เส้นทางการมีครอบครัวใหม่ของแม่ลูก 2

สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาว Pantip ทุกคน เราอยากจะมาแชร์เรื่องราวของตัวเองค่ะ เพราะเราคิดว่าเรื่องราวของเรามันเป็นอะไรที่อาจจะมองดูแล้วไม่ยาก แต่สำหรับเรามันก็ไม่ง่ายเช่นกันค่ะ

เริ่มกันเลยนะคะ!!!!

เราเป็นผู้หญิงปกติคนนึงค่ะ เราจะมีความฝันเกี่ยวกับการมีครอบครัวของเรามาตลอดว่าอยากจะมีครอบครัวที่อบอุ่น อยากจะแก่ไปด้วยกัน เวลาไปไหนมาไหนเห็นคนสูงอายุที่เดินจับมือกันแล้วมันอุ่นหัวใจดี แต่ฝันเรามันก้อไม่เวิร์คค่ะ เราผ่านการมีครอบครัวมาพร้อมกับมีลูกชายอีก 2 คน และแน่นอนค่ะการผ่านการมีครอบครัวมาทำให้เราได้สถานะใหม่คือ แม่เลี้ยงเดี่ยว การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวของเรานั้นเราไม่เคยผิดกั้นตัวเองนะคะ เราเชื่อเสมอว่าถ้าผ่านเรื่องราวแย่ๆมา ต่อไปเราจะเจอแต่เรื่องดีๆ อีกทั้งเรายังมีพ่อแม่และครอบครัวทึ่คอยซัพพอร์ทเราตลอด 

เราใช้ชีวิตแม่เลี้ยงเดี่ยวมาได้สักพักค่ะ และวันนึงเราได้เจอกับผู้ชายตาสีฟ้าคนนึง เรากำลังนั่งช็อปปิ้งออนไลน์อย่างเมามันส์อยู่แล้วเค้าก้อทักเราว่า Are you ok?? คุณโอเครึป่าว เราก็เงยหน้าขึ้นมาแบบงง งง ค่ะ เราก็ตอบกลับไปแบบภาษาอังกฤษยังไม่ค่อยแข็งแรงนะคะ ว่า โอ้วววว โอเคค่ะ และเราก็ก้มกลับไปช็อปปิ้งต่อ เค้าก็ถามเราอีกค่ะ ว่าทำไมเธอใช้โทรศัพท์ตลอดเลย เราก็ตอบกลับไปตามภาษาเรานะคะ ว่าเรากำลังช็อปปิ้งออนไลน์อยู่ ตอนนั้นเราก็เริ่มฉุกคิดแล้วว่าเค้าต้องคิดว่าเราไม่มีมารยาทแน่ๆเลยที่มีคนมาทักแล้วยังไม่พูดด้วย ก็เลยเริ่มใช้สกิลภาษาอังกฤษระดับ
3 เต็ม 10 ของเราถามกลับอย่างมั่นใจค่ะ ว่าแล้วคุณล่ะโอเคมั้ย เค้าตอบกลับแบบทันทีทันใดเลยค่ะว่า......ไม่โอเค ตอนนั้นในใจคิดค่ะว่าแล้วชั้นควรจะต้องทำยังไง แต่ด้วยความที่เราก็พอที่จะเป็นคนดีอยู่บ้าง ประกอบกับความเป็นผู้หญิงอยากรู้อยากเห็นของเรา ก็เลยวางโทรศัพท์และถามเลยค่ะว่าทำไมไม่โอเค คุณอยากที่จะเล่าให้ฉันฟังไหม เค้าก็เริ่มเล่าเรื่องราวของตัวเองให้เราฟังค่ะ เรื่องราวของเค้าทำให้เรารู้สึกไปในหลากหลายความรู้สึกในเวลาเดียวกัน เอาเป็นว่าเรื่องราวของเค้าคือการที่เค้าจะต้องเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวให้กับลูกสาว 2 คนนะคะ เรานั่งฟังเค้าเล่าเรื่องราวชีวิตคู่ของเค้าที่อยู่ร่วมกันมา 20 ปีแล้วเรารู้สึกว่าอดีตคู่เราเป็นเบบี๋ไปเลยค่ะ เราคุยกับเค้าอยู่ประมาณ 3 ชั่วโมงได้ หลังจากนั้นเราก็กลับบ้านตามปกติไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น และไม่ได้มีการขอช่องทางการติดต่อใดๆทั้งสิ้น เรากลับบ้านและเล่าให้น้องสาวฟังค่ะ ว่าเราไปเจอผู้ชายคนนึงไม่รู้ทำไมเรารู้สึกชอบผู้ชายคนนี้จังเลย แต่ก็ไม่กล้าที่จะคุยอะไรกับเค้า เพราะเราเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวแถมแพคเกจลูกชายอีก 2 คน ซึ่งส่วนตัวเราไม่เคยคิดและเชื่อว่าจะมีใครที่จะรักเราและลูกเราเหมือนกันที่เรารักคะ หลังจากนั้นด้วยความเป็นผู้หญิงอยากรู้อยากเห็นของเราค่ะ เราก็เริ่มค้นหาเค้าบนเฟสบุ๊คค่ะ ต้องบอกก่อนนะคะร้านที่เราไปเป็นร้านเล็กๆที่จะมีแต่คนเดิมๆที่อยู่ย่านนั้นที่จะมาดื่มกันที่ร้านนี้ค่ะ เราก็เริ่มค้นหาเพื่อนจากชื่อร้านก่อนเลยค่ะ ดูไปเรื่อยๆเราก็ไปเจอเฟสบุ๊คเค้า ไม่รอช้าค่ะแอบส่องก่อน ยังไม่เพิ่มเพื่อนนะคะ เดี๋ยวเค้ารู้ตัวค่ะ หลังจากเราส่องเค้าเราก็ยิ่งรู้สึกว่าเราชอบเค้าแบบจิงจังเลยค่ะ ดูรูปของเค้ากับครอบครัวเรารู้สึกได้เลยว่าผู้ชายคนนี้ต้องเหมือนพ่อชั้นแน่ๆ (ความฝันอีกอย่างคืออยากได้ผู้ชายแบบพ่อเราเลยค่ะ) เราก็เลยรอจังหวะค่ะ ทิ้งระยะเวลาสักพักแล้วก็ขอเพิ่มเพื่อนไป หลังจากนั้นเราก็ได้เจอเค้าบ้างเป็นครั้งคราวนะคะ แต่จะเป็นการเจอตามร้านอาหาร ร้านกาแฟแทนค่ะ เราก็ทักทายกันปกตินะคะ แต่จะเป็นเราที่รู้สึกแปลกค่ะเวลาที่เจอเค้า เนื่องจากตอนนั้นเรามีคนที่คุยอยู่เช่นกันค่ะ ซึ่งเวลาเราเจอเค้าก็จะเจอเรากินข้าวกับคนคุยเป็นประจำ ซึ่งเราก็เลยไม่ค่อยอยากจะให้เค้าเห็นเรากับใครสักเท่าไหร่ค่ะ หลังจากนั้นเราก็ได้มีการอัพเดทเรื่องของเค้าให้น้องสาวฟังค่ะ น้องสาวเลยบอกว่าให้เราทักไปหาเค้าเลย แต่เราไม่กล้าค่ะ บอกเลยว่าไม่กล้าจริงๆค่ะ เพราะภาษาเราก็ไม่ค่อยจะแข็งแรงเท่าไหร่ อีกทั้งเค้าก็พูดไทยไม่ได้เลย จนอยู่มาวันนึงค่ะ คนคุยของเราต้องกลับไปอยู่ ตปท. แบบถาวรเนื่องจากสภานณ์การโควิด เราก็ใช้ชีวิตของเราตามปกตินะคะ อยู่ๆก็มีข้อความของคุณผู้ชายตาสีฟ้าก็เด้งมาในกล่องข้อความเราค่ะ เค้าพิมมาบอกเราว่าเค้าได้ยินว่าคนคุยของเราต้องกลับไป ตปท. เค้าอยากได้ความแน่ใจว่าเราโอเคมั้ย เรานี่แอบดีใจและก็แอบคิดเองในใจค่ะ ว่าเทอต้องมีใจให้ชั้นแน่ๆเลย ก็เลยตอบกลับไปแบบไว้เชิงค่ะ ว่าชั้นโอเคมาก และเค้าก็อ่านค่ะ......