สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
เป็นการสัมปทานมาบริหารเองเพื่อสร้างรายได้เข้าสู่กองทัพ
กระทรวงและหน่วยงานต่างๆของรัฐเขาหารายได้มาใช้จ่ายในหน่วยงาน รอแต่งบอย่างเดียวก็ไม่พอใช้
เหมือนวัดที่เจ้าอาวาสต้องหาผ้าป่าหากฐินหาเงินมาดูแลวัด เพราะรอแต่เงินทำบุญอย่างเดียวก็ไม่พอใช้
ทร.ยังมีกิจการมีธุรกิจที่สร้างรายได้อีกมากมายไม่ใช่แค่ไฟฟ้า ทร.เขาจะไปดีลกับหน่วยงานต่างๆแล้วก็บริหารในส่วนนั้นๆไปเลย
กองทัพก็เหมือนห้างหุ้นส่วนเหมือนรัฐวิสาหกิจ เขาต้องทำธุรกิจหาเงินด้วยไม่ใช่รอแค่งบอย่างเดียว เพราะงบอย่างเดียวมันไม่พอใช้
คือรัฐบาลประเทศไทยและหน่วยงานต่างๆจนครับ เงินไม่พอใช้ทั้งนั้นแหละ เงินส่วนใหญ่ของประเทศอยู่กับนักธุรกิจพ่อค้าและคนทุจริต
ระบบเก็บภาษีของเราก็เก็บได้น้อยมาก ทำให้หน่วยงานต่างๆของรัฐไม่ค่อยมีเงิน เงินมันไปอยู่ในกระเป๋าคนมากกว่ากระเป๋าของหน่วยงาน การทุจริตต่างๆของคนในหน่วยงานทำให้หน่วยงานสูญเสียงบไปมหาศาล ระบบประเทศมันแย่ครับ เลยทำให้คนไทยชอบทุจริต
สมมุติว่าถ้าเขาจะทุจริต เขาก็ทำเรื่องเบิกงบสร้างหรือจัดซื้ออะไรสักอย่าง รายละเอียดก็ไม่ค่อยมีหรอกครับ ตรวจสอบได้แต่มีแค่กระดาษแผ่นเดียวให้ดูประมาณนี้ สมมุติว่าเบิกงบไปสร้างกำแพง ก็เอางบมาแล้วไปว่าจ้างคนมาทำกำแพง งบ1ล้านก็ทำแค่7-8แสน อีก2-3แสนก็เข้ากระเป๋าตัวเอง ใครมาถามมาตรวจสอบก็เอากระดาษแผ่นเดียวให้ดูแล้วชี้ไปนั่นไงกำแพงราคา1ล้าน จบ
คนเซ็นให้งบผ่านก็ได้เงิน คนเอางบมาทำก็ได้เงิน คนรับจ้างทำก็ได้เงิน เงินที่รั่วไหลไปนี้ตามเก็บภาษีบุคคลไม่ได้ด้วย
เจอแบบนี้เข้าไปรัฐบาลกับหน่วยงานรัฐก็อยู่ไม่ไหว ต้องหารายได้เสริม ต้องกู้เป็นหนี้เป็นสิน ภาระทั้งหมดก็มาตกอยู่กับประชาชน
หน่วยงานรัฐบางที่ไม่มีเงินแม้แต่จะจ้างคนมาทำงาน เงินเดือนค้างหลายๆเดือนค่อยจ่ายทีนึงก็มี เขากินกันมาตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ คนสุจริตไม่กินกับเขาก็ได้แค่มองไปขัดเขาไม่ได้ ศักยภาพประเทศไทยจริงๆแล้วมันควรจะเจริญเกือบเท่าญี่ปุ่นได้แล้ว แต่นี่ความเจริญห่างจากเขามากเพราะคนไทยทุจริตเยอะเกินไป
