บรรจุเป็นครูผู้ช่วยได้ 7 เดือนกว่า ๆ ในโรงเรียนขนาดกลางย่านจรัญสนิทวงศ์ สังกัดสพม.กท.1
ครู ผู้บริหารที่โรงเรียนมีตรรกะที่ทำให้เเปลกใจอยู่บ่อยครั้ง เช่น
😏เป็นครูผู้ช่วย ต้องรวบผมในทุกๆวัน ห้ามปล่อยผม (เเต่ครูเเละผู้บริหารบางท่านก็ปล่อยผม555)
😏เป็นครูผู้ช่วย ต้องใส่กระโปรงคลุมเข่า (เเต่ครูเเละผู้บริหารบางท่านก็ใส่เหนือเข่า555)
ล่าสุดเป็นเรื่องการลากิจ
ตามระเบียบโรงเรียน การลากิจต้องลาล่วงหน้า มีใบเเลกคาบ หากเดินทางออกนอกจังหวัดต้องมีหนังสือขออนุญาต
เราเเละเเฟน(เเฟนทำงานโรงเรียนเดียวกัน ตำเเหน่งครู) เขียนใบลากิจพร้อมกัน มีกำหนดการ 1 วัน ให้เหตุผลในการลาว่า ไปธุระกับครอบครัว โดยทำตามเงื่อนไขทุกอย่าง (มีใบเเลกคาบ มีใบขออนุญาตออกนอกจังหวัด) เเต่ผู้บริหารไม่เซ็นอนุญาตให้ หลังจากนั้นผู้บริหารก็เชิญเราไปพบ ผู้บริการ 3 ท่าน ท่านละ 1ครั้ง
😏รองบริหารงานบุคคล
รองเข้าใจนะ คนเราต้องมีทั้งชีวิตทำงานขีวิตครอบครัวเป็นของตัวเอง ต้องรักษาสมดุลทั้งเรื่องงานเเละเรื่องส่วนตัว เเต่ผอ. ไม่เข้าใจ คุณกลับไปเขียนมานะ ไปธุระกับครอบครัว เป็นธุระอะไร (เราระบุเหตุผลเพิ่มเติมว่า ไปธุระกับครอบครัวเพื่อคุยเรื่องการหมั้นกับครู...)
😏ผู้ช่วยรองบริหารงานบุคคล
พี่เข้าใจ ไปคุยเรื่องหมั้น ทำให้ถูกตามประเพณีก็ดี จะไปไหนมาไหนด้วยกัน จะได้ไม่น่าเกลียด คนในโรงเรียน ชาวบ้านหน้าโรงเรียนเขาจะได้ไม่มานินทา จะได้ไม่มาถามพี่ ถ้าไม่กระทบงานก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่เเจ้งผอ.ให้
😏ผอ.
ผอ.เข้าใจเเละเห็นว่าคุณคบหากัน เเต่ครูผู้ช่วยเขาไม่ลากิจกัน (เราเลยเปิดระเบียบการลา เเละเเจ้งว่าในระเบียบไม่ได้เขียนไว้) ถึงไม่ได้เขียนไว้ เเต่การเป็นครูผู้ช่วยก็ไม่ควรลากิจเพราะต้องประเมินอย่างเข้ม การลากิจควรลาเมื่อพ่อ เเม่ สามี ภรรยาป่วย ตาย เเต่ทำไมต้องนัดคุยเรื่องหมั้นที่จังหวัด...ทำไมไม่นัดกทม.จะได้ไม่ต้องลา (เราเเจ้งว่า ครอบครัวเราจองเครื่องมาจากภาคใต้ ตั้งใจจะมาเที่ยวอยู่เเล้ว ส่วนครอบครัวเเฟนอยู่อีสาน อยากให้ทั้งสองครอบครัวได้เจอกันในที่บรรยากาศดีๆ ) อันนั่นผอ.ก็เข่าใจ การเป็นครูต้องทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดี อยู่กินกัน ซ้อนท้ายมอไซด์กันเช้าเย็นมันไม่เหมาะสมค่ะ (เราเเจ้งว่าไม่ได้อยู่กินกัน เเต่รับส่งกันจริง หนูซ้อนท้ายเพราะบริสุทธิ์ใจ หนูเเละเเฟนโสดทั้งคู่ )เอาเป็นว่าผอ.อนุญาต
😏ตอนนี้เรารู้สึกเหนื่อย อึดอัด รู้สึกไม่สบายใจ ไม่อยากเดินทาง เเละมีคำถามในหัวเยอะมาก
😏เป็นครูผู้ช่วย ไม่มีสิทธิลากิจ?
