ภาษาที่ใช้ในการสวดมนต์เป็นภาษาที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลานับแต่ครั้งพุทธกาลจนถึงปัจจุบัน และเป็นภาษาที่เทพยดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเข้าใจ ขณะสวดมนต์จะมีเหล่าพรหมและเทพมาร่วมล้อมฟังผู้สวด แม้แต่สัตว์ในอเวจีก็ยังรู้สึกปีติเมื่อได้ยินเสียงสวดมนต์
เมื่อครั้งพุทธกาล พระพุทธองค์เสด็จไปโปรดสัตว์ทั้ง 31 ภพภูมิ เสียงสวดมนต์จึงเป็นภาษาสากลที่สามารถทะลุมิติ ทะลุจักรวาล ส่งผลไปได้ไกลโดยไม่ขึ้นกับระยะทาง เช่น สวดให้เพื่อนที่ป่วยหนักในสหรัฐอเมริกา พลังแห่งการสวดนั้นก็สามารถแผ่อานุภาพไปถึงได้
สำหรับมุมมองทางจิตวิทยา การสวดมนต์ทำให้มีสมาธิจดจ่อ มีสติ ไม่ประมาท และลดความกลัว ทำให้สุขภาพจิตดีขึ้น ใจเย็น ไม่หงุดหงิด ไม่ฟุ้งซ่าน การสวดที่จะสร้างสติได้ต้องออกเสียงอักขระให้ชัดเจน สวดทีละคำ ให้เสียงก้องในศีรษะทุกเสียง เมื่อสติไวจะสวดได้เร็วขึ้นเอง เสียงสวดไม่ควรขึ้นๆลงๆแบยจังหวะเพลง เพราะจะทำให้เคลิบเคลิ้มจนขาดสติ ขณะสวดอย่าคิดว่าว่อกแว่กไปเรื่องอื่น และควรท่องจำบทสวดให้ได้โดยเร็วที่สุด การสวดโดยไม่ดูบทสวดจะได้อานุภาพมากกว่า ผลพลอยได้ของการสวดมนต์เป็นประจำ คือ มีวาจาที่ไพเราะ ฟังเสนาะหู มีเสน่ห์แก่คู่สนทนา
ในทางการแพทย์ แรงสั่นสะเทือนจากการสวดมนต์ทำให้อวัยวะภายในทำงานดีขึ้น โดยเฉพาะระบบการหายใจ ระบบเลือด และระบบทางเดินอาหาร มีงานวิจัยระบุว่าการสวดมนต์ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ลดการเสียชีวิตจสกโรคมะเร็งได้ ส่งผลอัตราการเต้นของหัวใจช้าลง ความดันลดลง คลื่นสมองมีระเบียบมากขึ้น กล้ามเนื้อคลายตัว
บทสวดมีมากมายหลายบท แต่บทสวดสำคัญที่ชาวพุทธทุกคนควรรู้และสวดให้ได้ขึ้นใจ คือ บทอิติปิโส คาถาพาหุง และคาถาชินบัญชร
บทอิติปิโส
คือบทสรรเสริญพระรัตนตรัย อานิสงส์ของการสวดคือ ปราศจากโรคภัยต่างๆแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุทั้งปวง เนื่องจากเนื้อหาของบทสวดเป็นการพรรณนาถึงความศรัทธาต่อพระพุทธเจ้า ทำให้เทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายซึ่งนับถือพระพุทธเจ้าเช่นกัน คอยดูแลปกป้องคุ้มครองรักษาผู้สวด ถ้าสวดบทอิติปิโสเท่ากับจำนวนอายุบวกไปอีก 1 จบ เช่น อายุ 30 ปี สวด 31 จบ จะช่วยต่อดวงชะตาให้ยืนยาว และถ้าสวดได้ถึง 108 จบทุกวัน จะมีอานุภาพสูงสุด สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าปัญหาชีวิต การเงิน การเรียน คู่ครอง โรคภัยไข้เจ็บ
บทสวดอิติปิโสควรเป็นบทสวดบทแรกก่อนที่จะสวดคาถาพาหุงและคาถาชินบัญชรต่อไป
บทสรรเสริญพระพุทธคุณ
อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ
วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู
อะนุตตะโร ปุริสสะทัมมะสาระถิ
สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ
บทสรรเสริญพระธรรมคุณ สวดแล้วจะทำให้ใจสงบ มีสติ สมาธิ เกิดการเปลี่ยนแปลงจากภายใน ลดโลภะ โทสะ โมหะได้อย่างชะงัด สามารถปฏิบัติธรรมพัฒนาจิตใจได้อย่างรวดเร็ว และเข้าใจหลักธรรมคำสั่งสอนได้อย่างแจ่มแจ้ง
บทสรรเสริญพระธรรมคุณ
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก
ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญู
ติ
บทสรรเสริญพระสังฆคุณ คือพระอริยสงฆ์ผู้บรรลุมรรคและผลชั้นต่างๆ บทสวดนี้จะรวบรวมพลังบารมีของพระอริยสงฆ์ทั้งหมดนับแต่ครั้งพุทธกาล ดังนั้น จึงมีอานิสงส์ที่สูงจนประเมินไม่ได้ เมื่อสวดทุกวันไม่จำเป็นต้องสวมพระเครื่องหรือเครื่องรางของขลังใดๆ เพราะพลังแห่งสังฆานุภาพจะปกป้องคุ้มครองรักษาอยู่ตลอดเวลา
บทสรรเสริญพระสังฆคุณ
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะปุริสะปุคคะลา
เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเนยโย อัญชะลีกะระณีโย
อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสา ติ
คาถาพาหุง
เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าพุทธชัยมงคลคาถา มีความยาว 8 บท ใช้สวดสรรเสริญชัยชนะ 8 ประการที่พระพุทธองค์ทรงมีเหนือมนุษย์และอมนุษย์ด้วยธรรมานุภาพ จึงเป็นคาถาที่ใช้สำหรับชัยชนะ ผู้ใดได้สวดเป็นประจำทุกวันจะประสบแต่ชัยชนะเจริญรุ่งเรืองไปตลอด สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงศรัทธาและสวดคาถาพาหุงมหากาอย่างสม่ำเสมอ ถือเป็นบทสวดประจำพระองค์ ในปัจจุบันกองทัพไทยก็ใช้สำหรับสวดก่อนออกรบครั้งสำคัญทุกครั้ง
หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี เกิดนิมิตหยั่งรู้ว่า สมเด็จพระนพรัตน์ วัดป่าแก้วแห่งกรุงศรีอยุธยา เป็นผู้แต่งคาถาพาหุงนี้ถวายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อให้พระองค์ไว้สวดเป็นประจำในพระราชวัง และระหว่างออกศึกสงคราม ทั้ง 8 บทของคาถาพาหุงประกอบด้วย
บทที่ 1 คาถาสำหรับเอาชนะศัตรูหมู่มาก เช่น ในการสู้รบหรือต้องการเอาชนะผู้ที่กดขี่ข่มเหงซึ่งมีอำนาจเหนือกว่า เมื่อสวดจบแล้วจึงแผ่เมตตา จะทำให้ผู้ที่คิดร้ายพ่ายแพ้ไป กรณีนี้ถ้าผู้สวดเป็นผู้คิดร้ายเสียเองคาถาจะเข้าตัว ทำให้ประสบภัยอันตราย
พาหุง สะหัสสะมะภินิม มิตะสาวุธันตัง ครีเมขะลัง อุทิตะโฆระสะเสนะมารัง
ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยังมังคะลานิ
บทที่ 2 สำหรับเอาชนะใจคนที่กระด้างกระเดื่องหรือคิดหักหลัง เป็นคาถาสร้างบารมี จะเป็นที่เกรงใจ เกรงกลัวของคนทั่วไป นอกจากนั้น ยังสามารถป้องกันโรคภัยและคุณไสย ภูตผีปีศาจได้เป็นอย่างดี
มาราติเรกะมะภิยุช ฌิตะสัพพะรัตติง โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง
ขันตีสุธันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิ
บทที่ 3 เป็นคาถทสำหรับเอาชนะสัตว์ร้าย คาถานี้จะช่วยให้สัตว์ร้าย ไม่ว่าสัตว์บก สัตว์น้ำ สัตว์ปีก แม้จะวิ่งเข้ามาทำร้ายก็จะอ้าปากไม่ขึ้น ถ้านำมาใช้กับสัตว์เลี้ยงทั่วไปจะทำให้สัตว์เลี้ยงเชื่อง ฝึกง่ายและไม่ทะเลาะ ไม่กัดกันเอง
นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง
เมตตัม พุเสกะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิ
บทที่ 4 สำหรับเอาชนะโจร สวด 3 จบก่อนออกจากบ้าน จะทำให้แคล้วคลาดจากอันธพาลหรือเหล่าอาชญากรทั้งปวง ถ้าสวดก่อนนอน จะเป็นกำแพงคอยปกป้องคุ้มครองบ้านเรือนจากโจรร้ายตลอดทั้งคืน
อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง ธาวันติโยชะนะถังคุลิมาละวันตัง
อิทธีภิสัง ขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิ
บทที่ 5 สำหรับเอาชนะการกลั่นแกล้ง ถูกใส่ร้ายกล่าวโทษหรือต้องคดีความ จะทำให้ความจริงปรากฎ ผู้ใส่ร้ายประสบกับความพ่ายแพ้
กัตวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะคัพภินียา จิญจายะ ทุฏฐะ วะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ
สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิ
บทที่ 6 สำหรับเอาชนะในการโต้ตอบ เป็นการเอาชนะด้านโวหารการพูด การโต้เถียง โต้วาที เมื่อจะไปสัมภาษณ์งาน ขึ้นพูดบนเวที นำเสนองาน สวดคาถาบทนี้ 3 จบ จะประสบความสำเร็จทุกที่นอกจากนั้น คาถาบทนี้ยังช่วยคุ้มครองจากศัตรูที่คิดร้ายด้วยการใช้โวหาร เช่น พูดนินทาว่าร้าย สร้างข่าวลือที่ไม่เป็นจริง
สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกะวาทะเกตุง วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง
ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิ
บทที่ 7 สำหรับเอาชนะศัตรูผู้มีฤทธิ์มาก โดยใช้อุบาย กุศโลบาย หรือการวางแผน
นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง ปุตเตนะ เถระ ภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต
อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิ
บทที่ 8 สำหรับเอาชนะทิฏฐิมานะของคน ใช้ปราบพยศคนที่ดื้อดึงสามารถเจรจาปรับความเข้าใจกับคนที่โกรธเคืองกันได้อย่างง่ายดาย ถ้าเสกคาถานี้ใส่น่ำแล้วให้ดื่ม ศัตรูจะกลายเป็นมิตร เด็กที่ดื้อเมื่อได้ดื่มก็จะหายดื้อ
ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง พรัหมัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิทานัง
ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิ
จะเห็นได้ว่าบทสวดพาหุงครอบคลุมกา่เอาชนะทุกด้านไว้อย่างสมบูรณ์ บทสวดพาหุงจึงจบด้วย
เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฏฐะคาถา โย วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที
หิตวานะเนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญ
มีควาใหมายว่า บุคคลใดมีปัญญา ไม่เกียจคร้าน สวดและระลึกถึงพุทธชัยมงคล 8 คาถาเหล่านี้ทุกๆวัน บุคคลนั้นจะพึงละัวาม
อันตรายทั้งหลายทุกอย่างเสียได้ จะเป็นผู้มีปัญญาและเข้าถึงความหลุดพ้น คือพระนิพพานอันบรมสุข
คาถาหัวใจพาหุง
พา มา นา อุ กะ สะ นะ ทุ (สวด 108 จบ)
เพื่ออานุภาพสูงสุด หลังสวดคาถาพาหุงจบแล้วควรตาอด้วยคาถาชินบัญชร
คาถาชินบัญชร
เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ในคัมภีร์โบราณ นิยมสวดกันมานับตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาและในประเทศที่นับถือพุทธศาสนานิกายเถรวาท เช่น ศรีลังกาและพม่า ผู้ที่สวดคาถานี้อย่างสม่ำเสมอจะมีเมตตามหานิยม ปราศจากศัตรูคิดปองร้าย ป้องกันภัยจากคุณไสยต่างๆแคล้วคลาดจากเหตุร้าย คนพาลไม่กล้ำกราย ชีวิตจะมีโชคลาภ เจริญรุ่งเรือง
บัญชร แปลว่า กรง หรือ ซี่กรง อันหมายถึง แผงเกราะที่จะช่วยป้องกันคุ้มภัยอันตรายจากหมู่มารทั้งปวง หรืออีกความหมายคือหน้าต่างของพระพุทธเจ้า ซึ่งจะทำให้เรามีดวงตาเห็นธรรม คาถานี้สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ใช้เป็นพระคาถาในการปลุกเสกพระสมเด็จ การที่พระสมเด็จวัดระฆังฯมีความศักดิ์สิทธิ์มากเป็นเพราะคาถานี้ สำหรับผู้ที่ไม่มีสมเด็จ การสวดคาถานี้จะส่งพุทธานุภาพเทียบเท่าการมีพระสมเด็จ หนึ่งในเบญจภาคีไว้บูชา และเชื่อกันว่าในวันปลดปล่อยแม่นาคให้พ้นจากบ่วงกรรม สมเด็จพระพุฒาจารย์ได้สวดบทชินบัญชรที่ปากหลุมแม่นาคด้วย