ถ้าข้าราชการไม่ทุจริต ทร.จะมีเรือดำน้ำ8ลำ ทอ.ก็มีใช้ยัน F-35 ทบ.ก็จะมีรถถัง M1 Abrams ใช้โน่นแหละ
เพราะเงินมันไปอยู่ในกระเป๋าคนมากกว่ากระเป๋าหน่วยงาน แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อของพวกนี้ล่ะครับ พอซื้อของดีๆไม่ได้ก็ต้องไปซื้อของถูกๆมาใช้ ต้องไปคบกับจีนให้จีนกดหัวเอา แล้วมันก็พังลามไปทั้งระบบ ประเทศชาติก็ไม่พัฒนาเท่าที่ควรจะเป็น
เพราะความโลภของคนและการทุจริตแท้ๆเลย
พอดีกว่า พิมพ์ต่ออีกคงได้ด่าคน - -
กระทรวงและหน่วยงานต่างๆของรัฐเขาหารายได้มาใช้จ่ายในหน่วยงาน รอแต่งบอย่างเดียวก็ไม่พอใช้
เหมือนวัดที่เจ้าอาวาสต้องหาผ้าป่าหากฐินหาเงินมาดูแลวัด เพราะรอแต่เงินทำบุญอย่างเดียวก็ไม่พอใช้
ทร.ยังมีกิจการมีธุรกิจที่สร้างรายได้อีกมากมายไม่ใช่แค่ไฟฟ้า ทร.เขาจะไปดีลกับหน่วยงานต่างๆแล้วก็บริหารในส่วนนั้นๆไปเลย
กองทัพก็เหมือนห้างหุ้นส่วนเหมือนรัฐวิสาหกิจ เขาต้องทำธุรกิจหาเงินด้วยไม่ใช่รอแค่งบอย่างเดียว เพราะงบอย่างเดียวมันไม่พอใช้
คือรัฐบาลประเทศไทยและหน่วยงานต่างๆจนครับ เงินไม่พอใช้ทั้งนั้นแหละ เงินส่วนใหญ่ของประเทศอยู่กับนักธุรกิจพ่อค้าและคนทุจริต
ระบบเก็บภาษีของเราก็เก็บได้น้อยมาก ทำให้หน่วยงานต่างๆของรัฐไม่ค่อยมีเงิน เงินมันไปอยู่ในกระเป๋าคนมากกว่ากระเป๋าของหน่วยงาน การทุจริตต่างๆของคนในหน่วยงานทำให้หน่วยงานสูญเสียงบไปมหาศาล ระบบประเทศมันแย่ครับ เลยทำให้คนไทยชอบทุจริต
สมมุติว่าถ้าเขาจะทุจริต เขาก็ทำเรื่องเบิกงบสร้างหรือจัดซื้ออะไรสักอย่าง รายละเอียดก็ไม่ค่อยมีหรอกครับ ตรวจสอบได้แต่มีแค่กระดาษแผ่นเดียวให้ดูประมาณนี้ สมมุติว่าเบิกงบไปสร้างกำแพง ก็เอางบมาแล้วไปว่าจ้างคนมาทำกำแพง งบ1ล้านก็ทำแค่7-8แสน อีก2-3แสนก็เข้ากระเป๋าตัวเอง ใครมาถามมาตรวจสอบก็เอากระดาษแผ่นเดียวให้ดูแล้วชี้ไปนั่นไงกำแพงราคา1ล้าน จบ
คนเซ็นให้งบผ่านก็ได้เงิน คนเอางบมาทำก็ได้เงิน คนรับจ้างทำก็ได้เงิน เงินที่รั่วไหลไปนี้ตามเก็บภาษีบุคคลไม่ได้ด้วย
