ผมเป็นคนที่เคยเที่ยวบริการนะครับและเคยจิตตกเพราะต้องกินยาต้าน HIV เพราะไปคิดนึกคึกอยากสดกับขายบริการทางเพศแต่หลังๆผมได้อ่านกระทู้ในพันทิพ ทำไมถึงมีความเชื่อกันว่าต่อให้ใส่ถุงยางถุงยางไม่รั่วไม่ขาดก็มีโอกาสติดเชื้อได้ซึ่งมันน่าจะเท็จ100เปอร์เซ็น หรือเขาอาจจะติดแต่เกิดจากพฤติกรรมเสี่ยงอย่างอื่น 
ซึ่งผมอยากจะแชร์ความรู้ที่ผมได้จากการต้องปรึกษาคุณหมอจากทั้งคลีนิคเอกชน และ โรงพยาบาลรัฐ ก่อนรับยาต้านHIVฉุกเฉินหรือ PEP รวมถึงการโทรถามกับ 1663นะครับเกี่ยวกับถุงยางนะครับ

-ประเด็นคือผมคิดจะไปรับยา Pep เป็นครั้งที่สองในชีวิตเพราะผมไปมีเพศสัมพันกับคนรู้จักได้ไม่นานทางเฟสบุคแต่ใส่ถุงยาง (ช-ญ)  รวมทั้งออรัลเซ็กแบบใส่ถุงยาง แต่ผมได้อ่านกระทู้ในPantip ซึ่งบอกว่าต่อให้ใส่ถุงยาง ถุงยางไม่รั่วไม่ขาดก็ติดได้ ทำให้ผมกังวลมากผมจึงรีบจะไปรับยา Pep
-สถานที่แรกที่ผมไปคือ คลีนิคเอกชน ซึ่งหมอก็มีการซักประวัติความเสี่ยงก่อนจ่ายยา

คำถามของคุณหมอคือ คุณไปทำอะไรมาถึงคิดว่ามีความเสี่ยง
ผม: ผมไปใส่ถุงยางมี sex กับคนไม่รู้จักมาครับ
หมอ: แล้วมันเสี่ยงตรงไหนถุงยางฉีกขาดหรอ
ผม : ไม่ฉีก ไม่ขาดครับ
หมอ : แล้วทำถึงคิดว่าตัวเองเสียงถึงต้องมารับยา Pep
ผม: เพราะผมได้อ่านกระทู้บางกระทู้บอกใส่ถุงยางก็มีสิทธิ์ติด Hiv แม้จะต่ำมาก ต่อให้ไม่ขาด ไม่รั่ว ผมเลยจะป้องกัน
หมอ ; ขำ แล้วบอกผมว่าแล้วตอนเสร็จกิจ ตอนจะถอดคุณได้ดูมั้ยว่ามันมีปัญหาอะไร
ผม: ก็ไม่มีนะครับ แล้วถ้าผญ เขาใช้เข็มเจาะหละครับ ผมมีโอกาสติด HIVมั้ยครับ
หมอ: คุณต้องทำความเข้าใจใหม่ก่อนว่าการจะติดเชื้อ Hiv ได้เนี่ย คือต้องได้รับเชื้อผ่านทางเลือด หรือ สารคัดหลั่งในปริมาณมากพอเข้าสู่จุดเปิดของร่างกายที่เชื้อจะเข้าได้ ถ้าเป็นของผู้ขายก็คือ ขีดๆที่พ่นน้ำตรงหัวชวยอ่ะครับ ของผู้หญิงก็ในช่องคลอด หรือ แผลซึ่งมีเลือดออกใหม่ หรือซิบๆเป็นทางให้เชื้อโรคเข้าได้ และต้องในปริมาณมากพอ  โดยสิ่งที่ส่งเชื้อ Hiv ได้มากๆมี 3 สิ่งครับ
ไล่จากมากไปน้อย
1.เลือด จากการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน และไม่เปลี่ยน (ยกตัวอย่างเช่นพวกเล่นยา)
2.น้ำจาก ผญ หรือ น้ำอสุของ ผู้ชาย
3.นมจากแม่สู่ลูก

