอนนี้หรอกนะคะ เหนื่อยค่ะ
ไม่สุ่มเสี่ยงที่จะรีบอยู่ด้วยกันด้วยซ้ำ ระหว่างนั้นถ้าท้องขึ้นมาอีกล่ะ ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยแล้วจะทำยังไงหลังจากนั้น ?
ทำงานเก็บเงินให้พอมีเก็บก่อนแล้วอาจจะพิจารณาดูอีกที
เราเองไม่ได้โพรไฟล์ดีอะไรขนาดนั้น แต่ก็ไม่อินกับการกัดก้อนเกลือกิน ต้องมาเริ่มสร้าง เริ่มนั่นนี่นู่นเหมือนกัน เพราะมันไม่ได้ romanticize เลยค่ะ
ถ้าคนสองคน ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเหมือนกัน
พึ่งเรียนจบใหม่ทั้งคู่ ถ้าคนสองคนตกหลุมรักกันขึ้นมา
คบหา ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันแล้ว
ถ้าอยากจะมีรถยนต์ใช้ร่วมกันสักคน คุณพร้อมจะช่วยกันส่งค่างวดไปด้วยกันไหม
้ถ้ายังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เราไม่สุ่มเสี่ยงก่อหนี้ตอนนี้หรอกนะคะ เหนื่อยค่ะ
ไม่สุ่มเสี่ยงที่จะรีบอยู่ด้วยกันด้วยซ้ำ ระหว่างนั้นถ้าท้องขึ้นมาอีกล่ะ ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยแล้วจะทำยังไงหลังจากนั้น ?
ทำงานเก็บเงินให้พอมีเก็บก่อนแล้วอาจจะพิจารณาดูอีกที
ความคิดเห็นที่ 12
เห็นจขกท.ถามเกี่ยวกับกรณีจบใหม่ในคห.ย่อยอื่นๆ ผมเลยมาแชร์ให้ฟังครับ
ผมรายได้40,000 ถ้าสมมุติผมยังโสด ผมก็จะคัดกรองเลือกจีบแต่สาวที่มีการงานใกล้เคียงกัน อย่างน้องๆที่ออฟฟิศอายุ25-27 ก็ได้กัน25,000-30,000แล้ว เช่นนั้นหาจีบเอาแถวออฟฟิศก็ได้
แต่ที่กล่าวมาข้างต้นมันคือกรณีหากผมโสดไง ปัจจุบันผมมีแฟนที่คบตั้งแต่สมัยเรียน(คบมา10กว่าปีได้) เขาเจอพิษCovidทำให้ต้องกลับไปรับเงิน18,000 สินสอดผมเก็บคนเดียว คอนโดผมผ่อนคนเดียว ผม Support เต็มที่ เพราะสมัยที่ผมจบใหม่ ยังเป็นธุรการต๊อกต๋อยรับ10,000เขายังอยู่กับผม
เราแสดงให้เห็นแล้วว่าเราสู้มาด้วยกัน ผมจึงยอมเป็น The แบกให้ได้ แต่หากผมกลับไปโสดแล้วต้องเลือกจีบสาว ผมจะไม่ยอมเป็น The แบกครับ ต้องมีการงานใกล้เคียงกันก่อนเท่านั้นเลยในเบื้องต้น
ผมรายได้40,000 ถ้าสมมุติผมยังโสด ผมก็จะคัดกรองเลือกจีบแต่สาวที่มีการงานใกล้เคียงกัน อย่างน้องๆที่ออฟฟิศอายุ25-27 ก็ได้กัน25,000-30,000แล้ว เช่นนั้นหาจีบเอาแถวออฟฟิศก็ได้
แต่ที่กล่าวมาข้างต้นมันคือกรณีหากผมโสดไง ปัจจุบันผมมีแฟนที่คบตั้งแต่สมัยเรียน(คบมา10กว่าปีได้) เขาเจอพิษCovidทำให้ต้องกลับไปรับเงิน18,000 สินสอดผมเก็บคนเดียว คอนโดผมผ่อนคนเดียว ผม Support เต็มที่ เพราะสมัยที่ผมจบใหม่ ยังเป็นธุรการต๊อกต๋อยรับ10,000เขายังอยู่กับผม
เราแสดงให้เห็นแล้วว่าเราสู้มาด้วยกัน ผมจึงยอมเป็น The แบกให้ได้ แต่หากผมกลับไปโสดแล้วต้องเลือกจีบสาว ผมจะไม่ยอมเป็น The แบกครับ ต้องมีการงานใกล้เคียงกันก่อนเท่านั้นเลยในเบื้องต้น
ความคิดเห็นที่ 9
ไม่อ่ะ ต่างคนต่างทำงานมีรายรับเหลือใช้
เลยไม่จำเป็น ต้องสร้างตัวอะไร
มาเจอกันก็มาช่วยกันสร้างให้มากขึ้นไปอีก
ต่อยอด
ความคิด ต่อความคิด
เงิน ต่อเงิน
คอนเนคชั่น ต่อคอนเนคชั่น
เรา ผช รายได้หลักแสน
เราก็ไม่ได้มองหาภาระ
เราก็หา ผญ ที่รายได้หลักแสนเหมือนกัน
ผญ ที่ผมรู้จัก รายได้หลักล้าน
เขาก็อยากได้คนรายได้หลักล้านเหมือนกัน
ถ้าไม่มีอะไรมาเหมือนกัน
ช่วยกันสร้างก็เหมาะสมกันดี
ส่วนพวกอยากตกถังข้าวสาร
ก็มีทุกยุคแหละครับ
ส่วนสายเปย์ ก็มีจริง
แต่มันไม่สวยเหมือนในนิยายหรอกนะ
