"มาตร" ส่วนใหญ่ที่ได้รับการยอมรับ ในแบบง่ายๆคือ การใช้อัตราส่วน input : output ครับ
พูดง่ายๆ "ลงทุน" ไปเท่าไหร่
ผลลัพธ์ ควรจะได้ ไปเท่านั้น...เป็นอย่างน้อย
เอาล่ะ แต่เนื่องจากเป็นโครงการที่รัฐบาล มีเจตนารมย์ที่ดีในการช่วยเหลือชาวนา
(ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของประเทศ ในเวลาหาเสียงเลือกตั้ง)
รัฐบาลก็ไม่หวังกำรี้กำไรอะไรจากโครงการนี้ ถูกมั๊ยครับ
มันขาดทุนได้ด้วยซ้ำไป โดยชอบธรรมด้วย !
เพราะ เจตนารมย์ คือการ ช่วยชาวนา นี่นา จะต้องไปทำกำรี้กำไรทำไมล่ะ ไม่ได้ค้าขายซะหน่อย...โอเค
แปลว่า ประเทศนี้ กำลังจะ "ช่วยชาวนา" ครับ
แต่เราก็ต้องไม่ลืมว่า ประเทศนี้ มีอีกสารพัด "ชาว"ครับ
ไม่ใช่ชาวนาอย่างเดียว
เรามีอีกมากมายหลาย "ชาว" เหลือเกินในภาคการเกษตร
ชาวประมง ชาวสวนอ้อย สวนยางพารา พืชไร่อีกสารพัก เกษตรกรผู้เลี้ยงหมู เลี้ยงปลา เลี้ยงกุ้ง เลี้ยงไก่ ฯลฯ
มีทั้งภาคอุตสาหกรรมทุกชนิด ผู้คนท้งประเทศ ก็ต่างเสียภาษีมาบำรุงรัฐกันทั้งนั้น
ทุก "ชาว" ที่ว่ามานั้น เป็นผู้เสียภาษีให้รัฐ ทั้งนั้น
แต่รัฐตัดสินใจ อุ้ม "ชาวนา"...ชาวเดียว ...โอเค จำไว้นะ
เวลาท่านอยากจะให้เงินลูกหลาน เนื่องในวันปีใหม่
อยากให้ลูกหลานได้เงินคนละ 100 บาท
ท่านก็เอา 100 บาท คูณด้วยจำนวนของลูกหลาน ถูกมั๊ยครับ
มีเด็ก 10 คน ท่านก็จะเสียเงินไป 1000 บาท
ปรากฏว่า เพียงไม่กี่รอบการผลิต
รัฐบาลขาดสภาพคล่อง จะด้วยการบริหารจัดการกันอย่างไรก็ตาม
ชาวนาไม่ได้เงินค่าข้าวจากใบประทวนที่พวกเขาถืออยู่ (และมีผูกคอตายไปไม่ถึง 10 รายเอง)
สรุป แบบบ้านๆ คือ โรงรับจำนำเจ๊ง
โครงการสุดเจ๋งนี้ก็มีอันต้องล้มไป
ในท้ายที่สุด มีชาวนา ได้รับประโยชน์จากส่วนต่างนี้ ไปมากมายถึง 1แสน8หมื่นล้านบาท
อนุโมทนาสาธุ ยินดีไปกับชาวนาด้วนครับ
อย่างไรก็ตาม รัฐ ได้ใช้เงินไป "เกิน" จาก อีก 1แสน8หมื่นล้าน ไปเป็นจำนวนมหาศาล
จากค่าการจัดการ ต่างๆ รวมถึงดอกเบี้ยเงินกู้ของโครงการ เพราะเราไปกู้เงินเค้ามาแจก "ช่วยชาวนา"
ไม่นับการทุจริต ที่ได้รับการร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะ กรม กระทรวง และเอกชน ที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจน เสี่ยเปี๋ยง อันเป็นที่รักของเรา
มีการสรุปยอดความเสียหายต่อมา ประมาณการ 5.4 แสนล้านบาท (ที่เรายังต้องตามใช้หนี้กันอยู่ถึงทุกวันนี้)
เอ้า ! จับมาเข้าสูตร input : output แบบง่ายๆ
แปลว่า ประเทศใช้เงินไปถึง 5.4 แสนล้านบาท เพื่อให้ชาวนาได้เงินไปเพียง 1.8แสนล้านบาท !