บทสวดนี้มีความหมายในการอัญเชิญบุญญาบารมีของพระพุทธเจ้าทั้ง 28 พระองค์ พระธรรมคำสั่งสอน และพระอรหันต์ 80 องค์ มาสถิตอยู่กับเรา นอกจากนั้นยังอัญเชิญพระสูตรต่างๆที่โบราณาจารย์ถือว่าเป็นพระพุทธอันวิเศษมารวมกันทั้งหมด ยิ่งถ้าสวดในวันพฤหัสบดีข้างขึ้นจะส่งผลสูงสุด ผู้ที่สวดจะมีพลังสติและพลังสมาธิสูงขึ้นอย่างมาก
นับเป็นคาถาที่ทรงอิทธิฤทธิ์และมีอานุภาพมากที่สุดคาถาหนึ่ง จนเรียกกันว่าเป็นคาถาแก้วสารพัดนึก สำหรับผู้ที่ค้าขายให้นำน้ำใส่พานแล้วสวดคาถานี้ หลังจากนั้นนำน้ำไปพรมให้ทั่วสินค้าแล้วจะขายดีอย่างอัศจรรย์
การสวดแบบย่อ 1 ครั้ง (10 จบ) จะมีอานุภาพคุ้มครองไปได้ 1 วันกับอีก 1 คืน และถ้าสวดขณะเสี่ยงภัยอันตรายจะแคล้วคลาดทันที ขณะที่สวดจะมีเทวดามาร่วมฟังเพื่อรับบารมีจากคาถานี้ด้วย ถ้าสวดเมื่อเดินทางไปต่างที่จะเป็นเกราะแก้วหุ้มรอบตัวเสมือนเป็นเกราะปราการที่ช่วยปกป้องคุ้มครองตลอดการเดินทาง และถ้าสวดก่อนนอนจะหลับได้อย่างสบายโดยไม่ต้องเกรงกลัวภัยอันตรายใดๆ
คาถาชินบัญชรอย่างย่อ
ชิ นะ ปัญ ชะ ระ ปะ ริต ตัง มัง รัก ขะ ตุ สัพ พะ ทา (สวด 10 จบ)
คาถาชินบัญชร
ชะยาสะนากะตา พุทธา เชตวา มารัง สะวาหะนัง
จะตุสัจจาสะภัง ระสัง เย ปิวิงสุ นะราสะภา
ตัณหังกะราทะโย พุทธา อัฏฐะวีสะติ นายะกา
สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง มัตถะเก เต มุนิสสะรา
สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน
สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง อุเร สัพพะคุณากะโร
หะทะเย เม อะนุรุทโธ สารีปุตโต จะทักขิเณ
โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง โมคคัลลาโน จะ วามะเก
ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง อาสุง อานันทะราหุลา
กัสสะโป จะมะหานาโม อุภาสุง วามะโสตะเก
เกสันเต ปิฏฐาคัสมิง สุริโยวะ ปะภังกะโร
นิสินโน สิริสัมปันโน โสภิโต มุนิปุงคะโว
กุมาระกัสสะโป เถโร มะเหสี จิตตะวาทะโก
โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง ปะติฏฐาสิ คุณากะโร
ปุณโณ อังคุลิมาโล จะ อุปาลี นันทะสีวะลี
เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา นะเลเฏ ติละกา มะมะ
เสสาสีติ มะหาเถรา วิชิตาชินะสาวะกา
เอตาสีติ มะหาเถรา ชิตะวันโต ชิโนระสา
ชะลันตา สีละเตเชนะ อังคะมังเคสุ สัณฐิตา
ระตะนัง ปุระโต อาสิ ทักขิเณ เมตตะสุตตะกัง
ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ วาเม อังคุลิมาละกัง
ขันธะโมระปะริตตัญจะ อาฏานาฏิยะสุตตะกัง
อากาเส ฉะทะนัง อาสิ เสสา ปาการะสัณฐิตา
ชินาณาวะระสังยุตตา สัตตะปาการะลังกะตา
วาตะปิตตาทิสัญชาตา พาหิรัชฌัตตุปัททะวา
อะเสสา วินะยัง ยันตุ อะนันตะชินะเตชะสา
วะสะโต เม สะกิจเจนะ สะทา สัมพุทธะปัญชะเร
ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ วิหะรันตัง มะ
ตะเล
สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ เต มะหาปุริสาสะภา
อิจเจวะมันโต สุคุตโต สุรักโข