เจอแบบนี้เข้าไปรัฐบาลกับหน่วยงานรัฐก็อยู่ไม่ไหว ต้องหารายได้เสริม ต้องกู้เป็นหนี้เป็นสิน ภาระทั้งหมดก็มาตกอยู่กับประชาชน
หน่วยงานรัฐบางที่ไม่มีเงินแม้แต่จะจ้างคนมาทำงาน เงินเดือนค้างหลายๆเดือนค่อยจ่ายทีนึงก็มี เขากินกันมาตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ คนสุจริตไม่กินกับเขาก็ได้แค่มองไปขัดเขาไม่ได้ ศักยภาพประเทศไทยจริงๆแล้วมันควรจะเจริญเกือบเท่าญี่ปุ่นได้แล้ว แต่นี่ความเจริญห่างจากเขามากเพราะคนไทยทุจริตเยอะเกินไป
ถ้าข้าราชการไม่ทุจริต ทร.จะมีเรือดำน้ำ8ลำ ทอ.ก็มีใช้ยัน F-35 ทบ.ก็จะมีรถถัง M1 Abrams ใช้โน่นแหละ
เพราะเงินมันไปอยู่ในกระเป๋าคนมากกว่ากระเป๋าหน่วยงาน แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อของพวกนี้ล่ะครับ พอซื้อของดีๆไม่ได้ก็ต้องไปซื้อของถูกๆมาใช้ ต้องไปคบกับจีนให้จีนกดหัวเอา แล้วมันก็พังลามไปทั้งระบบ ประเทศชาติก็ไม่พัฒนาเท่าที่ควรจะเป็น
เพราะความโลภของคนและการทุจริตแท้ๆเลย
พอดีกว่า พิมพ์ต่ออีกคงได้ด่าคน - -
ความคิดเห็นที่ 2
สมัยก่อนกฟภ.ยังไปไม่ถึงสัตหีบครับ ทร.มีไฟฟ้าก่อนเพราะต้องใช้ในฐานทัพ จึงขยายเขตให้บริการไฟฟ้าออกมาข้างนอกให้ประชาชนใช้ด้วย ซึ่งทร.ก็ได้ประโยชน์แหละเพราะคนใช้ไฟฟ้าตรงนั้นไม่ทหารเรือก็ค้าขายกับทหารเรือ
—————————-
https://www.sea.co.th/index.php/2014-02-19-09-14-53/2014-02-19-09-15-25
ในปี พ.ศ.2483 สถานีทหารเรือสัตหีบ ได้ก่อสร้างโรงกำเนิดไฟฟ้าขึ้น 1 โรง ตั้งอยู่ข้างโรงเรียนสัตหีบ สาขา 1 เขตฐานทัพเรือสัตหีบ ประกอบด้วยเครื่องไฟฟ้าเมอร์รีส 3 เครื่อง มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเครื่องละ 275 กิโลวัตต์ เดินเครื่องจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับหน่วยราชการในพื้นที่ อำเภอสัตหีบ ได้แก่ สถานีทหารเรือสัตหีบ กรมนาวิกโยธิน โรงเรียนพลทหารเรือ หน่วยบินนาวี และตลาดสัตหีบ (ตลาดนี้สร้างเมื่อประมาณปี พ.ศ.2480 ในสมัยที่ พล.ร.ต.หลวงประจญ ปัจจามิตร เป็น ผบ.สน.สส.)
