บ้านตรงข้ามกับเรามีสัตว์เลี้ยงเป็นหมาพันธุ์เล็ก 3 ตัว และเก็บแมวจรมาเลี้ยงอีก 10 กว่าตัว ในบ้านทาวน์เฮ้าส์ชั้นเดียว 2 หลังและปรับปรุงเป็นหลังเดียว มีสมาชิก 4 คน มีแม่และลูกสาว 2 ลูกชาย 1 ในวัย 20 กว่าถึง 30 ปี แม่และลูกชายจะสลับกันอยู่บ้าน ลูกสาวคนหนึ่งออกไปทำงาน อีกคนอยู่บ้านเป็นส่วนใหญ่ ช่วงที่เรายังมีปฏิสัมพันธ์กัน ทราบว่าบ้านหลังนี้มีการออกแบบให้มีชั้นใต้หลังคา และคาดเดาจากการมองเห็นผ่านคือ กำแพงกลางและผนังทางเข้าบ้านรื้อออกทำเป็นโถงกว้างยาวไปถึงที่จอดรถ กั้นด้วยประตูกระจกบานสไลด์ พื้นที่ว่างหน้าบ้านทั้ง 2 หลังปรับปรุงปูพื้นและต่อเติมหลังคาคลุมรั้วเลยออกนอกหลักเขต ข้างทิศตะวันออกจะเป็นพื้นที่ซักล้างและติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ ข้างทิศตะวันตกปรับปรุงเป็นกรงแมว และติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ 3 ตัว โดยมี 2 ตัว ตืดตั้งที่กำแพงร่วม และส่วนนี้ตรงกับบ้านเรา
เราย้ายเข้าบ้านหลังปัจจุบันราวปลายปี 2565 หลังคนเช่าคืนบ้านช่วงต้นของโรคระบาดโควิท 19 เราอยู่หอพักมาตลอด จึงไม่ค่อยมีเฟอร์นิเจอร์ บ้านจึงโล่งและมีเสียงดังก้อง เราทำเฟอร์นิเจอร์ DIY เอง เพื่อจะช่วยซับเสียงทั้งจากข้างนอกและข้างใน และประหยัดเงินเก็บ เราอาศัยอยู่คนเดียว เลี้ยงแมว 1 ตัว อยู่ในช่วงฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง มีปัญหาเรื่องการนอน เคยได้งานแต่ทำได้แค่ไม่กี่เดือน เพราะปัญหาเหนื่อยไม่ค่อยมีแรง ต้องรับผิดชอบงาน ตัวเอง แมว และงานบ้าน แม้หยุดเสาร์ อาทิตย์ แต่เหมือนไม่พอ จึงออกกลับมาอยู่บ้าน และทำงานปรับปรุงบ้านที่สามารถทำเองได้เพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่าน
ช่วง 2 เดือนแรกที่ย้ายมามีปัญหากับวัยรุ่นข้างบ้าน แต่ก็จัดการแก้ปัญหาผ่านไปได้ด้วยดี ในขณะเดียวกันเราเองก็รู้สึกทะ
กับบ้านตรงข้าม คิดว่าตัวเองน่าจะคิดมากไปเองเพราะภาวะฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง ช่วงแรกเรามีปฏิสัมพันธ์กับครอบครัวนี้เพราะเรื่องแมว ออกจะชื่นชมที่เขาสามารถเลี้ยงแมวและหมา 10 กว่าตัวในบ้าน ดูแลอย่างดี และมีกำลังทรัพย์ในการเลี้ยงดูแลและรักษา ในขณะที่เรามือใหม่เลี้ยงตัวเดียวแทบอยากย้อนเวลากลับ เมื่อเวลาผ่านไปเรารับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง คิดว่าเพราะบุคคลิกแปลกๆ ของเราเลยอาจทำให้เขาไม่อยากคุยด้วย กลายเป็นต่างคนต่างอยู่