ชินานุภาเวนะ ชิตุปัททะโว
ธัมมานุภาเวนะ ชิตาริสังโฆ
สังฆานุภาเวนะ ชิตันตะราโย
สัทธัมมานุภาวะปาลิโต
จะรามิ ชินะปัญชะเรติ
สุดยอดคาถา : บทสวดมนต์ที่คนไทยทุกคนควรรู้จัก
เมื่อครั้งพุทธกาล พระพุทธองค์เสด็จไปโปรดสัตว์ทั้ง 31 ภพภูมิ เสียงสวดมนต์จึงเป็นภาษาสากลที่สามารถทะลุมิติ ทะลุจักรวาล ส่งผลไปได้ไกลโดยไม่ขึ้นกับระยะทาง เช่น สวดให้เพื่อนที่ป่วยหนักในสหรัฐอเมริกา พลังแห่งการสวดนั้นก็สามารถแผ่อานุภาพไปถึงได้
สำหรับมุมมองทางจิตวิทยา การสวดมนต์ทำให้มีสมาธิจดจ่อ มีสติ ไม่ประมาท และลดความกลัว ทำให้สุขภาพจิตดีขึ้น ใจเย็น ไม่หงุดหงิด ไม่ฟุ้งซ่าน การสวดที่จะสร้างสติได้ต้องออกเสียงอักขระให้ชัดเจน สวดทีละคำ ให้เสียงก้องในศีรษะทุกเสียง เมื่อสติไวจะสวดได้เร็วขึ้นเอง เสียงสวดไม่ควรขึ้นๆลงๆแบยจังหวะเพลง เพราะจะทำให้เคลิบเคลิ้มจนขาดสติ ขณะสวดอย่าคิดว่าว่อกแว่กไปเรื่องอื่น และควรท่องจำบทสวดให้ได้โดยเร็วที่สุด การสวดโดยไม่ดูบทสวดจะได้อานุภาพมากกว่า ผลพลอยได้ของการสวดมนต์เป็นประจำ คือ มีวาจาที่ไพเราะ ฟังเสนาะหู มีเสน่ห์แก่คู่สนทนา
ในทางการแพทย์ แรงสั่นสะเทือนจากการสวดมนต์ทำให้อวัยวะภายในทำงานดีขึ้น โดยเฉพาะระบบการหายใจ ระบบเลือด และระบบทางเดินอาหาร มีงานวิจัยระบุว่าการสวดมนต์ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ลดการเสียชีวิตจสกโรคมะเร็งได้ ส่งผลอัตราการเต้นของหัวใจช้าลง ความดันลดลง คลื่นสมองมีระเบียบมากขึ้น กล้ามเนื้อคลายตัว
บทสวดมีมากมายหลายบท แต่บทสวดสำคัญที่ชาวพุทธทุกคนควรรู้และสวดให้ได้ขึ้นใจ คือ บทอิติปิโส คาถาพาหุง และคาถาชินบัญชร
บทอิติปิโส
คือบทสรรเสริญพระรัตนตรัย อานิสงส์ของการสวดคือ ปราศจากโรคภัยต่างๆแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุทั้งปวง เนื่องจากเนื้อหาของบทสวดเป็นการพรรณนาถึงความศรัทธาต่อพระพุทธเจ้า ทำให้เทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายซึ่งนับถือพระพุทธเจ้าเช่นกัน คอยดูแลปกป้องคุ้มครองรักษาผู้สวด ถ้าสวดบทอิติปิโสเท่ากับจำนวนอายุบวกไปอีก 1 จบ เช่น อายุ 30 ปี สวด 31 จบ จะช่วยต่อดวงชะตาให้ยืนยาว และถ้าสวดได้ถึง 108 จบทุกวัน จะมีอานุภาพสูงสุด สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าปัญหาชีวิต การเงิน การเรียน คู่ครอง โรคภัยไข้เจ็บ
บทสวดอิติปิโสควรเป็นบทสวดบทแรกก่อนที่จะสวดคาถาพาหุงและคาถาชินบัญชรต่อไป
บทสรรเสริญพระพุทธคุณ
อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ
วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู
อะนุตตะโร ปุริสสะทัมมะสาระถิ
สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ
บทสรรเสริญพระธรรมคุณ สวดแล้วจะทำให้ใจสงบ มีสติ สมาธิ เกิดการเปลี่ยนแปลงจากภายใน ลดโลภะ โทสะ โมหะได้อย่างชะงัด สามารถปฏิบัติธรรมพัฒนาจิตใจได้อย่างรวดเร็ว และเข้าใจหลักธรรมคำสั่งสอนได้อย่างแจ่มแจ้ง
บทสรรเสริญพระธรรมคุณ
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก
ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูติ
บทสรรเสริญพระสังฆคุณ คือพระอริยสงฆ์ผู้บรรลุมรรคและผลชั้นต่างๆ บทสวดนี้จะรวบรวมพลังบารมีของพระอริยสงฆ์ทั้งหมดนับแต่ครั้งพุทธกาล ดังนั้น จึงมีอานิสงส์ที่สูงจนประเมินไม่ได้ เมื่อสวดทุกวันไม่จำเป็นต้องสวมพระเครื่องหรือเครื่องรางของขลังใดๆ เพราะพลังแห่งสังฆานุภาพจะปกป้องคุ้มครองรักษาอยู่ตลอดเวลา
บทสรรเสริญพระสังฆคุณ
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะปุริสะปุคคะลา
เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเนยโย อัญชะลีกะระณีโย
อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสา ติ
คาถาพาหุง
เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าพุทธชัยมงคลคาถา มีความยาว 8 บท ใช้สวดสรรเสริญชัยชนะ 8 ประการที่พระพุทธองค์ทรงมีเหนือมนุษย์และอมนุษย์ด้วยธรรมานุภาพ จึงเป็นคาถาที่ใช้สำหรับชัยชนะ ผู้ใดได้สวดเป็นประจำทุกวันจะประสบแต่ชัยชนะเจริญรุ่งเรืองไปตลอด สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงศรัทธาและสวดคาถาพาหุงมหากาอย่างสม่ำเสมอ ถือเป็นบทสวดประจำพระองค์ ในปัจจุบันกองทัพไทยก็ใช้สำหรับสวดก่อนออกรบครั้งสำคัญทุกครั้ง
หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี เกิดนิมิตหยั่งรู้ว่า สมเด็จพระนพรัตน์ วัดป่าแก้วแห่งกรุงศรีอยุธยา เป็นผู้แต่งคาถาพาหุงนี้ถวายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อให้พระองค์ไว้สวดเป็นประจำในพระราชวัง และระหว่างออกศึกสงคราม ทั้ง 8 บทของคาถาพาหุงประกอบด้วย
บทที่ 1 คาถาสำหรับเอาชนะศัตรูหมู่มาก เช่น ในการสู้รบหรือต้องการเอาชนะผู้ที่กดขี่ข่มเหงซึ่งมีอำนาจเหนือกว่า เมื่อสวดจบแล้วจึงแผ่เมตตา จะทำให้ผู้ที่คิดร้ายพ่ายแพ้ไป กรณีนี้ถ้าผู้สวดเป็นผู้คิดร้ายเสียเองคาถาจะเข้าตัว ทำให้ประสบภัยอันตราย
พาหุง สะหัสสะมะภินิม มิตะสาวุธันตัง ครีเมขะลัง อุทิตะโฆระสะเสนะมารัง
ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยังมังคะลานิ
บทที่ 2 สำหรับเอาชนะใจคนที่กระด้างกระเดื่องหรือคิดหักหลัง เป็นคาถาสร้างบารมี จะเป็นที่เกรงใจ เกรงกลัวของคนทั่วไป นอกจากนั้น ยังสามารถป้องกันโรคภัยและคุณไสย ภูตผีปีศาจได้เป็นอย่างดี
มาราติเรกะมะภิยุช ฌิตะสัพพะรัตติง โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง
ขันตีสุธันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิ
บทที่ 3 เป็นคาถทสำหรับเอาชนะสัตว์ร้าย คาถานี้จะช่วยให้สัตว์ร้าย ไม่ว่าสัตว์บก สัตว์น้ำ สัตว์ปีก แม้จะวิ่งเข้ามาทำร้ายก็จะอ้าปากไม่ขึ้น ถ้านำมาใช้กับสัตว์เลี้ยงทั่วไปจะทำให้สัตว์เลี้ยงเชื่อง ฝึกง่ายและไม่ทะเลาะ ไม่กัดกันเอง
นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง
เมตตัม พุเสกะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิ
บทที่ 4 สำหรับเอาชนะโจร สวด 3 จบก่อนออกจากบ้าน จะทำให้แคล้วคลาดจากอันธพาลหรือเหล่าอาชญากรทั้งปวง ถ้าสวดก่อนนอน จะเป็นกำแพงคอยปกป้องคุ้มครองบ้านเรือนจากโจรร้ายตลอดทั้งคืน
อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง ธาวันติโยชะนะถังคุลิมาละวันตัง
อิทธีภิสัง ขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิ
บทที่ 5 สำหรับเอาชนะการกลั่นแกล้ง ถูกใส่ร้ายกล่าวโทษหรือต้องคดีความ จะทำให้ความจริงปรากฎ ผู้ใส่ร้ายประสบกับความพ่ายแพ้
กัตวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะคัพภินียา จิญจายะ ทุฏฐะ วะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ
สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิ
บทที่ 6 สำหรับเอาชนะในการโต้ตอบ เป็นการเอาชนะด้านโวหารการพูด การโต้เถียง โต้วาที เมื่อจะไปสัมภาษณ์งาน ขึ้นพูดบนเวที นำเสนองาน สวดคาถาบทนี้ 3 จบ จะประสบความสำเร็จทุกที่นอกจากนั้น คาถาบทนี้ยังช่วยคุ้มครองจากศัตรูที่คิดร้ายด้วยการใช้โวหาร เช่น พูดนินทาว่าร้าย สร้างข่าวลือที่ไม่เป็นจริง
สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกะวาทะเกตุง วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง
ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิ
บทที่ 7 สำหรับเอาชนะศัตรูผู้มีฤทธิ์มาก โดยใช้อุบาย กุศโลบาย หรือการวางแผน
นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง ปุตเตนะ เถระ ภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต
อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิ
บทที่ 8 สำหรับเอาชนะทิฏฐิมานะของคน ใช้ปราบพยศคนที่ดื้อดึงสามารถเจรจาปรับความเข้าใจกับคนที่โกรธเคืองกันได้อย่างง่ายดาย ถ้าเสกคาถานี้ใส่น่ำแล้วให้ดื่ม ศัตรูจะกลายเป็นมิตร เด็กที่ดื้อเมื่อได้ดื่มก็จะหายดื้อ
ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง พรัหมัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิทานัง
ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิ
จะเห็นได้ว่าบทสวดพาหุงครอบคลุมกา่เอาชนะทุกด้านไว้อย่างสมบูรณ์ บทสวดพาหุงจึงจบด้วย
เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฏฐะคาถา โย วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที
หิตวานะเนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญ
มีควาใหมายว่า บุคคลใดมีปัญญา ไม่เกียจคร้าน สวดและระลึกถึงพุทธชัยมงคล 8 คาถาเหล่านี้ทุกๆวัน บุคคลนั้นจะพึงละัวาม อันตรายทั้งหลายทุกอย่างเสียได้ จะเป็นผู้มีปัญญาและเข้าถึงความหลุดพ้น คือพระนิพพานอันบรมสุข
คาถาหัวใจพาหุง
พา มา นา อุ กะ สะ นะ ทุ (สวด 108 จบ)
เพื่ออานุภาพสูงสุด หลังสวดคาถาพาหุงจบแล้วควรตาอด้วยคาถาชินบัญชร
คาถาชินบัญชร
เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ในคัมภีร์โบราณ นิยมสวดกันมานับตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาและในประเทศที่นับถือพุทธศาสนานิกายเถรวาท เช่น ศรีลังกาและพม่า ผู้ที่สวดคาถานี้อย่างสม่ำเสมอจะมีเมตตามหานิยม ปราศจากศัตรูคิดปองร้าย ป้องกันภัยจากคุณไสยต่างๆแคล้วคลาดจากเหตุร้าย คนพาลไม่กล้ำกราย ชีวิตจะมีโชคลาภ เจริญรุ่งเรือง
บัญชร แปลว่า กรง หรือ ซี่กรง อันหมายถึง แผงเกราะที่จะช่วยป้องกันคุ้มภัยอันตรายจากหมู่มารทั้งปวง หรืออีกความหมายคือหน้าต่างของพระพุทธเจ้า ซึ่งจะทำให้เรามีดวงตาเห็นธรรม คาถานี้สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ใช้เป็นพระคาถาในการปลุกเสกพระสมเด็จ การที่พระสมเด็จวัดระฆังฯมีความศักดิ์สิทธิ์มากเป็นเพราะคาถานี้ สำหรับผู้ที่ไม่มีสมเด็จ การสวดคาถานี้จะส่งพุทธานุภาพเทียบเท่าการมีพระสมเด็จ หนึ่งในเบญจภาคีไว้บูชา และเชื่อกันว่าในวันปลดปล่อยแม่นาคให้พ้นจากบ่วงกรรม สมเด็จพระพุฒาจารย์ได้สวดบทชินบัญชรที่ปากหลุมแม่นาคด้วย
