องค์การอนามัยโลกเตือน! ห้ามเหยียบแมลงสาบ อันตรายกว่าที่คิด
แมลงสาบเป็นสัตว์ที่มักพบอาศัยอยู่ในบ้านเรือนและอาคารต่างๆ เนื่องจากชอบอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีสิ่งสกปรก ความชื้น และเศษอาหาร ซึ่งเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคต่างๆ แมลงสาบสามารถพาเชื้อโรคเหล่านี้ติดไปกับตัวและแพร่กระจายไปยังพื้นผิวต่างๆ ในบ้านหรืออาคาร รวมถึงเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ เมื่อมนุษย์หายใจเอาเชื้อโรคเหล่านี้เข้าไปอาจทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น โรคท้องร่วง โรคไทฟอยด์ โรคบิด โรคหอบหืด และโรคภูมิแพ้
องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกประกาศเตือนว่าการกำจัดแมลงสาบด้วยการเหยียบหรือบดขยี้ อาจเป็นสาเหตุให้เชื้อโรคแพร่กระจายและอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
การเหยียบหรือบดขยี้แมลงสาบอาจทำให้เชื้อโรคเหล่านี้กระจายออกสู่พื้นผิวต่างๆ มากขึ้น ตัวอย่างเช่น เชื้อโรคที่อยู่บนตัวแมลงสาบอาจหลุดกระจายออกสู่พื้นหรือเฟอร์นิเจอร์ เมื่อมนุษย์สัมผัสพื้นหรือเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้อาจได้รับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ นอกจากนี้ เชื้อโรคที่กระจายออกสู่อากาศอาจเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ได้เช่นกัน
วิธีกำจัดแมลงสาบที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ควรใช้วิธีต่างๆ ดังนี้
1. ทำความสะอาดบ้านให้สะอาดอยู่เสมอ กำจัดเศษอาหารและขยะให้เรียบร้อย ทำความสะอาดพื้นผิวต่างๆ ในบ้านอย่างสม่ำเสมอ
2. ปิดฝาถังขยะให้มิดชิด เพื่อป้องกันไม่ให้แมลงสาบเข้าไปวางไข่หรือหาอาหาร
3. เก็บอาหารให้เรียบร้อย เก็บอาหารไว้ในภาชนะที่ปิดมิดชิด ไม่ให้แมลงสาบเข้าไปกินได้
4. ใช้ยาฆ่าแมลงหรือกับดักแมลงสาบ ในกรณีที่แมลงสาบมีจำนวนมากเกินไป ควรใช้ยาฆ่าแมลงหรือกับดักแมลงสาบอย่างถูกวิธี
หากพบแมลงสาบในบ้าน ควรใช้วิธีกำจัดแมลงสาบอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายของเชื้อโรคและป้องกันอันตรายต่อสุขภาพ
วิธีป้องกันไม่ให้แมลงสาบเข้ามาในบ้าน
นอกจากการกำจัดแมลงสาบแล้ว ยังสามารถป้องกันไม่ให้แมลงสาบเข้ามาในบ้านได้อีกด้วย โดยทำตามวิธีต่อไปนี้
1. ปิดผนึกรอยรั่วตามผนัง หน้าต่าง และประตู เพื่อไม่ให้แมลงสาบเข้ามาได้
2. เก็บขยะและเศษอาหารให้เรียบร้อย ไม่ให้เป็นแหล่งอาหารของแมลงสาบ
3. ทำความสะอาดบ้านให้สะอาดอยู่เสมอ ไม่ให้มีแมลงสาบเข้ามาวางไข่
4. ใช้ยากันแมลง เพื่อป้องกันไม่ให้แมลงสาบเข้ามาในบ้าน
การกำจัดแมลงสาบและการป้องกันไม่ให้แมลงสาบเข้ามาในบ้าน เป็นสิ่งสำคัญเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของทุกคนในครอบครัว
ที่มา :
เว็บไซต์ขององค์การอนามัยโลก (WHO)
เว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