ต่อมาจะมีเสียงดังรำคาญจากบ้านหลังนี้ เช่น เสียงเปิดปิดประตูมุ้งลวด หรือประตูรถที่ดังกว่าเดิม โดยเฉพาะในยามวิกาล เนื่องจากรุ่นลูกจะนอนดึก แล้วขับรถยนต์เข้าออกบ่อยแม้เลยเที่ยงคืนไปแล้ว เสียงเหล่านี้รำคาญแต่รับได้ หรือรุ่นแม่ที่ตื่นเช้าเพื่อจัดบ้าน เช่นการลากย้ายกระถางดินเผาหรือกระเบื้อง ฝั่งบ้านเราซึ่งเป็นรูปแบบดั้งเดิมไม่ติดแอร์ก็จะมีเสียงจากการเปิดปิดประตูเหล็กดัดเพื่อให้แมวเข้าออกเหมือนกัน แต่ก็พยายามให้เบาขึ้นในระยะหลัง เพื่อไม่ให้เพื่อนบ้านรำคาญ รวมถึงระดับเสียงจากการเปิดดูมือถือ และเสียงแมวร้องให้ช่วยจับจิ้งจก เสียงกระโดดขึ้นลงไม้พาเลท (ราว 4-5 ทุ่ม ถึง 7-8 โมงเช้า แมวจะอยูในบ้านตลอด ออกข้างนอกมีสายจูง ไม่เข้าบ้านคนอื่น) จนปลายปีที่แล้วภายในกรงแมวจะมีเสียงจากการกระโดดบันใดของแมว เช่น ภาชนะพลาสติกหล่น หรือแมวกระโจนลงบนตะแกรงเหล็ก ทาสแมวทั้งหลายจะทราบดีว่าแมวจะดีดในตอนกลางคืน ล่าสุดแมวมักจะส่งเสียงร้องเกรี้ยวกราด ตบตีกันเอง ประสานเสียงร่วมกับแมวป่วย ส่วนหมาจะเห่าทุกครั้งที่เจ้าของกลับเข้าบ้าน ไรด์เดอร์ทุกคน รถขยะ รถส่งขน คนเดินผ่านบ้าน หรือบางครั้งเมื่อเราออกไปดูต้นไม้ในบ้านตัวเอง เจ้าเรียกชื่อให้หยุดแต่ไม่ค่อยจะเงียบ ต้องพาไปหลังบ้านจึงจะสงบ ยิ่งถ้าเจ้าของบ้านไม่อยู่เสียงจะดังก้องแสบแก้วหูเพราะออกมาเห่าถึงริมรั้ว (หมาค่อนข้างเครียด ไม่ค่อยเห็นเจ้าของพาออกไปเดินเล่น หรือถ้าปล่อยออกมาก็จะไม่มีสายจูง ไม่เกิน 10 นาที)
สมาชิกรุ่นลูกซึ่งนอนดึก จะเก็บขยะ ขัดพื้นกรงแมว รดน้ำต้นไม้ พูดคุยเสียงดัง ในบ้านช่วง 00:30 - 01:00 น. เป็นประจำ หลายครั้งที่จะเอาถุงขยะมาทำเสียงเหมือนมัวนริม กร๊อบแกร๊บๆ ซึ่งนานเกินกว่าจะเป็นการม้วนริมอยู่ตรงห้องนอนของเรา เราอดทนกับสภาพแบบนี้จนมีผลต่อการนอนหลับ เคยไปหาเจ้าหน้าที่ รพสต. เจ้าหน้าที่วิเคราะห์ว่าสาเหตุอาจเกิดจากความเครียด ถ้ามีเวลาให้ลองไปพบจิตแพทย์
เราชั่งใจอยู่นานว่าจะคุยกับครอบครัวนี้ดีหรือไม่ เพราะเราไม่อยากให้มีเรื่องขุ่นเคืองเพราะความเข้าใจผิด เราพยายามจะไม่ตอบโต้กลับเวลาหงุดหงิด คิดไปเองว่าถูกกลั่นแกล้ง เพราะมีหลายเหตุการณ์ชวนให้คิด ปัญหาก็จะเกิดซ้ำไม่จบ สรุปว่าจะต้องหาโอกาศไปคุยเพราะมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตทั้งกลางวันและกลางคืน จากคนและสัตว์ จนเช้าวันหนึ่งต้นเดือนธันวาคม เราถูกปลุกจากเสียงสัญญาณกัยขโมยดังจากรถของเพื่อนชายของลูกสาวคนเล็กดังขึ้นในขณะที่เรายังหลับอยู่ เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 2 อาทิตย์ มันทำให้เราหงุดหงิดมาก ลุกขึ้นและเดินออกไปหา แต่ทั้ง 2 คนเดินหนีเข้าบ้าน โดยไม่ทันปิดประตูมุ้งลวด ทำให้แมวหลุดออกนอกบ้าน จนกระทั่งเด็กสาวอีกคนซึ่งต้องไปทำงานออกมา เราจึงเข้าไปคุย โดยถามหาคนเป็นแม่ซึ่งไม่อยู่บ้าน จึงบอกเขาว่าตัวเองเคยเล่าให้ฟังไปแล้วว่ากำลังอยู่ในช่วงฮอร์โมนเปลี่ยนและช่วงนี้มีปัญหาการนอนหลับ ขอช่วยให้เก็บหมาแมวให้หน่อย โดยเฉพาะตอนกลางคืนหรือตอนไม่มีใครอยู่บ้านตอนกลางวัน