-
ต้นสายปลายเหตุเกิดจาก คราวที่ลองสืบค้นเกี่ยวกับ รายได้ภาพยนตร์ชื่อ Wonka
แล้วค้นพบกระทู้ ในเว็บบอร์ดต่างประเทศ (reddit) อันมีข้อมูลเกี่ยวกับ Box Office (รายได้หนัง) โดยรวมของ ค.ศ. 2023 หลายอย่าง
เป็นต้นว่า box office ของ [อเมริกาเหนือ] ทั้งปีดังกล่าว รวมทั้งหมด, จะไม่ทะลุ 9 พันล้านดอลลาร์
ซึ่งครั้งสุดท้าย ที่ต่ำกว่า 9 พันล้านงี้ (แบบไม่ปรับค่าเงิน ตามเวลา) คือค.ศ. 2005
แต่ถ้าปรับค่าเงิน, จะพบว่าตัวเลขนี้ อยู่ระดับเดียวกับ เมื่อปี 1987 (ที่ Beverly Hills Cop II ฉาย) โน่น
-
นั่นคือข้อมูล เพียงไม่กี่สัปดาห์ ก่อนสิ้นปี, และลงท้าย
รายได้ทั้งหมดในบ้าน ของหนังฮอลลีวูด, ข้ามผ่าน 9 พันล้าน
แต่ถึงอย่างนั้น ยอดค่าขายตั๋วต่อปี ที่สูงสุดหลัง วิกฤติโรคระบาดนี่
ยังคงต่ำกว่า ยอดรวมก่อน เหตุระบาดใหญ่, ตั้ง 2 พันล้าน
-
ยิ่งเมื่อรวมกับข้อมูลว่า แค่เงินจาก ภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุด 200 เรื่อง (จาก 910) ในปี 2019
ก็คิดเป็น 98% ของบ็อกซ์ออฟฟิศทั้งหมด ในปีที่แล้ว (2023)
และกลับกัน ยอดสะสมแต้มบุญหลัก (10% ของบ็อกซ์ออฟฟิศ เมกา) ปีก่อน, ดันเกิดจาก หนังเพียง 2 เรื่อง (Barbie กะ Oppenheimer)
เราจึงระบุได้ว่า ตลาดงานบันเทิงหลัก ที่ฟากขะโน้นของโลก, ยังคงติดคาอยู่ ในช่วงขาลง แม้โควิดสร่างซา
-
เกิดคำถามตามมา ในหัวผมว่า, หนังฝรั่งมาถึงจุดนี้ ได้อย่างไร และจะไปทางไหนต่อ ?
ก่อนพบว่า ณ กระทู้ reddit ข้างต้น, มีคนพิมพ์บอกว่า สถานการณ์ปัจจุบัน
มันคล้ายช่วงตกต่ำ, ก่อนดีดกลับ เข้าสู่จุดพีค ที่ยุคฮอลลีวูดใหม่ (New Hollywood)
ทำให้ลองไป คุ้ยโน่นนี่ หาคำอธิบาย, ว่าไอ้นิวฮอลลีวูดนี่ คืออีหยัง ?
จนตระหนักว่า คำตอบอาจอยู่ใน, ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ของ "ฮอลลีวูด"
-
-
-
ฮอลลีวูด คืออันใด ? ทำไมมันเป็น คำเรียกหนังฝรั่ง ?