ซึ่งเทียบในเคสของผมหมอให้จินตนาการ ให้นึกถึงแท่งจุ่มลงไปในน้ำ เมื่อเราจุ่มแท่งเปล่าลงน้ำ(เทียบกับการไม่ใส่ถุงยาง) มันก็มีโอกาสสูงที่เชื้อจะเข้าไปได้แต่ถ้าเราใส่ถุงยางเชื้อมันเข้าไม่ได้ชัวๆอยู่แล้ว แล้วจะถือว่าเสี่ยงได้ยังไงถ้ามันไม่ฉีกถึงขนาดเปิดทั้งหัว หรือขาดขนาดเปิดทั้งหัวได้ ซึ่งหมายความว่า ผู้หญิงต้องมีน้ำออกมาและน้ำนั้นโดนทั้งหัวครับ

ผม: แล้วถ้า ผญ ที่มานอนด้วยใช้เข็มเจาะถุงยางก่อนสวมให้ผมหละครับ
หมอ: การเจาะถุงยาง เพิ่มโอกาสให้ถุงยางฉีกขาด และ น้ำอสุจิรั่วไหล แต่คำถามคือต่อให้เจาะเชื้อ Hiv จะเข้าไปได้มากพอมั้ย หมอก็บอกเป็นไปได้ยากมากโอกาสแทบจะ 0 หมอเลยงงว่าทำไมถึงมีความเชื่อว่าใส่ถุงยางแล้วยังเสี่ยง
หมอ: หมอขออนุญาตไม่แนะนำให้กินยานะครับ เปลืองตังแถม สงสารข้างในด้วยเพราะยามันค่อนข้างแรง แต่ถ้าคนไข้จะเอาก็จ่ายได้ครับ เพื่อความสบายใจ 

สรุปผมเลยไม่รับยาครับ

ต่อมา ผมจึงเดินทางไปคลีนิคนิรนามครับ ไปขอคำปรึกษาจากแพทย์
หมอ: ความหมายของใส่ถุงยางแล้วยังเสี่ยงคือ เสี่ยงขาด เสี่ยงฉีก ครับในกรณีป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ถ้าคุณดึงถ้ามันฉีกมันต้องฉีกจนร่นให้เห็น แต่ถ้าดึงออกมาถุงยางยังคลุมหัว มันก็คือไม่เสี่ยง(ถ้าไม่จูบสด อมสดนะ) 
หมอ: ถ้าข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่เล่าหมอไม่ถือว่าเป็นเคสเสี่ยงนะครับ ไม่งั้นใครใส่ถุงยางนี่ต้องมารับยาให้หมดเลย

ทีนี้เพื่อความสบายใจผมจึงโทรหา1663
คนรับสาย : เคสคุณผู้ชายยังไม่ใช่ความเสี่ยงนะครับ ยิ่งไม่อมสด ไม่จูบนี่ยากมากเลย ตราบใดที่ไม่ขาดถึงหัว ก็ไม่มีความเสี่ยงครับ

เมื่อผมหาข้อมูลจากทั้ง3ที่ ผมก็สบายใจ ผมเลยงงกับความเห็นคนในพันทิพหรือบางกระทู้ว่าทำไมถึงมีความเชื่อว่า ใส่ถุงยางแล้วยังเสี่ยง แม้ไม่ฉีกไม่ขาดหรอครับ (ในกรณีใส่ถูกวิธีนะครับ)จากที่ผมปรึกษาทั้งสามที่นี่คือเขารณรงค์ให้ใส่ถุงยางมากๆเพราะมันทำให้ปลอดภัยจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันแน่ๆถ้าอุปกรณ์ไม่ชำรุด หรือเป็นความเชื่อผิดๆครับ

ขอบคุณครับ