ภาชนะในกรงแมวก็รบกวนช่วยจัดเก็บอย่าให้มันตกตอนแมวกระโดด หลัง 5 ทุ่มขอช่วยให้เบาเสียงให้หน่อย (จขกทเข้าใจว่ายามวิกาลควรเป็นเวลาพักผ่อน การทำงานสวน ทำความสะอาดควรกระทำในช่วงเวลากลางวันหรือเวลาที่ผู้คนส่วนใหญ่ยังไม่พักผ่อน สองสาวจะไม่อยู่บ้านระหว่าง 1600-22.30น. ดูเหมือนส่วนนี้จะเป็นหน้าที่ของ 2 สาว คนอื่นไม่เข้ามาช่วยแม้จะอยู่ในบ้าน) เสียงเหล่านี้มักทำให้สะดุ้งตื่นบ่อยๆ ถ้าแม่เขากลับมาจะขอคุยด้วยอีกครั้ง และจะเอาไฟล์เสียงที่บันทึกไว้ให้ฟังว่าเสียงมันดังจริงๆ
หลังแจ้งก็มีการปรับปรุง เอาหมาไปไว้หลังบ้าน ไม่มีเสียงตกหล่นในกรงแมว ช่วงนี้การนอนหลับกลับมาเป็นปกติ จนกระทั่งคนเป็นแม่กลับมาในช่วงปลายเดือน ซึ่งกลับมาพร้อมญาติจากต่างหวัด ในบ้านก็จะครึกครื้น เรารอจนญาติเขากลับไปก็หาจังหวะจะเข้าไปคุย ในบ่ายวันที่ 21 ธันวาคม เราได้ยินเสียงโต้เถียงกันของแม่ลูก แต่จับใจความได้ว่า ลูกชาย : มาม๊า อย่าเข้าข้างตัวเอง ไม้รู้เหมือนกันว่าเถียงกันด้วยเรื่องอะไร ต่อมาจังหวะที่ลูกชายมาเอาของที่รถ เราจึงเข้าไปคุยด้วย ลูกชายแจ้งว่า พวกเขาไม่อยากคุยเดี๋ยวจะทะเลาะกัน แม่เขาเครียดมากและเขาปรับปรุงให้แล้ว เราก็บอกว่าเราไม่ได้จะมาทะเลาะ แต่อยากพูดคุยเพื่อหาทางปรับปรุง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันส่งผลต่อสุขภาพของเรา เราเองก็ไม่อยากมีปัญหากับเพื่อนบ้าน ทางลูกชายบอกว่า วันก่อนนั้นเขาเองก็อยู่บ้านและได้ยินสิ่งที่เราพูด เขาเองรู้สึกไม่โอเคกับการกระทำของเรา (รับฟังและเงียบไว้) และยังเล่าให้ฟังว่าเคยมีปัญหากับบ้านริมในสุดฝั่งเดียวกับบ้านเราที่ห่างออกไปอีก 2 หลังที่เกลียดและทำร้ายแมว เขาต้องแก้ปัญหาด้วยการเก็บแมวจรทั้งหลายในซอยมาเลี้ยงในบ้าน ติดตั้งประตูกระจก ติดแอร์ หาไม้ประดับมาปิดกั้นแล้ว (แมวส่วนใหญ่นอนอยู่ในกรงตาข่ายริมรั้วซึ่งไม่เก็บเสียงใดๆ เลย ต้นไม้ช่วยเรื่องฝุ่นและบังสายตาเท่านั้น) เรื่องเสียงดัง มันก็เป็นปกติของบ้านทาวน์เฮ้าส์ แต่ก็ไม่มีใครจะพูดอะไร เขาแจงให้ฟังว่า
* บ้านทางซ้ายของบ้านเราเปิดเพลงจากมือถือ (ห้องนอนเราติดกัน ถ้าไม่เดินออกไปตรงสวนก็จะไม่ได้ยิน บ้านนี้เป็นผู้หญิงอาศัยอยู่คนเดียว วัยเดียวกัน เพิ่งย้ายกลับมาทำงาน สนิทกับแม่ของเขา เคยคุยกันว่าถ้ามีอะไรที่รบกวนเขาให้คุยกับเราได้)
* บ้านทางขวาเป็นวัยรุ่นอยู่กับ 4 คน เสียงดัง (เคยมีปัญหากับเรา) เพราะร้องเพลง เสียงกลอนประตูรั้ว คุยโทรศัพท์เปิดลำโพงหน้าบ้าน มีคนแวะเวียนเข้าออกตลอดเวลา (เสียงดังจริงแต่อยู่ในเวลาที่รับได้ ห้าทุ่มเที่ยงคืนเขาก็จะแยกย้ายพักผ่อน ถ้าดังจนรบกวนเราก็จะเดินไปบอก ทางเขาก็จะเบาเสียงให้)
* บ้านทางขวาของเขาร้องเพลงในสวนหน้าห้องนอนเสียงดังหลังเที่ยงคืน (ไม่เกิน2 นาที ไม่ทุกคืน แต่ไฟคาดหัวมักส่องทะลุเข้ามาในห้องนอนเรา)