-
เพื่อผู้ยังใหม่ สำหรับเรื่องทำนองนี้ จะเข้าใจได้ด้วย, จึงขอเริ่มจากการ อรรถาธิบาย พื้นฐานของพื้นฐานก่อน
ความจริงวงการภาพยนตร์ ของคนขาว, มันก็แยกตามโซน ตามประเทศ
แต่สำหรับ แหล่งผลิตใหญ่สุด มีผลงานแบบที่, ฉายให้ชาวบ้าน แถวไหน (ทั่วโลก) ได้ดู
ก็ยังมีโอกาส ทำเงินยิ่งกว่าเจ๊งสูง (โดยทั่วไป), หนีไม่พ้นคอนเทนท์ จาก 'ฮอลลีวูด' ของสังคมเมกานี่แหละ
-
แต่ตามจริง ฮอลลีวูดคือชื่อ "สถานที่" ย่านนี้ตั้งอยู่, ในเมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
เบเวอร์ลี่ฮิลส์ (Beverly Hills) ที่มีหนังชื่อนี้เอง, ก็ตั้งอยู่ข้างเคียง ทางตะวันตก
สาเหตุที่พวก นักทำหนังยุคบุกเบิก (ต้นทศวรรษ 1900) โยกย้ายมาปักหลัก เปิดศูนย์บัญชาการ (โรงถ่าย) แถบเนี้ย
เห็นว่าเพราะฮอลลีวูด อากาศดี มีความแดดจ้า, ภูมิประเทศหลากหลาย และมีตลาดแรงงานใหญ่
-
ณ ปี 1908 หนึ่งในภาพยนตร์ (ขาวดำ) ที่บอกเล่าเรื่องราว, เรื่องแรก ๆ ของโลก
อย่าง The Count of Monte Cristo, สร้างเสร็จ ตรงฮอลลีวูด (หลังจากเริ่มถ่ายทำ แถวชิคาโก)
และเพื่อไม่ให้ บทความยาว โดยใช่เหตุ, ขอสรุปข้าม รายละเอียด บอกเพียงว่า
เหล่านักทำหนัง มารวมตัวกันจุดนี้ มากขึ้นเรื่อย ๆ, พร้อมกับพัฒนา เทคนิคการผลิตภาพยนตร์ไปด้วย
-
-
-
ยุคทอง (1927-1948)
-
อเมริกาเปล่าคลุกคลี ในเหตุการณ์สงครามโลก ครั้งที่ 1, การพัฒนาเรื่องพวกนี้ช่วงนั้น จึงราบรื่น
เมื่อมาถึงปีเดียวกับที่ สงครามโลกครั้งที่ 2 เปิดฉาก, ทางโน้นก็ประสบ ความสำเร็จอย่างจัง
กับหนึ่งในผลผลิตจาก ยุคทอง (Golden Age) ของฮอลลีวูด, แบบ Gone with the Wind
แต่ความสำเร็จนั่น อาจมีส่วนจาก, การแข่งขันที่ไม่สูง
ด้วยวงการ ถูกผูกขาด โดย 5 สตูดิโอขาใหญ่ (The Big Five Studios)
-
5 ค่ายยักษ์ ที่เคยคุมกระทั่งโควต้า รอบฉายหนังไว้ ได้แก่
พาราเมาท์ (Paramount Pictures), เมโทรโกลด์วินเมเยอร์ (Metro Goldwyn Mayer),
ทเวนตี้เซนจูรี่ฟ็อกซ์ (20th Century Fox Pictures), วอร์เนอร์ (Warner Bros. Pictures) และอาร์เคโอ เรดิโอ พิคเจอร์ส (RKO Radio Pictures)
เอ้อ แต่ยังมีค่ายเล็ก, ที่พอแจ้งเกิด ช่วงนู้นไหว 3 เจ้านะ
คือยูนิเวอร์แซล (Universal Pictures), โคลัมเบีย (Columbia Picture) และ ยูไนเต็ดอาร์ทติส (United Artists) ของชาร์ลี แชปลิน (นักแสดงตลก & ผู้กำกับ)
-
ยุครุ่งเรือง ยิงยาว 20 ปี, ก่อนที่จะ ชักเสื่อมลง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
และการพังทลายเริ่มต้น ตอนคนมะกัน เข้าโหมดเห่อ "โทรทัศน์"
