อาชีพBrokerหุ้นหรือ มาร์เก็ตติ้งหุ้น หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการเรียกว่า ผู้แนะนำการลงทุน เป็นอาชีพหนึ่งที่สมัยก่อนเรียกว่า มนุษย์ทองคำ แต่ตอนนี้รายได้แทบไม่พอกิน โดยดูจากงบบริษัทหลักทรัพย์ที่ประกาศออกมาแล้ว น่าสนใจมากเลยพบว่างบหลายๆบริษัทลดลงมากกว่าครึ่งและหลายๆบริษัทก็ขาดทุน แน่นอนย่อมส่งผลต่อรายได้ที่ของคนที่มีอาชีพBrokerหุ้นมีรายได้ลดลงอย่างชัดเจน บางบริษัทถึงกับขอร้องให้พนักงานออกเพื่อประหยัดต้นทุน
1. ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลง่ายขึ้น
ในสมัยก่อนในยุคที่ไม่มีอินเตอร์เน็ตนั้น ลูกค้าจะทราบข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นเป็นไปด้วยความยากลำบากอย่างมากต้องรอข้อมูลจากทาง Brokerหุ้นทำให้ลูกค้าต้องพึ่งพาBrokerหุ้นอย่างมาก แต่ในยุคสมัยนี้ข้อมูลสามารถเข้าถึงได้ง่าย ไม่จำเป็นจะต้องใช้Broker หุ้นในการหาข้อมูล
2. ค่าคอมถูกลง แต่ค่าข้าวแพงขึ้น
ค่าคอมทาง Broker หุ้นตอนนี้มีแนวโน้มแต่จะถูกลง หลังจากที่มี Discount Broker เข้ามาทำการตลาดอย่างหนักช่วงผ่านมา ลดแลกแจกแถมอีกเพียบ แต่อันที่จริงมันก็มีมาก่อนอยู่แล้วสำหรับการเทรดหุ้นค่าคอมถูกสำหรับรายใหญ่ บางที่ถึงกับเหมาจ่ายเลยทีเดียว แล้ว ทาง Broker หุ้น จะเอาอะไรกินกันล่ะทีนี้
3. ติดต่อ Broker หุ้น ยากขึ้น
ติดต่อในที่นี้ไม่ได้หมายถึงว่าเราไม่สามารถติดต่อกับ Brokerหุ้นทางอื่นเลยนอกจากโทรศัพท์ แต่พบว่าการซื้อขายที่จะสามารถทำได้จะมีสองทางคือลูกค้าสั่งคำสั่งทางอินเตอร์เน็ตเอง และ ลูกค้าสั่งซื้อขายผ่านทางโทรศัพท์ แต่รายได้ผ่านลูกค้าเทรดเองบริษัทแบ่งให้พนักงานน้อยมาก จะให้ลูกค้าสั่งคำสั่งผ่านโทรศัพท์ก็ไม่ค่อยสะดวกอีก ลูกค้าสะดวกติดต่อผ่านทางอื่นมากกว่า เช่น Line แต่ไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานการซื้อขายได้ มีความเสี่ยงที่ Broker หุ้น จะโดนข้อหาไม่มีที่มาคำสั่งได้ แต่ที่น่าตลกก็คือ ลูกค้าสามารถใช้หลักฐานทาง Line ไปแจ้งกับ ก.ล.ต. ได้ว่าเป็นหลักฐานที่ Broker หุ้น ทำผิดพลาดต้องรับผิดชอบ แต่ Broker หุ้น ดูเป็นหลักฐานที่ไม่มีน้ำหนักในการใช้แก้ต่าง
4. ต้องแนะนำตามข้อมูลบทวิเคราะห์บริษัท
การเป็นผู้แนะนำตามหลักแล้วเวลาแนะนำ ต้องมีแหล่งที่มาอย่างชัดเจน ดังนั้นแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือที่สุดก็คือ บทวิเคราะห์ของบริษัทของตัวเอง ถ้าไปใช้ของบริษัทอื่นก็มีความเสี่ยงลิขสิทธิ์อีก แต่ถ้าใช้บทวิเคราะห์ของบริษัทเราจะมั่นใจได้ยังไงว่าบทวิเคราะห์ของบริษัทจะแนะนำได้ถูกต้อง เพราะนักวิเคราะห์ก็ไม่ต้องมานั่งรับผิดชอบพอร์ตลูกค้าเหมือนผู้แนะนำการลงทุน