* หลังบ้านเขาจะตรงกับช่องเว้นตามกฎหมายทาวน์เฮาส์ จะมีคนมาเปิดปาร์ตี้กัน
* ส่วนบ้านเราเขาไม่เอ่ยถึง
เสียงของตกหล่นในกรงแมวมันก็เป็นปกติ ซึ่งเกิดขึ้นในบ้านเขา (เราฟังแล้วเข้าใจประมาณว่า อะไรก็แล้วแต่ที่เกิดขึ้นในบ้านเขาย่อมไม่เป็นไร ฟังแล้วก็เงียบ) ทางเราเองก็ขอโทษเขาหากความวุ่นวายระหว่างบ้านเรากับวัยรุ่นข้างบ้านกระทบกับบ้านเขาในช่วงก่อนหน้านี้ เราเองอยากมาขอโทษแต่โอกาสไม่อำนวย และขอบคุณที่ได้คุยกันและทางเขาปรับปรุงให้
10 วันผ่านไป การนอนกลับมาเป็นปกติ แต่เสียงแมวตีกันยังดังเหมือนเดิมวันละหลายเวลาโดยเฉพาะกลางคืน เจ้าของทำได้แค่เปิดประตูออกมาดุแมว แล้วแยกย้ายกันไป เราจะรอดูเป็นเวลา 1 เดือน ว่าเขาจะปรับปรุงเรื่องจากกรงแมวอย่างไร และสังเกตว่าบ้านวัยรุ่นก็เงียบขึ้นกว่าเดิม จนกระทั่งครบ 2 อาทิตย์ เราต้องตื่นจากเสียงทำงานบ้านและแสงไฟจากรถมอเตอร์ไซด์ที่เพิ่งออกใหม่ในวันนี้ ที่ส่องเข้ามาจากการหันหัวเลี้ยวตอนราวๆ ตี 1 เราลุกขึ้นเปิดไฟเข้าห้องน้ำ ให้เขารู้กลายๆ ว่ามีคนถูกปลุก เสียงทำงานก็เบาลง พอใกล้ตี 2 บ้านด้านขวาของเขากลับมา รดน้ำต้นไม้และร้องเพลง
ช่วงกลางวันต่อมาเราก็ยังไม่พูดอะไร ไม่อยากไปย้ำซ้ำๆ ให้ขุ่นเคืองใจ ทำงานขัดสีเพื่อทาสีรั้วใหม่ สลับกับเตรียมดินปลูกผัก เย็นวันนี้เราออกมานั่งเล่นตรงสวนหน้าบ้านเพราะแมวเรียกร้อง และได้ย้ายบานกระจกหน้าต่างเก่ามาวางเพื่อเวลาที่บ้านตรงข้ามเลี้ยวรถจะได้รู้ว่าไฟส่องเข้าบ้านเรา 5ทุ่มนิดๆ ก็เตรียมตัวเข้านอน และถูกปลุกด้วยเสียงสตาร์ทมอเตอร์ไซค์เก็บเข้าบ้าน ขัดพื้น รดน้ำต้นไม้ตอนเที่ยงคืนครึ่ง เช่นเคยเราเปิดไฟเข้าห้องน้ำและกลับมานอน แต่นอนต่อไม่หลับ เพราะระดับเสียงไม่ลดลงเลย จึงเปิดประตูออกไปหน้าบ้านโดยไม่พูดอะไร สองสาวก็ไม่สนใจยังคงทำงานต่อไป คราวนี้ยิ่งหงุดหงิดขึ้นไปอีก จึงเอาแมวออกมาเดินนอกบ้านบ่นพึมพำด้วยความหงุดหงิด ตอนนี้สองสาวหลบเข้าบ้านไปแล้ว และพอดีกับคนที่ร้องเพลงรดน้ำต้นไม้กลับมา จึงเข้าไปคุย เพราะรอมาตั้งแต่กลางวันเขายืนยันว่าไม่ได้มีเรื่องขัดใจกับบ้านเลี้ยงแมว (แต่การทำสวนตอนตี 2 นี่มันไม่ปกติสำหรับเราเอาเสียเลย รวมถึงเหตุการณ์อื่นที่เราสังเกตุเห็นระหว่าง 2 บ้านนี้) เมื่อลูกชายขับรถยนต์กลับเข้าบ้านเราแทบไม่ได้ยินเสียงเปิดปิดประตูรั้วเลย ส่วนตัวเราก็กลับมาร่างเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ใครอ่านมาถึงตรงนี้มีอะไรจะตำหนิ ก็ตำหนิอย่างสร้างสรรค์ เพราะจขกท ต้องการแก้ปัญหา เป็นคนธรรมดาที่อาจเลือกทางที่ถูกและผิดได้ รู้จักที่จะปรับปรุง พูดจริงทำจริง ทำผิดก็ยอมรับว่าผิด คิดคนเดียวอาจไม่ได้ทางแก้ จึงมาขอคำแนะนำจากผู้ที่มีประสบการณ์ทั้งทางตรงและทางอ้อม คุยกันไปแล้วแต่ดูเหมือนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ต้องทำอย่างไรต่อไป เพื่อผลลัพธ์ในทางที่ดี บางคนอาจแนะนำว่าทำไมไม่ย้ายไปนอนห้องหลัง ซึ่งให้ผลไม่ต่างกันเพราะที่บ้านไม่ได้ติดแอร์ ต้องเปิดประตูหน้าต่างเพื่อให้ระบายอากาศได้ดี ห้องข้างหลังจะร้อนอึดอัดหายใจไม่ออกในช่วงหน้าร้อนและอับลม แนะนำย้ายบ้านหนี วัยเกษียณไม่มีรายได้พอจะย้ายไปไหนอีกแล้ว