ถ้าคนเรียนการเมืองการปกครอง
ดูอำนาจการต่อรองแล้วมันเป็นการต่อรองแบบ
อสมมาตร
เลยไม่จำเป็น ต้องสร้างตัวอะไร
มาเจอกันก็มาช่วยกันสร้างให้มากขึ้นไปอีก
ต่อยอด
ความคิด ต่อความคิด
เงิน ต่อเงิน
คอนเนคชั่น ต่อคอนเนคชั่น
เรา ผช รายได้หลักแสน
เราก็ไม่ได้มองหาภาระ
เราก็หา ผญ ที่รายได้หลักแสนเหมือนกัน
ผญ ที่ผมรู้จัก รายได้หลักล้าน
เขาก็อยากได้คนรายได้หลักล้านเหมือนกัน
ถ้าไม่มีอะไรมาเหมือนกัน
ช่วยกันสร้างก็เหมาะสมกันดี
ส่วนพวกอยากตกถังข้าวสาร
ก็มีทุกยุคแหละครับ
ส่วนสายเปย์ ก็มีจริง
แต่มันไม่สวยเหมือนในนิยายหรอกนะ
ถ้าคนเรียนการเมืองการปกครอง
ดูอำนาจการต่อรองแล้วมันเป็นการต่อรองแบบ
อสมมาตร
ความคิดเห็นที่ 10
ตั้งโจทย์ผิด ชีวิตก็ไปอีกทาง
“ถ้าคนสองคน ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเหมือนกัน
พึ่งเรียนจบใหม่ทั้งคู่ ถ้าคนสองคนตกหลุมรักกันขึ้นมา
คบหา ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันแล้ว
ถ้าอยากจะมีรถยนต์ใช้ร่วมกันสักคน คุณพร้อมจะช่วยกันส่งค่างวดไปด้วยกันไหม”
คือ อ่านแล้วคิดว่าเป็นคำถามที่ไม่น่าถามตั้งแต่ต้นด้วยซ้ำ ถ้าเป็นผมพึ่งจบใหม่มา แถมไม่มีอะไรเลย ถ้ามีแฟนก็คงต่างคนต่างอยู่ไปก่อน รอเก็บเงินจนสถาณการ์ณดีขึ้นค่อยขยับขยาย ส่วนเรื่องรถถ้าจบใหม่จริงก็ใช้รถสาธารณะไม่ก็พยามหาเช่าที่อยู่ให้ใกล้ที่ทำงาน ถ้าต้องทำอะไรที่ทำให้อีกคนเดือดร้อน มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ยกเว้นคุณตกลงกันเองได้ว่าจะช่วยกันจ่าย
“ถ้าคนสองคน ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเหมือนกัน
พึ่งเรียนจบใหม่ทั้งคู่ ถ้าคนสองคนตกหลุมรักกันขึ้นมา
คบหา ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันแล้ว
ถ้าอยากจะมีรถยนต์ใช้ร่วมกันสักคน คุณพร้อมจะช่วยกันส่งค่างวดไปด้วยกันไหม”
คือ อ่านแล้วคิดว่าเป็นคำถามที่ไม่น่าถามตั้งแต่ต้นด้วยซ้ำ ถ้าเป็นผมพึ่งจบใหม่มา แถมไม่มีอะไรเลย ถ้ามีแฟนก็คงต่างคนต่างอยู่ไปก่อน รอเก็บเงินจนสถาณการ์ณดีขึ้นค่อยขยับขยาย ส่วนเรื่องรถถ้าจบใหม่จริงก็ใช้รถสาธารณะไม่ก็พยามหาเช่าที่อยู่ให้ใกล้ที่ทำงาน ถ้าต้องทำอะไรที่ทำให้อีกคนเดือดร้อน มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ยกเว้นคุณตกลงกันเองได้ว่าจะช่วยกันจ่าย
แสดงความคิดเห็น
สังคมชนชั้นกลาง/คนการศึกษาสูง ส่วนใหญ่เวลาหาคู่ เขาจะไม่ค่อยอินกับเรื่องทำงานช่วยกันเก็บช่วยกันสร้าง กันเหรอ
ก็แตกต่างสังคมคนการศึกษาน้อย รายได้ไม่สูง
พื้นเพฐานะธรรมดาบ้านๆ
ที่สองคนสามีภรรยา จะช่วยกันทำงาน เก็บเงินช่วยกัน
อยากจะมีรถยนต์ขับที ก็ช่วยกันส่งค่างวด
อยากจะปลูกบ้านสักหลัง ก็ช่วยกันเก็บไปเรื่อยๆ
อยู่ห้องพัก/บ้านเช่า ราคาถูกๆไปก่อน
อยากจะได้อะไร ก็ช่วยๆกันหา
ถ้ามีลูกก็ช่วยกันส่งเรียนแบบพื้นฐานทั่วไป
หลายครอบครัวใช้ชีวิตแบบสมถะ วัตถุนิยมไม่สูง มีปัจจัย 4 ครบ
รวยจน เราวัดที่
รายได้รวมสองคนผัวเมีย หักลบ ค่าใช้จ่ายต่างๆแล้วเหลือเก็บทุกเดือน
เงินออมสัก 20-30% ของรายได้ในครัวเรือนแต่ละเดือน
แบบนี้เราก็มองว่าไม่ยากจนแล้ว
เราเห็นมาหลายกระทู้
ผู้หญิงที่การศึกษาสูง รายได้ดี
ชอบตั้งสเปคหาคู่ว่าผู้ชายเขาจะต้องมีทุกๆอย่างแล้ว
เช่น บ้าน/คอนโด/รถยนต์ ราคาหกหลัก
เงินเดือนต้องสูง หน้าที่การงานต้องดี ไปเที่ยวต่างประเทศได้ทุกปี เป็นต้น