แปลว่า หากท่านจะแจกเงินให้ลูกหลานคนซักละ 100 บาท
ท่านอาจต้องควักกระเป๋าจ่าย 280 บาท คูณจำนวนลูกหลาน เป็นค่าการจัดการ ! ฉลาดมั๊ยครับ
ถามว่ารัฐ ขาดทุนได้มั๊ย เพื่อจะช่วยชาวนา...ได้ครับ มันขาดทุนได้แหงๆ
รับจำนำมาในราคาดาวอังคาร แต่นำไปขายในราคาโลกมนุษย์
มันเจ๊งแน่ๆ
แต่มันควร "เจ๊งยับ" ขนาดนี้มั๊ยครับ
ผมว่า ไม่หรอกครับ หากบริหารจัดการ "ดีๆ" เราไม่ต้องใช้เงินมหาศาล เลอะเทอะ ขนาดนี้
และทุกวันนี้ ในงบประมาณ ปี 2567 ประเทศนี้ ยังต้องจ่ายเงินคืนเจ้าหนี้ จากความเสียหายของโครงการ 3.7 หมื่นล้านบาท
ยังค้างอีก 2.4 แสนล้าน เหนาะๆ
สำเร็จ vs ล้มเหลว ... ก็คิดดูเอาเอง แล้วกันครับ อย่าเชื่ออะไรจขกท.
คิดเอง สรุปเอง เออเอง สบายใจสุดครับ
มโน คือเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์
สวัสดัวันจันทร์ครับ
อะไรคือ "มาตร" ในการวัดความสำเร็จของโครงการจำนำข้าว ?
พูดง่ายๆ "ลงทุน" ไปเท่าไหร่
ผลลัพธ์ ควรจะได้ ไปเท่านั้น...เป็นอย่างน้อย
เอาล่ะ แต่เนื่องจากเป็นโครงการที่รัฐบาล มีเจตนารมย์ที่ดีในการช่วยเหลือชาวนา
(ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของประเทศ ในเวลาหาเสียงเลือกตั้ง)
รัฐบาลก็ไม่หวังกำรี้กำไรอะไรจากโครงการนี้ ถูกมั๊ยครับ
มันขาดทุนได้ด้วยซ้ำไป โดยชอบธรรมด้วย !