ปล. หมู่บ้านนี้ไม่มีนิติ ขึ้นตรงกับเทศบาล
ขอบคุณทุกคำแนะนำล่วงหน้าคะ
ขอคำแนะนำเรื่องปัญหาเพื่อนบ้านและสัตว์เลี้ยง
เราย้ายเข้าบ้านหลังปัจจุบันราวปลายปี 2565 หลังคนเช่าคืนบ้านช่วงต้นของโรคระบาดโควิท 19 เราอยู่หอพักมาตลอด จึงไม่ค่อยมีเฟอร์นิเจอร์ บ้านจึงโล่งและมีเสียงดังก้อง เราทำเฟอร์นิเจอร์ DIY เอง เพื่อจะช่วยซับเสียงทั้งจากข้างนอกและข้างใน และประหยัดเงินเก็บ เราอาศัยอยู่คนเดียว เลี้ยงแมว 1 ตัว อยู่ในช่วงฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง มีปัญหาเรื่องการนอน เคยได้งานแต่ทำได้แค่ไม่กี่เดือน เพราะปัญหาเหนื่อยไม่ค่อยมีแรง ต้องรับผิดชอบงาน ตัวเอง แมว และงานบ้าน แม้หยุดเสาร์ อาทิตย์ แต่เหมือนไม่พอ จึงออกกลับมาอยู่บ้าน และทำงานปรับปรุงบ้านที่สามารถทำเองได้เพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่าน
ช่วง 2 เดือนแรกที่ย้ายมามีปัญหากับวัยรุ่นข้างบ้าน แต่ก็จัดการแก้ปัญหาผ่านไปได้ด้วยดี ในขณะเดียวกันเราเองก็รู้สึกทะกับบ้านตรงข้าม คิดว่าตัวเองน่าจะคิดมากไปเองเพราะภาวะฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง ช่วงแรกเรามีปฏิสัมพันธ์กับครอบครัวนี้เพราะเรื่องแมว ออกจะชื่นชมที่เขาสามารถเลี้ยงแมวและหมา 10 กว่าตัวในบ้าน ดูแลอย่างดี และมีกำลังทรัพย์ในการเลี้ยงดูแลและรักษา ในขณะที่เรามือใหม่เลี้ยงตัวเดียวแทบอยากย้อนเวลากลับ เมื่อเวลาผ่านไปเรารับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง คิดว่าเพราะบุคคลิกแปลกๆ ของเราเลยอาจทำให้เขาไม่อยากคุยด้วย กลายเป็นต่างคนต่างอยู่
ต่อมาจะมีเสียงดังรำคาญจากบ้านหลังนี้ เช่น เสียงเปิดปิดประตูมุ้งลวด หรือประตูรถที่ดังกว่าเดิม โดยเฉพาะในยามวิกาล เนื่องจากรุ่นลูกจะนอนดึก แล้วขับรถยนต์เข้าออกบ่อยแม้เลยเที่ยงคืนไปแล้ว เสียงเหล่านี้รำคาญแต่รับได้ หรือรุ่นแม่ที่ตื่นเช้าเพื่อจัดบ้าน เช่นการลากย้ายกระถางดินเผาหรือกระเบื้อง ฝั่งบ้านเราซึ่งเป็นรูปแบบดั้งเดิมไม่ติดแอร์ก็จะมีเสียงจากการเปิดปิดประตูเหล็กดัดเพื่อให้แมวเข้าออกเหมือนกัน แต่ก็พยายามให้เบาขึ้นในระยะหลัง เพื่อไม่ให้เพื่อนบ้านรำคาญ รวมถึงระดับเสียงจากการเปิดดูมือถือ และเสียงแมวร้องให้ช่วยจับจิ้งจก เสียงกระโดดขึ้นลงไม้พาเลท (ราว 4-5 ทุ่ม ถึง 7-8 โมงเช้า แมวจะอยูในบ้านตลอด ออกข้างนอกมีสายจูง