พอนึกถึงรถยนต์ EV ก็ทำให้รู้สึกนึกถึง โทรศัพท์มือถือขึ้นมา
ผมมือรุ่นใหม่ๆ จะเป็นระบบปฏิบัติการ ไม่ว่าจะเป็น android หรือ ios ก็ตาม แต่ลองมาพิจารณาดูในส่วนของ Hardware และซอร์ฟแวร์ เมื่อเทียบกับมือถือรุ่นเก่าๆ เช่น รุ่นปุ่มกด nokia 3310 ในสมัยก่อน จะเห็นว่า มือถือสมัยก่อนค่อนข้างทนทาน ถ้าไม่นับเรื่องเปลี่ยนรุ่นเพื่อความทันสมัย ไม่นับเรื่องแบต จะเห็นความแตกต่างเรื่อง ระยะเวลาการใช้งานได้ทันที ระบบไม่รวน ไม่ค้าง ตกก็ไม่แตก เมื่อเทียบกับมือถือสมัยใหม่ พอใช้มานานประมาณ 5 ปี ก็จะเจอปัญหา เครื่องรวน ค้าง แอปไม่รองรับรุ่นเก่าบ้าง เวอร์ชั่น android พัฒนาแต่รุ่นใหม่ๆ รุ่นเก่าไม่อัปเดต ต่อให้ hard reset หรือ format factory ก็ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น ถ้าไม่นับเรื่องแบต ก็เป็นการบ่งบอกว่า ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนมือถือแล้ว เพราะใช้ไปก็หงุดหงิด
ในส่วนของแบตมือถือ ก็เช่นเดียวกัน แบตมือถือพอมันเริ่มเสื่อม ต่อให้ไปซื้อแบตแท้จากศูนย์ ก็ยังรู้สึกว่าแบตมันไม่อึดเหมือนตอนซื้อเครื่องใหม่ พอนานวันไป ก็หาซื้อแบตแท้ไม่ได้แล้ว มีแต่แบตเทียบ ลองไปดูมือถือที่อายุเกิน 10 ปี น่าจะหาซื้อแบตแท้จากศูนย์ไม่ได้แล้ว
ผมก็เลยมามองเรื่องนี้กับรถยนต์ EV คุณคิดว่าในอนาคต เราจะเจอปัญหาพวกนี้กับรถยนต์ EV หรือไม่
ทุกวันนี้แบตก็ยังแพง แน่นอนว่า อนาคตแบตน่าจะมีการพัฒนา ให้มีความจุมากขึ้น ชาร์ตไฟได้เร็วขึ้น ราคาถูกลง บลาๆๆ
แต่คำถามก็คือ แบตผ่านไป 10-20 ปี ยังหาซื้อแบตแท้ได้อยู่หรือเปล่า แล้วแบตที่พัฒนาเป็นรุ่นใหม่ๆ ที่ราคาถูกลง ชาร์ตได้ไวขึ้น จะยังเอามาใส่กับรถรุ่นเก่าๆ ได้หรือเปล่า เพราะตรงนี้ก็เป็นปัจจัยสำคัญ ในเรื่องของ ราคาขายต่อ หรือคนที่จะซื้อมาใช้กันยาวๆ 10 ปี+ เพราะถ้าแบตรุ่นใหม่ๆ ที่พัฒนา ไม่สามารถเอามาใส่กับรถรุ่นเก่าๆ ได้ หรือราคายังแพง มันก็ไม่มีประโยชน์สำหรับรถรุ่นเก่า และนั่นก็ส่งผลกระทบต่อทั้งผู้ใช้ ตลาดมือสอง คนที่คิดจะซื้อมือสอง
แน่นอนว่า ถ้าผมเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ เทคโนโลยีใหม่ๆ ก็ต้องขายกับรุ่นใหม่ๆ เท่านั้น ไม่อย่างนั้นยอดขายของรถรุ่นใหม่ๆ จะเพิ่มขึ้นเยอะสร้างรายได้ให้บริษัทได้ยังไง แบตที่ชาร์ตไฟได้เร็วขึ้น วิ่งได้ไกลขึ้น แบตที่ราคาถูกลง จะทำมาขายกับรถรุ่นเก่าๆ เหรอ
ยังไม่นับรวมเทคโนโลยี ระบบต่างๆ ในรถยนต์ ที่ผ่านไป มันจะรวนไหม มันจะทำงานได้ช้าลง หรือใช้งานไม่ได้ เพราะนักพัฒนาไม่พัฒนาต่อหรือไม่
รถยนต์กับมือถือ แตกต่างกันในเรื่องของราคา คนส่วนใหญ่คงไม่มีใครเปลี่ยนรถยนต์บ่อยเหมือนเปลี่ยนมือถือล่ะมั้ง
นี่คือสิ่งนึงที่ผมจับตาดู ผู้ผลิต ผู้พัฒนารถยนต์ EV อยู่ ว่าจะมีมาตรการอย่างไรในอนาคต
คุณคิดว่าปัญหานี้จะเกิดขึ้นกับรถยนต์ EV ในอนาคตหรือไม่?