บทสวดนี้มีความหมายในการอัญเชิญบุญญาบารมีของพระพุทธเจ้าทั้ง 28 พระองค์ พระธรรมคำสั่งสอน และพระอรหันต์ 80 องค์ มาสถิตอยู่กับเรา นอกจากนั้นยังอัญเชิญพระสูตรต่างๆที่โบราณาจารย์ถือว่าเป็นพระพุทธอันวิเศษมารวมกันทั้งหมด ยิ่งถ้าสวดในวันพฤหัสบดีข้างขึ้นจะส่งผลสูงสุด ผู้ที่สวดจะมีพลังสติและพลังสมาธิสูงขึ้นอย่างมาก
นับเป็นคาถาที่ทรงอิทธิฤทธิ์และมีอานุภาพมากที่สุดคาถาหนึ่ง จนเรียกกันว่าเป็นคาถาแก้วสารพัดนึก สำหรับผู้ที่ค้าขายให้นำน้ำใส่พานแล้วสวดคาถานี้ หลังจากนั้นนำน้ำไปพรมให้ทั่วสินค้าแล้วจะขายดีอย่างอัศจรรย์
การสวดแบบย่อ 1 ครั้ง (10 จบ) จะมีอานุภาพคุ้มครองไปได้ 1 วันกับอีก 1 คืน และถ้าสวดขณะเสี่ยงภัยอันตรายจะแคล้วคลาดทันที ขณะที่สวดจะมีเทวดามาร่วมฟังเพื่อรับบารมีจากคาถานี้ด้วย ถ้าสวดเมื่อเดินทางไปต่างที่จะเป็นเกราะแก้วหุ้มรอบตัวเสมือนเป็นเกราะปราการที่ช่วยปกป้องคุ้มครองตลอดการเดินทาง และถ้าสวดก่อนนอนจะหลับได้อย่างสบายโดยไม่ต้องเกรงกลัวภัยอันตรายใดๆ
คาถาชินบัญชรอย่างย่อ
ชิ นะ ปัญ ชะ ระ ปะ ริต ตัง มัง รัก ขะ ตุ สัพ พะ ทา (สวด 10 จบ)
คาถาชินบัญชร
ชะยาสะนากะตา พุทธา เชตวา มารัง สะวาหะนัง
จะตุสัจจาสะภัง ระสัง เย ปิวิงสุ นะราสะภา
ตัณหังกะราทะโย พุทธา อัฏฐะวีสะติ นายะกา
สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง มัตถะเก เต มุนิสสะรา
สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน
สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง อุเร สัพพะคุณากะโร
หะทะเย เม อะนุรุทโธ สารีปุตโต จะทักขิเณ
โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง โมคคัลลาโน จะ วามะเก
ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง อาสุง อานันทะราหุลา
กัสสะโป จะมะหานาโม อุภาสุง วามะโสตะเก
เกสันเต ปิฏฐาคัสมิง สุริโยวะ ปะภังกะโร
นิสินโน สิริสัมปันโน โสภิโต มุนิปุงคะโว
กุมาระกัสสะโป เถโร มะเหสี จิตตะวาทะโก
โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง ปะติฏฐาสิ คุณากะโร
ปุณโณ อังคุลิมาโล จะ อุปาลี นันทะสีวะลี
เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา นะเลเฏ ติละกา มะมะ
เสสาสีติ มะหาเถรา วิชิตาชินะสาวะกา
เอตาสีติ มะหาเถรา ชิตะวันโต ชิโนระสา
ชะลันตา สีละเตเชนะ อังคะมังเคสุ สัณฐิตา
ระตะนัง ปุระโต อาสิ ทักขิเณ เมตตะสุตตะกัง
ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ วาเม อังคุลิมาละกัง
ขันธะโมระปะริตตัญจะ อาฏานาฏิยะสุตตะกัง
อากาเส ฉะทะนัง อาสิ เสสา ปาการะสัณฐิตา
ชินาณาวะระสังยุตตา สัตตะปาการะลังกะตา
วาตะปิตตาทิสัญชาตา พาหิรัชฌัตตุปัททะวา
อะเสสา วินะยัง ยันตุ อะนันตะชินะเตชะสา
วะสะโต เม สะกิจเจนะ สะทา สัมพุทธะปัญชะเร
ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ วิหะรันตัง มะตะเล
สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ เต มะหาปุริสาสะภา
อิจเจวะมันโต สุคุตโต สุรักโข
ชินานุภาเวนะ ชิตุปัททะโว
ธัมมานุภาเวนะ ชิตาริสังโฆ
สังฆานุภาเวนะ ชิตันตะราโย
สัทธัมมานุภาวะปาลิโต
จะรามิ ชินะปัญชะเรติ