เรื่องมีอยู่ว่า ลุงเราเคยไปทำงานต่างประเทศแล้วโดนชวนให้เสพยาจากเพื่อนร่วมงานเดียวกัน และในตอนนี้เป็นผู้ป่วยจิตเวช(ภาวะรุนแรง) และไม่ทำงาน แรกๆอาการถือว่ายังพอรับมือได้(อย่างการด่าชาวบ้านแล้วโทษปู่กับย่า)แถมยังมีแฟนให้โทรไปคุยด้วยได้ในตอนนั้น แต่เมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อน แฟนของลุงเขามีสามีใหม่ และสร้างครอบครัวใหม่ ทำให้ลุงอาการคลั่ง
แล้วพอคลั่งแล้วเนี่ย จะชอบทุบข้าวของ,พังรถ(ครอบครัวแทบไม่มีเงินจะกินคนแก่อายุ60กว่าๆจะ70ต้องทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว),ด่าย่ากับปู่ให้ไปตาย พออาการคลั่งเบาลงแล้วเนี่ยจะชอบมาพูดดีๆด้วยขอตัง100ขึ้น(ทำงานแต่ละวันได้ค่าแรงแค่200-300)เพื่อไปซื้อม้ามาสูบและตกเย็นมาก็ด่าทออีก
เป็นแบบนี้มา3-4ปีแล้วค่ะ เมื่อวานก็อาการหนักแล้วทุบข้าวของแถมมีการข่มขู่ว่าจะฆ่า หนูกับย่าเลยต้องรีบหนีออกจากบ้าน(ปู่ป่วยหนักนอนโรงบาล)โดยที่แจ้งผู้ใหญ่บ้านให้ตำรวจมาจับ แต่ตำรวจไม่จับ เพราะอ้างว่า ตอนเข้าไปสอบถามลุงก็อาการปกติดี คุยเหมือนคนปกติ เลยไม่จับทั้งๆที่ทรมานมานาน อดทนจนสุดแล้วเลยเลือกที่จะขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตอนนี้หนูกับย่ายังไม่กล้ากลับบ้านค่ะ สงสัยว่าต้องต้องรอให้สังหารกันก่อนมั้ย ตำรวจถึงจะทำงาน
ต้องรอให้ผูป่วยจิตเวชฆ่* คนในครอบครัวก่อนรึเปล่าตำรวจถึงทำงาน?
แล้วพอคลั่งแล้วเนี่ย จะชอบทุบข้าวของ,พังรถ(ครอบครัวแทบไม่มีเงินจะกินคนแก่อายุ60กว่าๆจะ70ต้องทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว),ด่าย่ากับปู่ให้ไปตาย พออาการคลั่งเบาลงแล้วเนี่ยจะชอบมาพูดดีๆด้วยขอตัง100ขึ้น(ทำงานแต่ละวันได้ค่าแรงแค่200-300)เพื่อไปซื้อม้ามาสูบและตกเย็นมาก็ด่าทออีก
เป็นแบบนี้มา3-4ปีแล้วค่ะ เมื่อวานก็อาการหนักแล้วทุบข้าวของแถมมีการข่มขู่ว่าจะฆ่า หนูกับย่าเลยต้องรีบหนีออกจากบ้าน(ปู่ป่วยหนักนอนโรงบาล)โดยที่แจ้งผู้ใหญ่บ้านให้ตำรวจมาจับ แต่ตำรวจไม่จับ เพราะอ้างว่า ตอนเข้าไปสอบถามลุงก็อาการปกติดี คุยเหมือนคนปกติ เลยไม่จับทั้งๆที่ทรมานมานาน อดทนจนสุดแล้วเลยเลือกที่จะขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตอนนี้หนูกับย่ายังไม่กล้ากลับบ้านค่ะ สงสัยว่าต้องต้องรอให้สังหารกันก่อนมั้ย ตำรวจถึงจะทำงาน