😏เราควรจัดการกับความรู้สึกเรายังไง
เพราะ “ฉันเป็นครูผู้ช่วย” เหรอ
ครู ผู้บริหารที่โรงเรียนมีตรรกะที่ทำให้เเปลกใจอยู่บ่อยครั้ง เช่น
😏เป็นครูผู้ช่วย ต้องรวบผมในทุกๆวัน ห้ามปล่อยผม (เเต่ครูเเละผู้บริหารบางท่านก็ปล่อยผม555)
😏เป็นครูผู้ช่วย ต้องใส่กระโปรงคลุมเข่า (เเต่ครูเเละผู้บริหารบางท่านก็ใส่เหนือเข่า555)
ล่าสุดเป็นเรื่องการลากิจ
ตามระเบียบโรงเรียน การลากิจต้องลาล่วงหน้า มีใบเเลกคาบ หากเดินทางออกนอกจังหวัดต้องมีหนังสือขออนุญาต
เราเเละเเฟน(เเฟนทำงานโรงเรียนเดียวกัน ตำเเหน่งครู) เขียนใบลากิจพร้อมกัน มีกำหนดการ 1 วัน ให้เหตุผลในการลาว่า ไปธุระกับครอบครัว โดยทำตามเงื่อนไขทุกอย่าง (มีใบเเลกคาบ มีใบขออนุญาตออกนอกจังหวัด) เเต่ผู้บริหารไม่เซ็นอนุญาตให้ หลังจากนั้นผู้บริหารก็เชิญเราไปพบ ผู้บริการ 3 ท่าน ท่านละ 1ครั้ง
😏รองบริหารงานบุคคล
รองเข้าใจนะ คนเราต้องมีทั้งชีวิตทำงานขีวิตครอบครัวเป็นของตัวเอง ต้องรักษาสมดุลทั้งเรื่องงานเเละเรื่องส่วนตัว เเต่ผอ. ไม่เข้าใจ คุณกลับไปเขียนมานะ ไปธุระกับครอบครัว เป็นธุระอะไร (เราระบุเหตุผลเพิ่มเติมว่า ไปธุระกับครอบครัวเพื่อคุยเรื่องการหมั้นกับครู...)
😏ผู้ช่วยรองบริหารงานบุคคล
พี่เข้าใจ ไปคุยเรื่องหมั้น ทำให้ถูกตามประเพณีก็ดี จะไปไหนมาไหนด้วยกัน จะได้ไม่น่าเกลียด คนในโรงเรียน ชาวบ้านหน้าโรงเรียนเขาจะได้ไม่มานินทา จะได้ไม่มาถามพี่ ถ้าไม่กระทบงานก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่เเจ้งผอ.ให้
😏ผอ.
ผอ.เข้าใจเเละเห็นว่าคุณคบหากัน เเต่ครูผู้ช่วยเขาไม่ลากิจกัน (เราเลยเปิดระเบียบการลา เเละเเจ้งว่าในระเบียบไม่ได้เขียนไว้) ถึงไม่ได้เขียนไว้ เเต่การเป็นครูผู้ช่วยก็ไม่ควรลากิจเพราะต้องประเมินอย่างเข้ม การลากิจควรลาเมื่อพ่อ เเม่ สามี ภรรยาป่วย ตาย เเต่ทำไมต้องนัดคุยเรื่องหมั้นที่จังหวัด...ทำไมไม่นัดกทม.จะได้ไม่ต้องลา (เราเเจ้งว่า ครอบครัวเราจองเครื่องมาจากภาคใต้ ตั้งใจจะมาเที่ยวอยู่เเล้ว ส่วนครอบครัวเเฟนอยู่อีสาน อยากให้ทั้งสองครอบครัวได้เจอกันในที่บรรยากาศดีๆ ) อันนั่นผอ.ก็เข่าใจ การเป็นครูต้องทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดี อยู่กินกัน ซ้อนท้ายมอไซด์กันเช้าเย็นมันไม่เหมาะสมค่ะ (เราเเจ้งว่าไม่ได้อยู่กินกัน เเต่รับส่งกันจริง หนูซ้อนท้ายเพราะบริสุทธิ์ใจ หนูเเละเเฟนโสดทั้งคู่ )เอาเป็นว่าผอ.อนุญาต
😏ตอนนี้เรารู้สึกเหนื่อย อึดอัด รู้สึกไม่สบายใจ ไม่อยากเดินทาง เเละมีคำถามในหัวเยอะมาก
😏เป็นครูผู้ช่วย ไม่มีสิทธิลากิจ?
😏เราควรจัดการกับความรู้สึกเรายังไง