แต่ไม่ตอบ 555 อีชั้นก็เลยงงค่ะ ว่าเอ๊ะ!!!! หรือชั้นจะคิดไปเอง หลังจากนั้นก็ไม่เจอเค้าอีกเลยค่ะ จนเวลาผ่านไปนานพอดูเลยค่ะ ก็ไม่ได้เจอเค้าอีกเลย จนวันนึงอิชั้นก็มีอันต้องไปธุระที่ห้างแบบมิไม่ได้วางแผนไว้ ก็เลยไปแบบหน้าสด เบ้าตาดำ แต่งตัวบ้านๆ กางเกงเล เสื้อยืดตัวใหญ่ๆ รองเท้าแตะหนีบ วันไหนที่เราไปไหนแบบบ้านๆเราก็มักจะเจอคนที่เราไม่คาดคิดใช่ไหมคะ วันนั้นเราบังเอิญเจอคุณผู้ชายตาสีฟ้าค่ะทุกคน เรากำลังขึ้นบันไดเลื่อน ส่วนเค้ากำลังลงบันไดเลื่อน เราเงยหน้าขึ้นไปเจอหน้าเค้าป๊ะกะหน้าเราพอดีค่ะ ด้วยความเป็นตัวของตัวเองอิชั้นก็โบกไม้โบกมือแบบเต็มที่ให้เค้าไปเลย เค้าก้อดูตกใจในปฎิกิริยาของเราแล้วก็โบกมือพร้อส่งยิ้มให้ค่ะ เป็นการเจอกันเพียง 5 วินาทีค่ะ แต่ 5 วินาทีนี้ทำให้เค้าทักมาหาเค้าค่ะ ว่าเค้าเกือบจำเราไม่ได้ เพราะว่าสีผมของเรา แล้วเค้าก็บอกขอโทษเราที่ไม่ได้หยุดคุยกับเราเนื่องจากเดินตามลูกๆอยู่ค่ะ เราก็คุยกับแบบนิดๆหน่อยค่ะ แต่เค้าก็ลงท้ายว่าสีผมนี้มันทำให้เราดูสวยมากเลยค่ะ ตอนนั้นอิชั้นก็เยินยอตัวเองไปอีกระดับค่ะว่าสวยจนเทอต้องมีใจให้ชั้นแน่เลย การแชทกันของเราทุกครั้งมันจะสั้นมากๆเลยค่ะ จนเราไม่กล้าที่จะพูดคุยอะไรมากกับเค้า หลังจากนั้นก็หายไปค่ะไม่ได้มีการพูดคุยหรือติดต่อกันใดๆ แต่เค้าก็มีการเข้ามาดูสตอรี่ในเฟสบุ๊คเราตลอดนะคะ ทุกโพสต์ทุกสตอรี่ แต่เราไม่เคยเห็นเค้าโพสต์อะไรเลยค่ะตั้งแต่ขอเค้าเป็นเพื่อนไป ผ่านไปอีกประมาณ 1 ปี เพื่อนพี่ชายเราเป็นฝรั่งจะย้ายมาทำงานที่ไทยค่ะ พี่ชายก็จัดหาบ้านเช่าและให้เราช่วยเป็นคนดูแลเพื่อนนางในช่วงแรกที่ย้ายมา บ้านที่พี่ชายเราหาให้เพื่อนนางก็อยู่ในซอยเดียวกันและหมู่บ้านเดียวกันกับคุณผู้ชายตาสีฟ้านี้แหละค่ะ เราก็ได้แต่แอบคิดว่าถ้ามีโอกาสคงได้เจอ เราก็ไปมาหาสู่บ้านเพื่อนพี่ชายเราอยู่ร่วมเดือนค่ะ ไปหานางทุกวันตอนเย็นหลังเลิกงาน เสาร์อาทิตย์ก็หานางค่ะ และวันที่อิชั้นคิดก็มาถึง เหมือนเดิมค่ะเราไปบ้านเพื่อนของพี่ชายและเราก็เจอเด็กผู้หญิง 2 คนนั่งอยู่หน้าบ้านเพื่อนพี่ชายเราจำได้ทันทีเลยว่าเป็นลูกสาวของคุณผู้ชายตาสีฟ้า เด็กๆ โบกมือทักทายเรา เราก็ทักทายกลับค่ะ ตกดึกเราก็คิดแล้วว่าจะลองทักไปดีไหมน๊า สรุปก็ทักไปค่ะ ว่าวันนี้เรารู้สึกเหมือนเราเห็นลูกสาวของคุณในหมู่บ้านนี้ ตรงนี้นะแจ้งรายละเอียดเค้าไป เค้าก็ตอบกลับมาค่ะว่าใช่เลย แล้วทำไมไม่มาทักทายเค้าบ้างบ้านเค้าอยู่ตรงข้ามบ้านเพื่อนพี่ชายเรานี่เองค่ะ ตอบนั้นเราก้อแบบยิ้มในใจนะคะ ว่าหึ หึ ชั้นจะได้เจอเทออีกบ่อยๆหรออออ จากวันนั้นเราก็ไปบ้านเพื่อนพี่ชายอีกค่ะ แต่ครั้งนี้เรามีอโวคาโดไปฝากเค้าด้วยค่ะ จริงๆก็ฝากทั้งสองบ้านค่ะ เราก็ทักเค้าไปก่อนว่าวันนี้จะไปบ้านเพื่อน พอดีได้อโวคาโดมาจะเอาไปฝากเค้าด้วยค่ะ เค้าก็บอกโอเค มาแล้วทักมา ตอนเย็นเราก็ทักเค้าไปค่ะว่าเรามาถึงแล้วนะเดี๋ยวจะเดินเอาไปให้ พอเราเดินไปหน้าบ้านเค้าเราแอบตกใจนิดนึงค่ะ เค้าบอกยืนตรงนั้นแหละไม่ต้องเข้ามา เราก็คือเอ๋อเลยค่ะ แต่ก็มีการพูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบกันไปมา ตอนที่คุยกะเค้าเราตื่นเต้นมากค่ะ พูดวกไปวนมากับภาษาอังกฤษสกิลดีขึ้นมานิดนึงจากการได้พูดคุยกับเพื่อนพี่ชายบ่อยๆ เค้าก็ดูหน้างง งงกับบางคำที่เราพูด เราประหม่าจนทนไม่ไหวเลยบอกเค้าว่าขอตัวกลับบ้านก่อนลูกๆรอค่ะ เรากำลังจะเดินเอาอโวคาโด้เข้าไปยื่นให้เค้า เค้าบอกวางไว้ตรงนั้นแหละ เราชะงักพร้อมกับเอ๋อรอบที่สอง เราก็เลยวางไว้กลางถนนแล้วบ๊ายบายไปค่ะ หลังจากนั้นก็ยังไม่มีอะไรเกิดค่ะ 555 สตอรี่นี้ค่อนข้างยาวนิดนึงนะคะ แต่เราว่าการมีความสัมพันธ์ใดๆเกิดขึ้นโดยมีสตอรี่เป็นเรื่องราวที่น่าจดจำค่ะ แอบนอกเรื่องมาต่อค่ะ หลังจากนั้นเราก็ยังไปหาเพื่อนพี่ชายเราบ่อยเหมือนเดิมค่ะ แต่ก็ไม่เคยเจอเค้า จนวันนึงเราโพสต์สตอรี่กับเพื่อนพี่ชายนางก็เข้ามาคอมเม้นว่าทำไมมาไม่บอกเลยจะได้มาทักทายกันบ้าง เราก็ตอบไปแบบปกติค่ะว่าคิดว่าไม่อยู่บ้าน เห็นบ้านเงียบๆรอบหน้าจะทักไปก็แล้วกัน หลังจากนั้นเราไปอีกค่ะแต่ก็ไม่ได้ทักเค้าไป แต่เรากลับมาทักเค้าตอนที่เราถึงบ้านเรา และนี้คือการคุยกันจริงจังเป็นครั้งแรกค่ะ เราเริ่มทักเค้าไปว่าวันนี้ไปบ้านเพื่อนแต่ไม่ได้ทักไปเพราะรู้สึกว่ามืดแล้วไม่อยากกวนต่างๆนาๆ ยกคำพูดที่จะเยินยอในความเป็นหญิงไทยของเรามาค่ะ แชทกันได้สักพักก็คือดึกมากแล้วก็คุยกันว่าโอเคจะแยกย้ายไปนอน ด้วยความที่เราก็มีความเป็นหญิงไทยที่ตลกปกฮาบ้างเป็นครั้งคราวก็เลยถามเค้าเลยค่ะว่า ก่อนนอนเธออยากเห็นฉันใส่ชุดบิกินี่ไหม เล่าถึงตอนนี้ก็ยังนั่งขำตัวเองอยู่เลยค่ะ เค้าก็ตอบกลับมาทันทีเลยว่า แน่นอนนนนนน เราก็ส่งรูปไปเลยค่ะ เป็นรูปการ์ตูนหมีแพนด้าใส่บิกินี่สีชมพู หลังจากเจอบิกินี่อิชั้นเข้าไปไม่หลับไม่นอนแล้วค่ะ คุยกันยาวยันตี 3 การคุยครั้งนี้อิชั้นก็ได้สนิทกับ google แปลภาษาไปเลยค่ะ เค้าก็เปิดใจกับเราเลยค่ะ เค้าบอกกับเราว่าเทอรู้ไหมว่าเค้าชอบเรามาตั้งแต่ครั้งแรกที่คุยกัน โอ้วมายก๊อดดดดด ตอนนั้นอิชั้นคือนอนยิ้มกว้างคนเดียวท่ามกลางลูกชายนอนขนาบข้างอยู่ เค้าบอกกับเราว่าเค้าไม่กล้าที่จะยุ่งกับเราเพราะเราสวยเกินไปสำหรับเค้า