ทั้งนี้อาจเพราะ หนังแบบซีเรียล (Serial film) ที่เคยเป็นแนวนึง
มันเหมือนละคร, จนความนิยมแนวนั้น ค่อย ๆ ถดถอย แล้วเลือนหายไปด้วย
(ลองนึกภาพตามว่า, เคยมีหนังที่ ฉายในโรง ตอนละ 10 กว่านาที ตั้ง 100 กว่าตอนสิ)
-
-
-
ช่วงเปลี่ยนผ่าน
-
เพื่อเผชิญหน้ากับ ความนิยมของโทรทัศน์ (ที่เมกา) ในทศวรรษ 1950
พวกสตูดิโอผู้ผลิตภาพยนตร์ เสนอขายสิ่งที่เหล่าผู้ชม, ไม่สามารถ พบเจอที่อื่น
เช่น ลูกเล่นสีสัน อันแจ่มแมว (เทคนิคคัลเลอร์), จอแนวกว้าง (ไวด์สกรีน), ระบบเสียงแจ๋ว (สเตอริโอ) หรือความลึกแหกพุ่ง มุ่งเข้าลูกตาแบบ 3-D (3 มิติ)
ด้านแนวทาง ของผลงาน ก็มุ่งเน้น การเทงบใส่, พวกมหากาพย์ และละครเพลงทางประวัติศาสตร์
หนังฝรั่งมาถึงจุดนี้ ได้อย่างไร และจะไปทางไหนต่อ ? คำตอบอาจอยู่ใน ประวัติโดยย่อของ "ฮอลลีวูด" (by Filmaneo)
ต้นสายปลายเหตุเกิดจาก คราวที่ลองสืบค้นเกี่ยวกับ รายได้ภาพยนตร์ชื่อ Wonka
แล้วค้นพบกระทู้ ในเว็บบอร์ดต่างประเทศ (reddit) อันมีข้อมูลเกี่ยวกับ Box Office (รายได้หนัง) โดยรวมของ ค.ศ. 2023 หลายอย่าง
เป็นต้นว่า box office ของ [อเมริกาเหนือ] ทั้งปีดังกล่าว รวมทั้งหมด, จะไม่ทะลุ 9 พันล้านดอลลาร์
ซึ่งครั้งสุดท้าย ที่ต่ำกว่า 9 พันล้านงี้ (แบบไม่ปรับค่าเงิน ตามเวลา) คือค.ศ. 2005
แต่ถ้าปรับค่าเงิน, จะพบว่าตัวเลขนี้ อยู่ระดับเดียวกับ เมื่อปี 1987 (ที่ Beverly Hills Cop II ฉาย) โน่น
-
นั่นคือข้อมูล เพียงไม่กี่สัปดาห์ ก่อนสิ้นปี, และลงท้าย
รายได้ทั้งหมดในบ้าน ของหนังฮอลลีวูด, ข้ามผ่าน 9 พันล้าน
แต่ถึงอย่างนั้น ยอดค่าขายตั๋วต่อปี ที่สูงสุดหลัง วิกฤติโรคระบาดนี่
ยังคงต่ำกว่า ยอดรวมก่อน เหตุระบาดใหญ่, ตั้ง 2 พันล้าน
-
ยิ่งเมื่อรวมกับข้อมูลว่า แค่เงินจาก ภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุด 200 เรื่อง (จาก 910) ในปี 2019
ก็คิดเป็น 98% ของบ็อกซ์ออฟฟิศทั้งหมด ในปีที่แล้ว (2023)
และกลับกัน ยอดสะสมแต้มบุญหลัก (10% ของบ็อกซ์ออฟฟิศ เมกา) ปีก่อน, ดันเกิดจาก หนังเพียง 2 เรื่อง (Barbie กะ Oppenheimer)
เราจึงระบุได้ว่า ตลาดงานบันเทิงหลัก ที่ฟากขะโน้นของโลก, ยังคงติดคาอยู่ ในช่วงขาลง แม้โควิดสร่างซา
-
เกิดคำถามตามมา ในหัวผมว่า, หนังฝรั่งมาถึงจุดนี้ ได้อย่างไร และจะไปทางไหนต่อ ?
ก่อนพบว่า ณ กระทู้ reddit ข้างต้น, มีคนพิมพ์บอกว่า สถานการณ์ปัจจุบัน
มันคล้ายช่วงตกต่ำ, ก่อนดีดกลับ เข้าสู่จุดพีค ที่ยุคฮอลลีวูดใหม่ (New Hollywood)
ทำให้ลองไป คุ้ยโน่นนี่ หาคำอธิบาย, ว่าไอ้นิวฮอลลีวูดนี่ คืออีหยัง ?