5. Start-up เกิดใหม่เป็นดอกเห็ด
Start-upที่แนะนำการลงทุนเกิดใหม่ขึ้นเยอะมาก ใช้ทุนจดทะเบียนต่ำ ความยืดหยุ่นของกฏหมายในการแนะนำการลงทุนสูงมากกว่า ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่เลือกที่จะไปใช้บริการ Start-up การลงทุนมากกว่า
6. กูรูมากมาย
กูรูตามเพจต่างเกิดขึ้นมากมาย วิคราะห์หุ้นออกมาเป็นฉากๆได้ หรือบางทีแค่พาดหัวข่าวให้คนเข้าใจผิดได้อีก โดยที่ไม่ได้ต้องระมัดระวังคำพูดที่พิมออกมาว่าจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อนักลงทุน แต่ Broker หุ้นทำไม่ได้ ทุกอย่างต้องมีหลักฐานแหล่งอ้างอิงน่าเชื่อถือตลอด
7. รายย่อยน้อยลง
จากข้อมูลต่างๆตอนนี้ ถึงแม้ Volume ตลาดจะลดลง แต่รายได้ Broker หุ้นลดลงรุนแรงกว่า Volume 9ลาดเยอะ ส่วนหนึ่งเพราะพฤติกรรมของนักลงทุนมีแนวโน้มไปลงทุนกองทุนรวมมากยิ่งขึ้น ทำให้สัดส่วนนักลงทุนรายย่อยมีแนวโน้มลดลง
แน่นอนครับว่าอาชีพ Broker หุ้นก็สามารถสร้างรายได้มากมายให้กับหลายๆคนอยู่ แต่โดยเฉลี่ยแล้วรายได้แล้วกลับมีทีท่าว่าจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจนเลย ยังไงใครมี ผู้แนะนำการลงทุนที่ดีแล้วก็เห็นใจกับรายได้พวกเขาบ้างนะครับ
7 สาเหตุทำให้อาชีพBrokerหุ้นกำลังจะตาย
อาชีพBrokerหุ้นหรือ มาร์เก็ตติ้งหุ้น หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการเรียกว่า ผู้แนะนำการลงทุน เป็นอาชีพหนึ่งที่สมัยก่อนเรียกว่า มนุษย์ทองคำ แต่ตอนนี้รายได้แทบไม่พอกิน โดยดูจากงบบริษัทหลักทรัพย์ที่ประกาศออกมาแล้ว น่าสนใจมากเลยพบว่างบหลายๆบริษัทลดลงมากกว่าครึ่งและหลายๆบริษัทก็ขาดทุน แน่นอนย่อมส่งผลต่อรายได้ที่ของคนที่มีอาชีพBrokerหุ้นมีรายได้ลดลงอย่างชัดเจน บางบริษัทถึงกับขอร้องให้พนักงานออกเพื่อประหยัดต้นทุน
1. ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลง่ายขึ้น
ในสมัยก่อนในยุคที่ไม่มีอินเตอร์เน็ตนั้น ลูกค้าจะทราบข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นเป็นไปด้วยความยากลำบากอย่างมากต้องรอข้อมูลจากทาง Brokerหุ้นทำให้ลูกค้าต้องพึ่งพาBrokerหุ้นอย่างมาก แต่ในยุคสมัยนี้ข้อมูลสามารถเข้าถึงได้ง่าย ไม่จำเป็นจะต้องใช้Broker หุ้นในการหาข้อมูล
2. ค่าคอมถูกลง แต่ค่าข้าวแพงขึ้น
ค่าคอมทาง Broker หุ้นตอนนี้มีแนวโน้มแต่จะถูกลง หลังจากที่มี Discount Broker เข้ามาทำการตลาดอย่างหนักช่วงผ่านมา ลดแลกแจกแถมอีกเพียบ แต่อันที่จริงมันก็มีมาก่อนอยู่แล้วสำหรับการเทรดหุ้นค่าคอมถูกสำหรับรายใหญ่ บางที่ถึงกับเหมาจ่ายเลยทีเดียว แล้ว ทาง Broker หุ้น จะเอาอะไรกินกันล่ะทีนี้