ไม่เข้าบ้านคนอื่น) จนปลายปีที่แล้วภายในกรงแมวจะมีเสียงจากการกระโดดบันใดของแมว เช่น ภาชนะพลาสติกหล่น หรือแมวกระโจนลงบนตะแกรงเหล็ก ทาสแมวทั้งหลายจะทราบดีว่าแมวจะดีดในตอนกลางคืน ล่าสุดแมวมักจะส่งเสียงร้องเกรี้ยวกราด ตบตีกันเอง ประสานเสียงร่วมกับแมวป่วย ส่วนหมาจะเห่าทุกครั้งที่เจ้าของกลับเข้าบ้าน ไรด์เดอร์ทุกคน รถขยะ รถส่งขน คนเดินผ่านบ้าน หรือบางครั้งเมื่อเราออกไปดูต้นไม้ในบ้านตัวเอง เจ้าเรียกชื่อให้หยุดแต่ไม่ค่อยจะเงียบ ต้องพาไปหลังบ้านจึงจะสงบ ยิ่งถ้าเจ้าของบ้านไม่อยู่เสียงจะดังก้องแสบแก้วหูเพราะออกมาเห่าถึงริมรั้ว (หมาค่อนข้างเครียด ไม่ค่อยเห็นเจ้าของพาออกไปเดินเล่น หรือถ้าปล่อยออกมาก็จะไม่มีสายจูง ไม่เกิน 10 นาที)
สมาชิกรุ่นลูกซึ่งนอนดึก จะเก็บขยะ ขัดพื้นกรงแมว รดน้ำต้นไม้ พูดคุยเสียงดัง ในบ้านช่วง 00:30 - 01:00 น. เป็นประจำ หลายครั้งที่จะเอาถุงขยะมาทำเสียงเหมือนมัวนริม กร๊อบแกร๊บๆ ซึ่งนานเกินกว่าจะเป็นการม้วนริมอยู่ตรงห้องนอนของเรา เราอดทนกับสภาพแบบนี้จนมีผลต่อการนอนหลับ เคยไปหาเจ้าหน้าที่ รพสต. เจ้าหน้าที่วิเคราะห์ว่าสาเหตุอาจเกิดจากความเครียด ถ้ามีเวลาให้ลองไปพบจิตแพทย์
เราชั่งใจอยู่นานว่าจะคุยกับครอบครัวนี้ดีหรือไม่ เพราะเราไม่อยากให้มีเรื่องขุ่นเคืองเพราะความเข้าใจผิด เราพยายามจะไม่ตอบโต้กลับเวลาหงุดหงิด คิดไปเองว่าถูกกลั่นแกล้ง เพราะมีหลายเหตุการณ์ชวนให้คิด ปัญหาก็จะเกิดซ้ำไม่จบ สรุปว่าจะต้องหาโอกาศไปคุยเพราะมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตทั้งกลางวันและกลางคืน จากคนและสัตว์ จนเช้าวันหนึ่งต้นเดือนธันวาคม เราถูกปลุกจากเสียงสัญญาณกัยขโมยดังจากรถของเพื่อนชายของลูกสาวคนเล็กดังขึ้นในขณะที่เรายังหลับอยู่ เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 2 อาทิตย์ มันทำให้เราหงุดหงิดมาก ลุกขึ้นและเดินออกไปหา แต่ทั้ง 2 คนเดินหนีเข้าบ้าน โดยไม่ทันปิดประตูมุ้งลวด ทำให้แมวหลุดออกนอกบ้าน จนกระทั่งเด็กสาวอีกคนซึ่งต้องไปทำงานออกมา เราจึงเข้าไปคุย โดยถามหาคนเป็นแม่ซึ่งไม่อยู่บ้าน จึงบอกเขาว่าตัวเองเคยเล่าให้ฟังไปแล้วว่ากำลังอยู่ในช่วงฮอร์โมนเปลี่ยนและช่วงนี้มีปัญหาการนอนหลับ ขอช่วยให้เก็บหมาแมวให้หน่อย โดยเฉพาะตอนกลางคืนหรือตอนไม่มีใครอยู่บ้านตอนกลางวัน ภาชนะในกรงแมวก็รบกวนช่วยจัดเก็บอย่าให้มันตกตอนแมวกระโดด หลัง 5 ทุ่มขอช่วยให้เบาเสียงให้หน่อย (จขกทเข้าใจว่ายามวิกาลควรเป็นเวลาพักผ่อน การทำงานสวน ทำความสะอาดควรกระทำในช่วงเวลากลางวันหรือเวลาที่ผู้คนส่วนใหญ่ยังไม่พักผ่อน สองสาวจะไม่อยู่บ้านระหว่าง 1600-22.30น. ดูเหมือนส่วนนี้จะเป็นหน้าที่ของ 2 สาว คนอื่นไม่เข้ามาช่วยแม้จะอยู่ในบ้าน) เสียงเหล่านี้มักทำให้สะดุ้งตื่นบ่อยๆ ถ้าแม่เขากลับมาจะขอคุยด้วยอีกครั้ง และจะเอาไฟล์เสียงที่บันทึกไว้ให้ฟังว่าเสียงมันดังจริงๆ