อิชั้นนี่เกิดความมั่นใจในฟามสวยขึ้นไปอีก 10 ระดับ แล้วเราก็มารู้ตอนหลังจากเพื่อนๆอีกหลายคนของเค้าว่าเค้ามีการโชว์รูปเราในเฟสบุ๊คให้เพื่อนๆดูและถามว่าจะทำยังไงเพื่อให้ได้ผู้หญิงคนนี้มาเป็นของเค้า การคุยกันครั้งแรกเค้าก็ถามเราค่ะว่าเค้าจะขออนุญาตทักมาคุยกับเราได้ไหม เราก็ตอบแบบไม่ต้องคิดเลยค่ะ ทักได้ตล๊อดตลอดจ้า หลังจากครั้งแรกเค้าก็ทักมาคุยกับเราแบบแทบจะตลอดเวลาที่มีโอกาศจะพิมมาได้ค่ะ และเราก็ตัดสินใจที่จะไปเดทกันครั้งแรกค่ะ การเดทกันครั้งแรกเราตกลงกันว่าเราจะเดิทกันไปในสถานะเพื่อนเท่านั้น เพราะเราทั้งสองมีลูกค่ะ เราทั้งสองคิดเหมือนกันว่าเราต้องนึกถึงลูกก่อนเป็นหลัก เพราะเราไม่รู้ว่าลูกๆจะรู้สึกยังไงถ้าพ่อแม่จะมีความสัมพันธ์ใหม่ ลูกจะรู้สึกถูกแย่งความรักหรือไม่ คิดกันไปต่างๆนาๆ แต่เราทั้งคู่มีความคิดในเรื่องลูกที่เหมือนกัน การเดทกันของเราดีมากค่ะ เราไม่ได้ไปไหนด้วยกันบ่อยนัก จะกินข้าวกันก็จะเจอกันได้แค่ตอนเลิกงานวันละ 2-3 ชม. เพราะแต่ละคนก็ต้องกลับไปดูลูก แต่การเจอกันแต่ละครั้งของเรามันดีมากๆเลยค่ะ ส่วนใหญ่เราจะคุยกันเรื่องลูก แชร์วิธีการเลี้ยงลูก แชร์เรื่องราวต่างๆในชีวิต เรียนรู้กันและกัน แต่เราทั้งสองคนกลัวสิ่งเดียวกันค่ะ กลัวการเริ่มใหม่ กลัวว่าจะไม่ไปถึงจุดหมาย กลัวว่าจะล้มเหลวเหมือนครั้งแรกเราทั้งสองเข้าใจในสถานะของเรากันดีค่ะ ส่วนตัวเราคิดว่าเราคบกันไปแบบเพื่อนแบบนี้ก็ดี แต่การที่เราได้มีคนที่เราไปไหนมาไหนแล้วบอกสถานะได้มันก็ดี หลังจากเราเดทกันได้ประมาณ 2 เดือน เรารู้สึกเซอไพรส์มากค่ะ เพราะเค้าเป็นคนที่มีความกลัวการเริ่มใหม่มากกว่าเราสะอีก เค้าถามเราว่า เธิอยากลองมาคบกันชั้นไหม เราก็ไม่แน่ใจในคำถามนะคะตอนนั้น ก็เลยถามกลับไปว่าแน่ใจแล้วหรอ เค้าก็ตอบกลับมาค่ะว่าคิดมาแล้ว แน่ใจแล้ว เราก็เลยตอบเค้าว่างั้นลองดูค่ะ หลังจากนั้นเราก็เริ่มคบกันและเริ่มวางแผนที่จะพาลูกๆมาเจอกันค่ะ 

เดี๋ยวจะมาเล่าในกระทู้ต่อไปนะคะ ว่าเราทั้งสองคนทำยังไง แต่บอกได้เลยค่ะ ตอนนี้เราแต่งงานเป็นที่เรียบร้อยและชีวิตครอบครัวตอนนี้มีความสุข พร้อมกับอยากบอกคุณแม่หรือคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวคนอื่นเช่นกันค่ะ ว่าอย่าคิดว่าการมีลูกติดเราจะไม่สามารถเจอคนดีๆได้ คนดีๆมีเยอะค่ะ เราทำดี คิดดี เดี๋ยวโลกก็จะเหวี่ยงคนดีๆมาหาเราในเวลาที่เหมาะสมค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่