ผมมือรุ่นใหม่ๆ จะเป็นระบบปฏิบัติการ ไม่ว่าจะเป็น android หรือ ios ก็ตาม แต่ลองมาพิจารณาดูในส่วนของ Hardware และซอร์ฟแวร์ เมื่อเทียบกับมือถือรุ่นเก่าๆ เช่น รุ่นปุ่มกด nokia 3310 ในสมัยก่อน จะเห็นว่า มือถือสมัยก่อนค่อนข้างทนทาน ถ้าไม่นับเรื่องเปลี่ยนรุ่นเพื่อความทันสมัย ไม่นับเรื่องแบต จะเห็นความแตกต่างเรื่อง ระยะเวลาการใช้งานได้ทันที ระบบไม่รวน ไม่ค้าง ตกก็ไม่แตก เมื่อเทียบกับมือถือสมัยใหม่ พอใช้มานานประมาณ 5 ปี ก็จะเจอปัญหา เครื่องรวน ค้าง แอปไม่รองรับรุ่นเก่าบ้าง เวอร์ชั่น android พัฒนาแต่รุ่นใหม่ๆ รุ่นเก่าไม่อัปเดต ต่อให้ hard reset หรือ format factory ก็ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น ถ้าไม่นับเรื่องแบต ก็เป็นการบ่งบอกว่า ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนมือถือแล้ว เพราะใช้ไปก็หงุดหงิด
ในส่วนของแบตมือถือ ก็เช่นเดียวกัน แบตมือถือพอมันเริ่มเสื่อม ต่อให้ไปซื้อแบตแท้จากศูนย์ ก็ยังรู้สึกว่าแบตมันไม่อึดเหมือนตอนซื้อเครื่องใหม่ พอนานวันไป ก็หาซื้อแบตแท้ไม่ได้แล้ว มีแต่แบตเทียบ ลองไปดูมือถือที่อายุเกิน 10 ปี น่าจะหาซื้อแบตแท้จากศูนย์ไม่ได้แล้ว
ผมก็เลยมามองเรื่องนี้กับรถยนต์ EV คุณคิดว่าในอนาคต เราจะเจอปัญหาพวกนี้กับรถยนต์ EV หรือไม่
ทุกวันนี้แบตก็ยังแพง แน่นอนว่า อนาคตแบตน่าจะมีการพัฒนา ให้มีความจุมากขึ้น ชาร์ตไฟได้เร็วขึ้น ราคาถูกลง บลาๆๆ
แต่คำถามก็คือ แบตผ่านไป 10-20 ปี ยังหาซื้อแบตแท้ได้อยู่หรือเปล่า แล้วแบตที่พัฒนาเป็นรุ่นใหม่ๆ ที่ราคาถูกลง ชาร์ตได้ไวขึ้น จะยังเอามาใส่กับรถรุ่นเก่าๆ ได้หรือเปล่า เพราะตรงนี้ก็เป็นปัจจัยสำคัญ ในเรื่องของ ราคาขายต่อ หรือคนที่จะซื้อมาใช้กันยาวๆ 10 ปี+ เพราะถ้าแบตรุ่นใหม่ๆ ที่พัฒนา ไม่สามารถเอามาใส่กับรถรุ่นเก่าๆ ได้ หรือราคายังแพง มันก็ไม่มีประโยชน์สำหรับรถรุ่นเก่า และนั่นก็ส่งผลกระทบต่อทั้งผู้ใช้ ตลาดมือสอง คนที่คิดจะซื้อมือสอง
แน่นอนว่า ถ้าผมเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ เทคโนโลยีใหม่ๆ ก็ต้องขายกับรุ่นใหม่ๆ เท่านั้น ไม่อย่างนั้นยอดขายของรถรุ่นใหม่ๆ จะเพิ่มขึ้นเยอะสร้างรายได้ให้บริษัทได้ยังไง แบตที่ชาร์ตไฟได้เร็วขึ้น วิ่งได้ไกลขึ้น แบตที่ราคาถูกลง จะทำมาขายกับรถรุ่นเก่าๆ เหรอ
ยังไม่นับรวมเทคโนโลยี ระบบต่างๆ ในรถยนต์ ที่ผ่านไป มันจะรวนไหม มันจะทำงานได้ช้าลง หรือใช้งานไม่ได้ เพราะนักพัฒนาไม่พัฒนาต่อหรือไม่
รถยนต์กับมือถือ แตกต่างกันในเรื่องของราคา คนส่วนใหญ่คงไม่มีใครเปลี่ยนรถยนต์บ่อยเหมือนเปลี่ยนมือถือล่ะมั้ง
นี่คือสิ่งนึงที่ผมจับตาดู ผู้ผลิต ผู้พัฒนารถยนต์ EV อยู่ ว่าจะมีมาตรการอย่างไรในอนาคต