หลังแจ้งก็มีการปรับปรุง เอาหมาไปไว้หลังบ้าน ไม่มีเสียงตกหล่นในกรงแมว ช่วงนี้การนอนหลับกลับมาเป็นปกติ จนกระทั่งคนเป็นแม่กลับมาในช่วงปลายเดือน ซึ่งกลับมาพร้อมญาติจากต่างหวัด ในบ้านก็จะครึกครื้น เรารอจนญาติเขากลับไปก็หาจังหวะจะเข้าไปคุย ในบ่ายวันที่ 21 ธันวาคม เราได้ยินเสียงโต้เถียงกันของแม่ลูก แต่จับใจความได้ว่า ลูกชาย : มาม๊า อย่าเข้าข้างตัวเอง ไม้รู้เหมือนกันว่าเถียงกันด้วยเรื่องอะไร ต่อมาจังหวะที่ลูกชายมาเอาของที่รถ เราจึงเข้าไปคุยด้วย ลูกชายแจ้งว่า พวกเขาไม่อยากคุยเดี๋ยวจะทะเลาะกัน แม่เขาเครียดมากและเขาปรับปรุงให้แล้ว เราก็บอกว่าเราไม่ได้จะมาทะเลาะ แต่อยากพูดคุยเพื่อหาทางปรับปรุง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันส่งผลต่อสุขภาพของเรา เราเองก็ไม่อยากมีปัญหากับเพื่อนบ้าน ทางลูกชายบอกว่า วันก่อนนั้นเขาเองก็อยู่บ้านและได้ยินสิ่งที่เราพูด เขาเองรู้สึกไม่โอเคกับการกระทำของเรา (รับฟังและเงียบไว้) และยังเล่าให้ฟังว่าเคยมีปัญหากับบ้านริมในสุดฝั่งเดียวกับบ้านเราที่ห่างออกไปอีก 2 หลังที่เกลียดและทำร้ายแมว เขาต้องแก้ปัญหาด้วยการเก็บแมวจรทั้งหลายในซอยมาเลี้ยงในบ้าน ติดตั้งประตูกระจก ติดแอร์ หาไม้ประดับมาปิดกั้นแล้ว (แมวส่วนใหญ่นอนอยู่ในกรงตาข่ายริมรั้วซึ่งไม่เก็บเสียงใดๆ เลย ต้นไม้ช่วยเรื่องฝุ่นและบังสายตาเท่านั้น) เรื่องเสียงดัง มันก็เป็นปกติของบ้านทาวน์เฮ้าส์ แต่ก็ไม่มีใครจะพูดอะไร เขาแจงให้ฟังว่า
* บ้านทางซ้ายของบ้านเราเปิดเพลงจากมือถือ (ห้องนอนเราติดกัน ถ้าไม่เดินออกไปตรงสวนก็จะไม่ได้ยิน บ้านนี้เป็นผู้หญิงอาศัยอยู่คนเดียว วัยเดียวกัน เพิ่งย้ายกลับมาทำงาน สนิทกับแม่ของเขา เคยคุยกันว่าถ้ามีอะไรที่รบกวนเขาให้คุยกับเราได้)
* บ้านทางขวาเป็นวัยรุ่นอยู่กับ 4 คน เสียงดัง (เคยมีปัญหากับเรา) เพราะร้องเพลง เสียงกลอนประตูรั้ว คุยโทรศัพท์เปิดลำโพงหน้าบ้าน มีคนแวะเวียนเข้าออกตลอดเวลา (เสียงดังจริงแต่อยู่ในเวลาที่รับได้ ห้าทุ่มเที่ยงคืนเขาก็จะแยกย้ายพักผ่อน ถ้าดังจนรบกวนเราก็จะเดินไปบอก ทางเขาก็จะเบาเสียงให้)
* บ้านทางขวาของเขาร้องเพลงในสวนหน้าห้องนอนเสียงดังหลังเที่ยงคืน (ไม่เกิน2 นาที ไม่ทุกคืน แต่ไฟคาดหัวมักส่องทะลุเข้ามาในห้องนอนเรา)
* หลังบ้านเขาจะตรงกับช่องเว้นตามกฎหมายทาวน์เฮาส์ จะมีคนมาเปิดปาร์ตี้กัน
* ส่วนบ้านเราเขาไม่เอ่ยถึง
เสียงของตกหล่นในกรงแมวมันก็เป็นปกติ ซึ่งเกิดขึ้นในบ้านเขา (เราฟังแล้วเข้าใจประมาณว่า อะไรก็แล้วแต่ที่เกิดขึ้นในบ้านเขาย่อมไม่เป็นไร ฟังแล้วก็เงียบ) ทางเราเองก็ขอโทษเขาหากความวุ่นวายระหว่างบ้านเรากับวัยรุ่นข้างบ้านกระทบกับบ้านเขาในช่วงก่อนหน้านี้ เราเองอยากมาขอโทษแต่โอกาสไม่อำนวย และขอบคุณที่ได้คุยกันและทางเขาปรับปรุงให้