ต่อมาในปี พ.ศ. 2501 O.I.C.C. (Officer InchargeConstruction Center ) จากประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เข้ามาช่วยเหลือด้านกิจการทหารของไทย โดยเพิ่มขีดความสามารถการจ่ายกระแสไฟฟ้า ด้วยการติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาด 700 เค.วี.เอ. (560 กิโลวัตต์) เพิ่มขึ้นอีก 2 เครื่อง และเปลี่ยนระบบการจ่ายกระแสไฟฟ้าจาก 3500 โวลท์ เป็น 11 กิโลโวลท์ (K.V.) รวมทั้งปรับปรุงเสาไฟฟ้าโดยเปลี่ยนจากเสาไม้มาเป็นเสาคอนกรีต
ในปี พ.ศ. 2509 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้ขยายเขตจำหน่ายกระแสไฟฟ้ามาถึงอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยตั้งสถานีไฟฟ้าย่อยที่ 1 ขึ้นที่ตำบลบางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ดังนั้น ทร. จึงได้ยกเลิกเดินเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่มีอยู่ และได้ซื้อกระแสไฟฟ้าจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มาจ่ายให้แก่หน่วยราชการและประชาชนในราคาที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคถือปฏิบัติ
ในปี พ.ศ. 2512 ทร.ได้สถาปนาหน่วยงานดังกล่าวเป็น “กิจการไฟฟ้าและประปา” และย้ายสำนักงานจากโรงกำเนิดไฟฟ้าแห่งเดิม มาอยู่ ณ ที่ทำการของ O.I.C.C. ซึ่งเป็นสำนักงานของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัตหีบ ในปัจจุบัน ต่อมาในปี พ.ศ.2514 ได้ตัดชื่อคำว่า “และประปาออก” คงเหลือแต่ชื่อ “กิจการไฟฟ้า” แต่เพียงอย่างเดียว
เมื่อ 14 มกราคม 2514 ทร.ได้รับสัมปทานประกอบกิจการไฟฟ้าครั้งแรก จากกระทรวงมหาดไทย มีอายุสัมปทาน 10 ปี
เมื่อหมดอายุสัมปทานครั้งแรก ทร. ได้ขอต่ออายุสัมปทานออกไปอีกและได้รับอนุมัติให้ประกอบกิจการไฟฟ้าต่อไปอีก10ปีตั้งแต่ 14 มกราคม 2524 โดยหมดอายุสัมปทานใน 14 มกราคม 2534
เมื่อสิ้นอายุสัมปทานครั้งที่ 2 ทร. ได้ขอต่ออายุสัมปทานออกไปอีก 10 ปีและได้รับอนุมัติตั้งแต่ 6 มิถุนายน 2533 หมดอายุสัมปทานใน 6 มิถุนายน 2543
เมื่อสิ้นสุดอายุสัมปทานครั้งที่ 3 ทร. ได้ขอต่ออายุสัมปทานต่อไปอีก แต่เนื่องจากเกิดข้อขัดข้องในขั้นตอนงานธุรการ จึงทำให้ระยะเวลาของสัมปทานครั้งที่ 3 และ 4 ไม่ต่อเนื่อง จนในที่สุดใน 13 สิงหาคม 2541 ทร. ได้ร้องขอและได้รับการต่ออายุสัมปทานต่อไปอีก 25 ปี นับตั้งแต่ 6 มิถุนายน 2543 โดยมีเงื่อนไขว่า ทร. จะต้องสร้างโรงผลิตไฟฟ้าเอง โดยจ่ายให้แก่หน่วยงานราชการ และประชาชนในเขตสัมปทานให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี หลังจากได้รับสัมปทาน หากไม่สามารถก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้ อายุสัมปทานจะลดเหลือ 10 ปี แต่ ทร. ก็ไม่สามารถก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้ด้วยสาเหตุต่าง ๆ
เมื่อมิถุนายน 2545 ทร. ได้ขอขยายเวลาการก่อสร้างโรงไฟฟ้าออกไปอีก 4 ปี ถึง พ.ศ.2547 ซึ่งได้รับอนุมัติจากกระทรวงมหาดไทย เมื่อสิงหาคม 2545
อนึ่ง ทร. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ทร. ในพื้นที่อำเภอสัตหีบเพื่อคัดเลือกบริษัทเอกชนมาลงทุนดำเนินการ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีบริษัทที่มีคุณสมบัติที่จะเข้ามาดำเนินการ เนื่องจากต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการประมาณ 4,000 ล้านบาท อีกทั้งยังมีปัญหาในด้านต่าง ๆ อีก เช่น ปัญหาสิ่งแวดล้อม มลภาวะทางอากาศ เป็นต้น
แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าไม่สำเร็จได้ ทร.โดยกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัตหีบก็ได้จัดทำโครงการต่างๆมากมายเพื่อขยายขีดความสามารถของระบบจำหน่ายไฟฟ้าเช่น
- การบริการและการซ่อมบำรุง เพื่อความมั่นคงในระบบจำหน่าย
- บริการชำระเงินค่าไฟฟ้าด้วยการหักบัญชีธนาคารพาณิชย์
- โครงการเพิ่มสถานีรับชำระค่าไฟฟ้า (สำนักงานย่อย สาขาโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พร. สำนักงานย่อย สาขาศูนย์การฝึก สอ./ รฝ. และชำระเงินค่าไฟฟ้าด้วยบริการเคาน์เตอร์เซอร์วิส)
- การเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน ด้วยการฝึกอบรมร่วมกับการไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และฟังการบรรยายจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ
- โครงการก่อสร้างสถานีจ่ายไฟฟ้าแรงสูง 3 และปรับปรุงสถานีจ่ายไฟฟ้าแรงสูง 2 และ 1
- โครงการติดตั้งระบบควบคุมและการสั่งการระยะไกล เป็นต้น
—————————-
https://www.sea.co.th/index.php/2014-02-19-09-14-53/2014-02-19-09-15-25
ในปี พ.ศ.2483 สถานีทหารเรือสัตหีบ ได้ก่อสร้างโรงกำเนิดไฟฟ้าขึ้น 1 โรง ตั้งอยู่ข้างโรงเรียนสัตหีบ สาขา 1 เขตฐานทัพเรือสัตหีบ ประกอบด้วยเครื่องไฟฟ้าเมอร์รีส 3 เครื่อง มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเครื่องละ 275 กิโลวัตต์ เดินเครื่องจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับหน่วยราชการในพื้นที่ อำเภอสัตหีบ ได้แก่ สถานีทหารเรือสัตหีบ กรมนาวิกโยธิน โรงเรียนพลทหารเรือ หน่วยบินนาวี และตลาดสัตหีบ (ตลาดนี้สร้างเมื่อประมาณปี พ.ศ.2480 ในสมัยที่ พล.ร.ต.หลวงประจญ ปัจจามิตร เป็น ผบ.สน.สส.)
ต่อมาในปี พ.ศ. 2501 O.I.C.C. (Officer InchargeConstruction Center ) จากประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เข้ามาช่วยเหลือด้านกิจการทหารของไทย โดยเพิ่มขีดความสามารถการจ่ายกระแสไฟฟ้า ด้วยการติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาด 700 เค.วี.เอ. (560 กิโลวัตต์) เพิ่มขึ้นอีก 2 เครื่อง และเปลี่ยนระบบการจ่ายกระแสไฟฟ้าจาก 3500 โวลท์ เป็น 11 กิโลโวลท์ (K.V.) รวมทั้งปรับปรุงเสาไฟฟ้าโดยเปลี่ยนจากเสาไม้มาเป็นเสาคอนกรีต
ในปี พ.ศ. 2509 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้ขยายเขตจำหน่ายกระแสไฟฟ้ามาถึงอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยตั้งสถานีไฟฟ้าย่อยที่ 1 ขึ้นที่ตำบลบางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ดังนั้น ทร. จึงได้ยกเลิกเดินเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่มีอยู่ และได้ซื้อกระแสไฟฟ้าจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มาจ่ายให้แก่หน่วยราชการและประชาชนในราคาที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคถือปฏิบัติ
ในปี พ.ศ. 2512 ทร.ได้สถาปนาหน่วยงานดังกล่าวเป็น “กิจการไฟฟ้าและประปา” และย้ายสำนักงานจากโรงกำเนิดไฟฟ้าแห่งเดิม มาอยู่ ณ ที่ทำการของ O.I.C.C. ซึ่งเป็นสำนักงานของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัตหีบ ในปัจจุบัน ต่อมาในปี พ.ศ.2514 ได้ตัดชื่อคำว่า “และประปาออก” คงเหลือแต่ชื่อ “กิจการไฟฟ้า” แต่เพียงอย่างเดียว
เมื่อ 14 มกราคม 2514 ทร.ได้รับสัมปทานประกอบกิจการไฟฟ้าครั้งแรก จากกระทรวงมหาดไทย มีอายุสัมปทาน 10 ปี
เมื่อหมดอายุสัมปทานครั้งแรก ทร. ได้ขอต่ออายุสัมปทานออกไปอีกและได้รับอนุมัติให้ประกอบกิจการไฟฟ้าต่อไปอีก10ปีตั้งแต่ 14 มกราคม 2524 โดยหมดอายุสัมปทานใน 14 มกราคม 2534
เมื่อสิ้นอายุสัมปทานครั้งที่ 2 ทร. ได้ขอต่ออายุสัมปทานออกไปอีก 10 ปีและได้รับอนุมัติตั้งแต่ 6 มิถุนายน 2533 หมดอายุสัมปทานใน 6 มิถุนายน 2543
เมื่อสิ้นสุดอายุสัมปทานครั้งที่ 3 ทร. ได้ขอต่ออายุสัมปทานต่อไปอีก แต่เนื่องจากเกิดข้อขัดข้องในขั้นตอนงานธุรการ จึงทำให้ระยะเวลาของสัมปทานครั้งที่ 3 และ 4 ไม่ต่อเนื่อง จนในที่สุดใน 13 สิงหาคม 2541 ทร. ได้ร้องขอและได้รับการต่ออายุสัมปทานต่อไปอีก 25 ปี นับตั้งแต่ 6 มิถุนายน 2543 โดยมีเงื่อนไขว่า ทร. จะต้องสร้างโรงผลิตไฟฟ้าเอง โดยจ่ายให้แก่หน่วยงานราชการ และประชาชนในเขตสัมปทานให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี หลังจากได้รับสัมปทาน หากไม่สามารถก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้ อายุสัมปทานจะลดเหลือ 10 ปี แต่ ทร. ก็ไม่สามารถก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้ด้วยสาเหตุต่าง ๆ
เมื่อมิถุนายน 2545 ทร. ได้ขอขยายเวลาการก่อสร้างโรงไฟฟ้าออกไปอีก 4 ปี ถึง พ.ศ.2547 ซึ่งได้รับอนุมัติจากกระทรวงมหาดไทย เมื่อสิงหาคม 2545
อนึ่ง ทร. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ทร. ในพื้นที่อำเภอสัตหีบเพื่อคัดเลือกบริษัทเอกชนมาลงทุนดำเนินการ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีบริษัทที่มีคุณสมบัติที่จะเข้ามาดำเนินการ เนื่องจากต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการประมาณ 4,000 ล้านบาท อีกทั้งยังมีปัญหาในด้านต่าง ๆ อีก เช่น ปัญหาสิ่งแวดล้อม มลภาวะทางอากาศ เป็นต้น
แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าไม่สำเร็จได้ ทร.โดยกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัตหีบก็ได้จัดทำโครงการต่างๆมากมายเพื่อขยายขีดความสามารถของระบบจำหน่ายไฟฟ้าเช่น
- การบริการและการซ่อมบำรุง เพื่อความมั่นคงในระบบจำหน่าย
- บริการชำระเงินค่าไฟฟ้าด้วยการหักบัญชีธนาคารพาณิชย์
- โครงการเพิ่มสถานีรับชำระค่าไฟฟ้า (สำนักงานย่อย สาขาโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พร. สำนักงานย่อย สาขาศูนย์การฝึก สอ./ รฝ. และชำระเงินค่าไฟฟ้าด้วยบริการเคาน์เตอร์เซอร์วิส)
- การเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน ด้วยการฝึกอบรมร่วมกับการไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และฟังการบรรยายจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ
- โครงการก่อสร้างสถานีจ่ายไฟฟ้าแรงสูง 3 และปรับปรุงสถานีจ่ายไฟฟ้าแรงสูง 2 และ 1
- โครงการติดตั้งระบบควบคุมและการสั่งการระยะไกล เป็นต้น
แสดงความคิดเห็น
ทำไม ทร ถึงได้สิทธิการดูแลเรื่องการให้บริการการใช้ไฟฟ้า ในพื้นที่สับหีบ ชลบุรีครับ แทนที่จะเป็นของ กฟภ