จนตระหนักว่า คำตอบอาจอยู่ใน, ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ของ "ฮอลลีวูด"
-
-
-
เพื่อผู้ยังใหม่ สำหรับเรื่องทำนองนี้ จะเข้าใจได้ด้วย, จึงขอเริ่มจากการ อรรถาธิบาย พื้นฐานของพื้นฐานก่อน
ความจริงวงการภาพยนตร์ ของคนขาว, มันก็แยกตามโซน ตามประเทศ
แต่สำหรับ แหล่งผลิตใหญ่สุด มีผลงานแบบที่, ฉายให้ชาวบ้าน แถวไหน (ทั่วโลก) ได้ดู
ก็ยังมีโอกาส ทำเงินยิ่งกว่าเจ๊งสูง (โดยทั่วไป), หนีไม่พ้นคอนเทนท์ จาก 'ฮอลลีวูด' ของสังคมเมกานี่แหละ
-
แต่ตามจริง ฮอลลีวูดคือชื่อ "สถานที่" ย่านนี้ตั้งอยู่, ในเมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
เบเวอร์ลี่ฮิลส์ (Beverly Hills) ที่มีหนังชื่อนี้เอง, ก็ตั้งอยู่ข้างเคียง ทางตะวันตก
สาเหตุที่พวก นักทำหนังยุคบุกเบิก (ต้นทศวรรษ 1900) โยกย้ายมาปักหลัก เปิดศูนย์บัญชาการ (โรงถ่าย) แถบเนี้ย
เห็นว่าเพราะฮอลลีวูด อากาศดี มีความแดดจ้า, ภูมิประเทศหลากหลาย และมีตลาดแรงงานใหญ่
-
ณ ปี 1908 หนึ่งในภาพยนตร์ (ขาวดำ) ที่บอกเล่าเรื่องราว, เรื่องแรก ๆ ของโลก
อย่าง The Count of Monte Cristo, สร้างเสร็จ ตรงฮอลลีวูด (หลังจากเริ่มถ่ายทำ แถวชิคาโก)
และเพื่อไม่ให้ บทความยาว โดยใช่เหตุ, ขอสรุปข้าม รายละเอียด บอกเพียงว่า
เหล่านักทำหนัง มารวมตัวกันจุดนี้ มากขึ้นเรื่อย ๆ, พร้อมกับพัฒนา เทคนิคการผลิตภาพยนตร์ไปด้วย
-
-
อเมริกาเปล่าคลุกคลี ในเหตุการณ์สงครามโลก ครั้งที่ 1, การพัฒนาเรื่องพวกนี้ช่วงนั้น จึงราบรื่น
เมื่อมาถึงปีเดียวกับที่ สงครามโลกครั้งที่ 2 เปิดฉาก, ทางโน้นก็ประสบ ความสำเร็จอย่างจัง
กับหนึ่งในผลผลิตจาก ยุคทอง (Golden Age) ของฮอลลีวูด, แบบ Gone with the Wind
แต่ความสำเร็จนั่น อาจมีส่วนจาก, การแข่งขันที่ไม่สูง
ด้วยวงการ ถูกผูกขาด โดย 5 สตูดิโอขาใหญ่ (The Big Five Studios)
-
5 ค่ายยักษ์ ที่เคยคุมกระทั่งโควต้า รอบฉายหนังไว้ ได้แก่
พาราเมาท์ (Paramount Pictures), เมโทรโกลด์วินเมเยอร์ (Metro Goldwyn Mayer),
ทเวนตี้เซนจูรี่ฟ็อกซ์ (20th Century Fox Pictures), วอร์เนอร์ (Warner Bros. Pictures) และอาร์เคโอ เรดิโอ พิคเจอร์ส (RKO Radio Pictures)
เอ้อ แต่ยังมีค่ายเล็ก, ที่พอแจ้งเกิด ช่วงนู้นไหว 3 เจ้านะ
คือยูนิเวอร์แซล (Universal Pictures), โคลัมเบีย (Columbia Picture) และ ยูไนเต็ดอาร์ทติส (United Artists) ของชาร์ลี แชปลิน (นักแสดงตลก & ผู้กำกับ)
-
ยุครุ่งเรือง ยิงยาว 20 ปี, ก่อนที่จะ ชักเสื่อมลง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
และการพังทลายเริ่มต้น ตอนคนมะกัน เข้าโหมดเห่อ "โทรทัศน์"
ทั้งนี้อาจเพราะ หนังแบบซีเรียล (Serial film) ที่เคยเป็นแนวนึง
มันเหมือนละคร, จนความนิยมแนวนั้น ค่อย ๆ ถดถอย แล้วเลือนหายไปด้วย
(ลองนึกภาพตามว่า, เคยมีหนังที่ ฉายในโรง ตอนละ 10 กว่านาที ตั้ง 100 กว่าตอนสิ)
-
-
-
เพื่อเผชิญหน้ากับ ความนิยมของโทรทัศน์ (ที่เมกา) ในทศวรรษ 1950
พวกสตูดิโอผู้ผลิตภาพยนตร์ เสนอขายสิ่งที่เหล่าผู้ชม, ไม่สามารถ พบเจอที่อื่น
เช่น ลูกเล่นสีสัน อันแจ่มแมว (เทคนิคคัลเลอร์), จอแนวกว้าง (ไวด์สกรีน), ระบบเสียงแจ๋ว (สเตอริโอ) หรือความลึกแหกพุ่ง มุ่งเข้าลูกตาแบบ 3-D (3 มิติ)
ด้านแนวทาง ของผลงาน ก็มุ่งเน้น การเทงบใส่, พวกมหากาพย์ และละครเพลงทางประวัติศาสตร์