เพราะ เจตนารมย์ คือการ ช่วยชาวนา นี่นา จะต้องไปทำกำรี้กำไรทำไมล่ะ ไม่ได้ค้าขายซะหน่อย...โอเค
แปลว่า ประเทศนี้ กำลังจะ "ช่วยชาวนา" ครับ
แต่เราก็ต้องไม่ลืมว่า ประเทศนี้ มีอีกสารพัด "ชาว"ครับ
ไม่ใช่ชาวนาอย่างเดียว
เรามีอีกมากมายหลาย "ชาว" เหลือเกินในภาคการเกษตร
ชาวประมง ชาวสวนอ้อย สวนยางพารา พืชไร่อีกสารพัก เกษตรกรผู้เลี้ยงหมู เลี้ยงปลา เลี้ยงกุ้ง เลี้ยงไก่ ฯลฯ
มีทั้งภาคอุตสาหกรรมทุกชนิด ผู้คนท้งประเทศ ก็ต่างเสียภาษีมาบำรุงรัฐกันทั้งนั้น
ทุก "ชาว" ที่ว่ามานั้น เป็นผู้เสียภาษีให้รัฐ ทั้งนั้น
แต่รัฐตัดสินใจ อุ้ม "ชาวนา"...ชาวเดียว ...โอเค จำไว้นะ
เวลาท่านอยากจะให้เงินลูกหลาน เนื่องในวันปีใหม่
อยากให้ลูกหลานได้เงินคนละ 100 บาท
ท่านก็เอา 100 บาท คูณด้วยจำนวนของลูกหลาน ถูกมั๊ยครับ
มีเด็ก 10 คน ท่านก็จะเสียเงินไป 1000 บาท
ปรากฏว่า เพียงไม่กี่รอบการผลิต
รัฐบาลขาดสภาพคล่อง จะด้วยการบริหารจัดการกันอย่างไรก็ตาม
ชาวนาไม่ได้เงินค่าข้าวจากใบประทวนที่พวกเขาถืออยู่ (และมีผูกคอตายไปไม่ถึง 10 รายเอง)
สรุป แบบบ้านๆ คือ โรงรับจำนำเจ๊ง
โครงการสุดเจ๋งนี้ก็มีอันต้องล้มไป
ในท้ายที่สุด มีชาวนา ได้รับประโยชน์จากส่วนต่างนี้ ไปมากมายถึง 1แสน8หมื่นล้านบาท
อนุโมทนาสาธุ ยินดีไปกับชาวนาด้วนครับ
อย่างไรก็ตาม รัฐ ได้ใช้เงินไป "เกิน" จาก อีก 1แสน8หมื่นล้าน ไปเป็นจำนวนมหาศาล
จากค่าการจัดการ ต่างๆ รวมถึงดอกเบี้ยเงินกู้ของโครงการ เพราะเราไปกู้เงินเค้ามาแจก "ช่วยชาวนา"
ไม่นับการทุจริต ที่ได้รับการร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะ กรม กระทรวง และเอกชน ที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจน เสี่ยเปี๋ยง อันเป็นที่รักของเรา
มีการสรุปยอดความเสียหายต่อมา ประมาณการ 5.4 แสนล้านบาท (ที่เรายังต้องตามใช้หนี้กันอยู่ถึงทุกวันนี้)
เอ้า ! จับมาเข้าสูตร input : output แบบง่ายๆ
แปลว่า ประเทศใช้เงินไปถึง 5.4 แสนล้านบาท เพื่อให้ชาวนาได้เงินไปเพียง 1.8แสนล้านบาท !
แปลว่า หากท่านจะแจกเงินให้ลูกหลานคนซักละ 100 บาท
ท่านอาจต้องควักกระเป๋าจ่าย 280 บาท คูณจำนวนลูกหลาน เป็นค่าการจัดการ ! ฉลาดมั๊ยครับ
ถามว่ารัฐ ขาดทุนได้มั๊ย เพื่อจะช่วยชาวนา...ได้ครับ มันขาดทุนได้แหงๆ
รับจำนำมาในราคาดาวอังคาร แต่นำไปขายในราคาโลกมนุษย์
มันเจ๊งแน่ๆ
แต่มันควร "เจ๊งยับ" ขนาดนี้มั๊ยครับ
ผมว่า ไม่หรอกครับ หากบริหารจัดการ "ดีๆ" เราไม่ต้องใช้เงินมหาศาล เลอะเทอะ ขนาดนี้
และทุกวันนี้ ในงบประมาณ ปี 2567 ประเทศนี้ ยังต้องจ่ายเงินคืนเจ้าหนี้ จากความเสียหายของโครงการ 3.7 หมื่นล้านบาท
ยังค้างอีก 2.4 แสนล้าน เหนาะๆ
สำเร็จ vs ล้มเหลว ... ก็คิดดูเอาเอง แล้วกันครับ อย่าเชื่ออะไรจขกท.
คิดเอง สรุปเอง เออเอง สบายใจสุดครับ
มโน คือเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์
สวัสดัวันจันทร์ครับ