การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์ทวีปเอเชีย “เอเชี่ยนคัพ 2023” รอบสุดท้าย เตรียมเปิดฉากในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ (12 มกราคม) ซึ่งสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) เผยว่ามีการขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดทั่วโลก ทว่าประเทศไทยไม่มีชื่ออยู่ในลิสต์ดังกล่าว
โดยลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดของเอเชี่ยนคัพ เป็นหน้าที่ของ บริษัท เอเชีย ฟุตบอล กรุ๊ป ของกาตาร์ ในฐานะผู้ถือลิขสิทธิ์ ได้ขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดให้กับประเทศต่างๆ ไปแล้ว 201 ประเทศทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม อย่างไรก็ตาม จากรายชื่อผู้ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดของแต่ละประเทศ (OFFICIAL BROADCASTERS) ปรากฏว่าไม่มีชื่อของประเทศไทย แม้ว่าทีมชาติไทยจะเข้าร่วมการแข่งขันก็ตาม ก็ยังไม่มีบริษัทเอกชนรายใดซื้อลิขสิทธิ์ไปครอง
ทั้งนี้มีรายงานว่า ไทยรัฐทีวี กำลังเจรจาอยู่ในช่วงสัปดาห์ก่อน แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยทางช่องโทรทัศน์ของไทยต้องการซื้อเฉพาะคู่ที่ทีมชาติไทยทำการแข่งขันเท่านั้น ไม่ได้ขอซื้อทั้งทัวร์นาเมนต์เพราะมีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป ขณะที่นอกจากไทยแล้ว อิหร่าน ก็เป็นอีกหนึ่งชาติที่เข้ารอบสุดท้าย แต่ยังไม่มีเจ้าใดได้ลิขสิทธิ์
สำหรับทวีปเอเชียที่มีการขายลิขสิทธิ์ไปแล้วรวมทั้งสิ้น 37 ประเทศ ประกอบด้วย ออสเตรเลีย, บังกลาเทศ, กัมพูชา, จีน, ไต้หวัน, กวม, หมู่เกาะนอร์ทเทิร์น มารีนา, ฮ่องกง, อินเดีย, อินโดนีเซีย, ปาปัวนิวกินี, ติมอร์ เลสเต, อิรัก, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, คีร์กีซสถาน, มาเก๊า, มาเลเซีย, มัลดีฟส์, มองโกเลีย, เมียนมาร์, กาตาร์, บาห์เรน, จอร์แดน, คูเวต, เลบานอน, ปาเลสไตน์, ซีเรีย, เยเมน, โอมาน, ซาอุดิอาระเบีย, สิงคโปร์, ทาจิกีสถาน, เติร์กเมนิสถาน, ยูเออี, อุซเบกิสถาน, เวียดนาม
ส่วนทวีปอื่นๆ ยุโรป 37 ประเทศ, อเมริกา 49 ประเทศ, แอฟริกา 61 ประเทศ และโอเชียเนีย 17 ประเทศ
ทั้งนี้ การซื้อ-ขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลเอเชียนคัพ 2023 เป็นเรื่องระหว่างผู้ดูแลด้านสิทธิประโยชน์ของ AFC (บ.เอเชีย ฟุตบอล กรุ๊ป) กับบริษัทโทรทัศน์ในแต่ละประเทศ ไม่เกี่ยวข้องกับสมาคมฟุตบอลฯ แต่อย่างใด
สำหรับโปรแกรมของทีมชาติไทย ในเอเชี่ยนคัพ 2023 รอบแรก กลุ่มเอฟ นัดแรก พบกับ คีร์กีซสถาน วันที่ 16 มกราคม นัดสองพบ โอมาน วันที่ 21 มกราคม และนัดสุดท้าย พบ ซาอุดีอาระเบีย วันที่ 25 มกราคม
ที่มา :
AFC
เอเอฟซีเผยขายลิขสิทธิ์ยิงสดเอเชี่ยนคัพทั่วโลกแล้ว แต่ไร้ชื่อประเทศไทย!!! ⚽[กลุ่มเอฟ นัดแรก พบกับ คีร์กีซสถาน]⚽
โดยลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดของเอเชี่ยนคัพ เป็นหน้าที่ของ บริษัท เอเชีย ฟุตบอล กรุ๊ป ของกาตาร์ ในฐานะผู้ถือลิขสิทธิ์ ได้ขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดให้กับประเทศต่างๆ ไปแล้ว 201 ประเทศทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม อย่างไรก็ตาม จากรายชื่อผู้ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดของแต่ละประเทศ (OFFICIAL BROADCASTERS) ปรากฏว่าไม่มีชื่อของประเทศไทย แม้ว่าทีมชาติไทยจะเข้าร่วมการแข่งขันก็ตาม ก็ยังไม่มีบริษัทเอกชนรายใดซื้อลิขสิทธิ์ไปครอง
ทั้งนี้มีรายงานว่า ไทยรัฐทีวี กำลังเจรจาอยู่ในช่วงสัปดาห์ก่อน แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยทางช่องโทรทัศน์ของไทยต้องการซื้อเฉพาะคู่ที่ทีมชาติไทยทำการแข่งขันเท่านั้น ไม่ได้ขอซื้อทั้งทัวร์นาเมนต์เพราะมีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป ขณะที่นอกจากไทยแล้ว อิหร่าน ก็เป็นอีกหนึ่งชาติที่เข้ารอบสุดท้าย แต่ยังไม่มีเจ้าใดได้ลิขสิทธิ์
สำหรับทวีปเอเชียที่มีการขายลิขสิทธิ์ไปแล้วรวมทั้งสิ้น 37 ประเทศ ประกอบด้วย ออสเตรเลีย, บังกลาเทศ, กัมพูชา, จีน, ไต้หวัน, กวม, หมู่เกาะนอร์ทเทิร์น มารีนา, ฮ่องกง, อินเดีย, อินโดนีเซีย, ปาปัวนิวกินี, ติมอร์ เลสเต, อิรัก, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, คีร์กีซสถาน, มาเก๊า, มาเลเซีย, มัลดีฟส์, มองโกเลีย, เมียนมาร์, กาตาร์, บาห์เรน, จอร์แดน, คูเวต, เลบานอน, ปาเลสไตน์, ซีเรีย, เยเมน, โอมาน, ซาอุดิอาระเบีย, สิงคโปร์, ทาจิกีสถาน, เติร์กเมนิสถาน, ยูเออี, อุซเบกิสถาน, เวียดนาม
ส่วนทวีปอื่นๆ ยุโรป 37 ประเทศ, อเมริกา 49 ประเทศ, แอฟริกา 61 ประเทศ และโอเชียเนีย 17 ประเทศ
ทั้งนี้ การซื้อ-ขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลเอเชียนคัพ 2023 เป็นเรื่องระหว่างผู้ดูแลด้านสิทธิประโยชน์ของ AFC (บ.เอเชีย ฟุตบอล กรุ๊ป) กับบริษัทโทรทัศน์ในแต่ละประเทศ ไม่เกี่ยวข้องกับสมาคมฟุตบอลฯ แต่อย่างใด
สำหรับโปรแกรมของทีมชาติไทย ในเอเชี่ยนคัพ 2023 รอบแรก กลุ่มเอฟ นัดแรก พบกับ คีร์กีซสถาน วันที่ 16 มกราคม นัดสองพบ โอมาน วันที่ 21 มกราคม และนัดสุดท้าย พบ ซาอุดีอาระเบีย วันที่ 25 มกราคม
ที่มา : AFC