10 วันผ่านไป การนอนกลับมาเป็นปกติ แต่เสียงแมวตีกันยังดังเหมือนเดิมวันละหลายเวลาโดยเฉพาะกลางคืน เจ้าของทำได้แค่เปิดประตูออกมาดุแมว แล้วแยกย้ายกันไป เราจะรอดูเป็นเวลา 1 เดือน ว่าเขาจะปรับปรุงเรื่องจากกรงแมวอย่างไร และสังเกตว่าบ้านวัยรุ่นก็เงียบขึ้นกว่าเดิม จนกระทั่งครบ 2 อาทิตย์ เราต้องตื่นจากเสียงทำงานบ้านและแสงไฟจากรถมอเตอร์ไซด์ที่เพิ่งออกใหม่ในวันนี้ ที่ส่องเข้ามาจากการหันหัวเลี้ยวตอนราวๆ ตี 1 เราลุกขึ้นเปิดไฟเข้าห้องน้ำ ให้เขารู้กลายๆ ว่ามีคนถูกปลุก เสียงทำงานก็เบาลง พอใกล้ตี 2 บ้านด้านขวาของเขากลับมา รดน้ำต้นไม้และร้องเพลง
ช่วงกลางวันต่อมาเราก็ยังไม่พูดอะไร ไม่อยากไปย้ำซ้ำๆ ให้ขุ่นเคืองใจ ทำงานขัดสีเพื่อทาสีรั้วใหม่ สลับกับเตรียมดินปลูกผัก เย็นวันนี้เราออกมานั่งเล่นตรงสวนหน้าบ้านเพราะแมวเรียกร้อง และได้ย้ายบานกระจกหน้าต่างเก่ามาวางเพื่อเวลาที่บ้านตรงข้ามเลี้ยวรถจะได้รู้ว่าไฟส่องเข้าบ้านเรา 5ทุ่มนิดๆ ก็เตรียมตัวเข้านอน และถูกปลุกด้วยเสียงสตาร์ทมอเตอร์ไซค์เก็บเข้าบ้าน ขัดพื้น รดน้ำต้นไม้ตอนเที่ยงคืนครึ่ง เช่นเคยเราเปิดไฟเข้าห้องน้ำและกลับมานอน แต่นอนต่อไม่หลับ เพราะระดับเสียงไม่ลดลงเลย จึงเปิดประตูออกไปหน้าบ้านโดยไม่พูดอะไร สองสาวก็ไม่สนใจยังคงทำงานต่อไป คราวนี้ยิ่งหงุดหงิดขึ้นไปอีก จึงเอาแมวออกมาเดินนอกบ้านบ่นพึมพำด้วยความหงุดหงิด ตอนนี้สองสาวหลบเข้าบ้านไปแล้ว และพอดีกับคนที่ร้องเพลงรดน้ำต้นไม้กลับมา จึงเข้าไปคุย เพราะรอมาตั้งแต่กลางวันเขายืนยันว่าไม่ได้มีเรื่องขัดใจกับบ้านเลี้ยงแมว (แต่การทำสวนตอนตี 2 นี่มันไม่ปกติสำหรับเราเอาเสียเลย รวมถึงเหตุการณ์อื่นที่เราสังเกตุเห็นระหว่าง 2 บ้านนี้) เมื่อลูกชายขับรถยนต์กลับเข้าบ้านเราแทบไม่ได้ยินเสียงเปิดปิดประตูรั้วเลย ส่วนตัวเราก็กลับมาร่างเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ใครอ่านมาถึงตรงนี้มีอะไรจะตำหนิ ก็ตำหนิอย่างสร้างสรรค์ เพราะจขกท ต้องการแก้ปัญหา เป็นคนธรรมดาที่อาจเลือกทางที่ถูกและผิดได้ รู้จักที่จะปรับปรุง พูดจริงทำจริง ทำผิดก็ยอมรับว่าผิด คิดคนเดียวอาจไม่ได้ทางแก้ จึงมาขอคำแนะนำจากผู้ที่มีประสบการณ์ทั้งทางตรงและทางอ้อม คุยกันไปแล้วแต่ดูเหมือนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ต้องทำอย่างไรต่อไป เพื่อผลลัพธ์ในทางที่ดี บางคนอาจแนะนำว่าทำไมไม่ย้ายไปนอนห้องหลัง ซึ่งให้ผลไม่ต่างกันเพราะที่บ้านไม่ได้ติดแอร์ ต้องเปิดประตูหน้าต่างเพื่อให้ระบายอากาศได้ดี ห้องข้างหลังจะร้อนอึดอัดหายใจไม่ออกในช่วงหน้าร้อนและอับลม แนะนำย้ายบ้านหนี วัยเกษียณไม่มีรายได้พอจะย้ายไปไหนอีกแล้ว
ปล. หมู่บ้านนี้ไม่มีนิติ ขึ้นตรงกับเทศบาล
ขอบคุณทุกคำแนะนำล่วงหน้าคะ