องค์การอนามัยโลกเตือน! ห้ามเหยียบแมลงสาบ อันตรายกว่าที่คิด
แมลงสาบเป็นสัตว์ที่มักพบอาศัยอยู่ในบ้านเรือนและอาคารต่างๆ เนื่องจากชอบอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีสิ่งสกปรก ความชื้น และเศษอาหาร ซึ่งเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคต่างๆ แมลงสาบสามารถพาเชื้อโรคเหล่านี้ติดไปกับตัวและแพร่กระจายไปยังพื้นผิวต่างๆ ในบ้านหรืออาคาร รวมถึงเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ เมื่อมนุษย์หายใจเอาเชื้อโรคเหล่านี้เข้าไปอาจทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น โรคท้องร่วง โรคไทฟอยด์ โรคบิด โรคหอบหืด และโรคภูมิแพ้
องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกประกาศเตือนว่าการกำจัดแมลงสาบด้วยการเหยียบหรือบดขยี้ อาจเป็นสาเหตุให้เชื้อโรคแพร่กระจายและอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
การเหยียบหรือบดขยี้แมลงสาบอาจทำให้เชื้อโรคเหล่านี้กระจายออกสู่พื้นผิวต่างๆ มากขึ้น ตัวอย่างเช่น เชื้อโรคที่อยู่บนตัวแมลงสาบอาจหลุดกระจายออกสู่พื้นหรือเฟอร์นิเจอร์ เมื่อมนุษย์สัมผัสพื้นหรือเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้อาจได้รับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ นอกจากนี้ เชื้อโรคที่กระจายออกสู่อากาศอาจเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ได้เช่นกัน
วิธีกำจัดแมลงสาบที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ควรใช้วิธีต่างๆ ดังนี้
1. ทำความสะอาดบ้านให้สะอาดอยู่เสมอ กำจัดเศษอาหารและขยะให้เรียบร้อย ทำความสะอาดพื้นผิวต่างๆ ในบ้านอย่างสม่ำเสมอ
2. ปิดฝาถังขยะให้มิดชิด เพื่อป้องกันไม่ให้แมลงสาบเข้าไปวางไข่หรือหาอาหาร
3. เก็บอาหารให้เรียบร้อย เก็บอาหารไว้ในภาชนะที่ปิดมิดชิด ไม่ให้แมลงสาบเข้าไปกินได้
4. ใช้ยาฆ่าแมลงหรือกับดักแมลงสาบ ในกรณีที่แมลงสาบมีจำนวนมากเกินไป ควรใช้ยาฆ่าแมลงหรือกับดักแมลงสาบอย่างถูกวิธี
หากพบแมลงสาบในบ้าน ควรใช้วิธีกำจัดแมลงสาบอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายของเชื้อโรคและป้องกันอันตรายต่อสุขภาพ
วิธีป้องกันไม่ให้แมลงสาบเข้ามาในบ้าน
นอกจากการกำจัดแมลงสาบแล้ว ยังสามารถป้องกันไม่ให้แมลงสาบเข้ามาในบ้านได้อีกด้วย โดยทำตามวิธีต่อไปนี้
1. ปิดผนึกรอยรั่วตามผนัง หน้าต่าง และประตู เพื่อไม่ให้แมลงสาบเข้ามาได้
2. เก็บขยะและเศษอาหารให้เรียบร้อย ไม่ให้เป็นแหล่งอาหารของแมลงสาบ
3. ทำความสะอาดบ้านให้สะอาดอยู่เสมอ ไม่ให้มีแมลงสาบเข้ามาวางไข่
4. ใช้ยากันแมลง เพื่อป้องกันไม่ให้แมลงสาบเข้ามาในบ้าน
การกำจัดแมลงสาบและการป้องกันไม่ให้แมลงสาบเข้ามาในบ้าน เป็นสิ่งสำคัญเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของทุกคนในครอบครัว
ที่มา :
เว็บไซต์ขององค์การอนามัยโลก (WHO)
เว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์