3. ติดต่อ Broker หุ้น ยากขึ้น
ติดต่อในที่นี้ไม่ได้หมายถึงว่าเราไม่สามารถติดต่อกับ Brokerหุ้นทางอื่นเลยนอกจากโทรศัพท์ แต่พบว่าการซื้อขายที่จะสามารถทำได้จะมีสองทางคือลูกค้าสั่งคำสั่งทางอินเตอร์เน็ตเอง และ ลูกค้าสั่งซื้อขายผ่านทางโทรศัพท์ แต่รายได้ผ่านลูกค้าเทรดเองบริษัทแบ่งให้พนักงานน้อยมาก จะให้ลูกค้าสั่งคำสั่งผ่านโทรศัพท์ก็ไม่ค่อยสะดวกอีก ลูกค้าสะดวกติดต่อผ่านทางอื่นมากกว่า เช่น Line แต่ไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานการซื้อขายได้ มีความเสี่ยงที่ Broker หุ้น จะโดนข้อหาไม่มีที่มาคำสั่งได้ แต่ที่น่าตลกก็คือ ลูกค้าสามารถใช้หลักฐานทาง Line ไปแจ้งกับ ก.ล.ต. ได้ว่าเป็นหลักฐานที่ Broker หุ้น ทำผิดพลาดต้องรับผิดชอบ แต่ Broker หุ้น ดูเป็นหลักฐานที่ไม่มีน้ำหนักในการใช้แก้ต่าง
4. ต้องแนะนำตามข้อมูลบทวิเคราะห์บริษัท
การเป็นผู้แนะนำตามหลักแล้วเวลาแนะนำ ต้องมีแหล่งที่มาอย่างชัดเจน ดังนั้นแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือที่สุดก็คือ บทวิเคราะห์ของบริษัทของตัวเอง ถ้าไปใช้ของบริษัทอื่นก็มีความเสี่ยงลิขสิทธิ์อีก แต่ถ้าใช้บทวิเคราะห์ของบริษัทเราจะมั่นใจได้ยังไงว่าบทวิเคราะห์ของบริษัทจะแนะนำได้ถูกต้อง เพราะนักวิเคราะห์ก็ไม่ต้องมานั่งรับผิดชอบพอร์ตลูกค้าเหมือนผู้แนะนำการลงทุน
5. Start-up เกิดใหม่เป็นดอกเห็ด
Start-upที่แนะนำการลงทุนเกิดใหม่ขึ้นเยอะมาก ใช้ทุนจดทะเบียนต่ำ ความยืดหยุ่นของกฏหมายในการแนะนำการลงทุนสูงมากกว่า ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่เลือกที่จะไปใช้บริการ Start-up การลงทุนมากกว่า
6. กูรูมากมาย
กูรูตามเพจต่างเกิดขึ้นมากมาย วิคราะห์หุ้นออกมาเป็นฉากๆได้ หรือบางทีแค่พาดหัวข่าวให้คนเข้าใจผิดได้อีก โดยที่ไม่ได้ต้องระมัดระวังคำพูดที่พิมออกมาว่าจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อนักลงทุน แต่ Broker หุ้นทำไม่ได้ ทุกอย่างต้องมีหลักฐานแหล่งอ้างอิงน่าเชื่อถือตลอด
7. รายย่อยน้อยลง
จากข้อมูลต่างๆตอนนี้ ถึงแม้ Volume ตลาดจะลดลง แต่รายได้ Broker หุ้นลดลงรุนแรงกว่า Volume 9ลาดเยอะ ส่วนหนึ่งเพราะพฤติกรรมของนักลงทุนมีแนวโน้มไปลงทุนกองทุนรวมมากยิ่งขึ้น ทำให้สัดส่วนนักลงทุนรายย่อยมีแนวโน้มลดลง
แน่นอนครับว่าอาชีพ Broker หุ้นก็สามารถสร้างรายได้มากมายให้กับหลายๆคนอยู่ แต่โดยเฉลี่ยแล้วรายได้แล้วกลับมีทีท่าว่าจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจนเลย ยังไงใครมี ผู้แนะนำการลงทุนที่ดีแล้วก็เห็นใจกับรายได้พวกเขาบ้างนะครับ