รีวิวทริปเชียงรายฉบับกะทัดรัดสำหรับผู้ที่สนใจเที่ยวชมทะเลหมอกแต่ไม่รู้จะไปที่ไหนดี
ผาฮี้
ผาฮี้หมู่บ้านเล็กๆ ในตำบลโป่งงาม อำเภอแม่สาย ซึ่งติดกับชายแดนพม่า และอยู่ไม่ไกลจากพระตำหนักดอยตุง เป็นที่ตั้งของชุมชนชาวเขาเผ่าอาข่าที่มีอาชีพหลักคือปลูกชาและกาแฟ โดยกาแฟที่นี่มีชื่อเสียงที่โด่งดังระดับโลก
++ สำหรับการเดินทางไปผาฮี้ – รถยนต์ 1,200 ซีซี นี่ก็จะขึ้นได้แบบหืดๆ หน่อย ดังนั้นเครื่อง 1,500 จึงถือว่าสูสีกับความชันของผาฮี้ เพราะหลายจุดเป็นทางชันต่อเนื่องแถมมีรถสวนเป็นระยะ จุดที่ต้องระวังอีกจุดคือช่วงระหว่างผาหมีไปผาฮี้ซึ่งทางค่อนข้างแคบเพราะเป็นเส้นวิ่งผ่านหมู่บ้าน แต่ก็ไม่ต้องตกใจ ค่อยๆ ขับรับรองปลอดภัยถึงที่หมายทุกคัน แนะนำให้บีบแตรเตือนหากไม่มั่นใจว่าจะมีรถสวนมาหรือเปล่า ++
++ แต่พอขึ้นไปถึงเท่านั้นแหละ..ถึงกับต้องอุทานเบาๆ ว่าสวยว่ะ วิวดีย์และคุ้มค่ากับการเดินทางขึ้นไปจริงๆ..และนี่คือมุมมองจากที่พัก ++
// ก่อนมาถึงก็ต้องเดินทางผ่านเส้นทางอันคดเคี้ยวเหล่านี้..โค้งไปโค้งมาสนุกดี แถมได้ชมวิวทิวเขารูปทรงแปลกตาระหว่างทางอีกด้วย //
// และนี่เป็นเส้นทางระหว่างหมู่บ้านไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง รถก็จะวิ่งสวนกันสองเลนส์แบบนี้ไปตลอดจนถึงที่หมายจ้า //
// บ้านบนดอยมีทั้งแสงสี มีทั้งทีวี มีทั้งน้ำประปา..ความเจริญไปถึงแล้ว และเราก็เป็นผู้ได้รับอานิสงค์แห่งความเจริญนั้น..//
++ สำหรับที่พักที่ผาฮี้ก็มีตั้งแต่เต๊นท์ ทั้งกางเองก็ได้หรือให้เค้ากางให้ก็ดี ราคาแตกต่างกันไม่มาก ส่วนรีสอร์ทก็มีตั้งแต่หลักหลายร้อยไปจนถึงหลักหลายพัน แนะนำให้อ่านรีวิวเยอะๆ คอมเม้นของคนที่ไปพักจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ++
++ ก๋อยเลือกพักที่ผาฮี้แค้มปิ้งแบบกางเต๊นท์ที่เราเอามาเอง ค่าเช่าเฉพาะกระท่อมที่ 500 บาท แต่ราคานี้รวมอาหารเช้าที่มีข้าวต้มกับไข่ลวก 1 ฟองสำหรับ 1 คน (ส่วนไม่มีกาแฟให้นะจ๊ะ) สำหรับคนที่ชอบพักแบบได้อรรถรสของการนอนบนผาสูงๆ ก็คือต้องนอนเต๊นท์แบบนี้แหละ เพราะพอตื่นเช้าขึ้นมาก็จะเห็นทะเลหมอกอันเป็นที่สุดของการมาเที่ยวผาฮี้..ฟินนาเล่ อลังการดาวล้านดวง ++
-- และนี่คือบรรยากาศตั้งแต่เช้าจรดค่ำที่ผาฮี้ --
// แสงนวลตายามเช้า และบรรยากาศโดยรวมบริเวณที่พักของเรา //
// พอสายขึ้นมาอีกหน่อย คนก็เริ่มออกมาหาอะไรทำกันแล้ว ใกล้ที่พักของก๋อยจะมีเหมือนร้านค้าชุมชนที่มีของกินเล่น ของที่ระลึกและของฝากต่างๆ //
// และนี่คือเสาชิงช้าของหมู่บ้าน ที่นี่ชาวเขาเผ่าอาข่าจะมีประเพณีโล้ชิงช้าที่จะจัดเป็นประจำในเดือนสิงหาคมของทุกปี //
//ดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า บรรยากาศยามเย็นของที่นี่ผู้คนต่างถิ่นเริ่มทยอยขึ้นมาพักกัน แต่ก็มีหลายรายขึ้นมาถ่ายภาพเก็บบรรยากาศแล้วก็กลับลงไป//
// ตามไหล่เขาก็จะมีรีสอร์ทสวยๆ ไว้รองรับสำหรับผู้ที่มีกำลังจ่ายที่ต้องการความสะดวกสบาย //
// และบรรยากาศในยามค่ำที่ลมหนาวพัดผ่านกระท่อมมุงแฝกของเรา ซึ่งวันที่ไปนั้นอากาศกำลังเย็นสบายไม่ถึงกับหนาวจัด //
// เช้าขึ้นมาก็เดินไล่เก็บภาพดอกไม้งามๆ ที่ผาฮี้มาเก็บไว้ สดชื่นขึ้นมาเยอะเลยแหละ //
// และหลายๆ ทริปก๋อยก็ไม่ลืมที่จะเก็บภาพน้องๆ สี่ขาที่เข้ามาสร้างสีสันให้ทาสแมวได้หัวใจพองฟู //
++ ขอตั้งชื่อให้เพราะน้องเป็นแมวจรที่ไม่มีเจ้าของ ใครสนใจไปขอน้องเอาไปเลี้ยงได้เลย..ที่เห็นก็มีกำลังตั้งท้องอยู่ 2 ตัว.. ++
ปล. น้องนางนอนอยู่ลานจอดรถก่อนขึ้นถ้ำขุนน้ำนางนอน ส่วนน้องซาเป๋อกับน้องหัวเสืออยู่ที่บ้านพ่อหลวงซาเจ๊ะ ทั้งสามเหล่านี้มีคนดูแลแล้วจ้า
// ส่วนน้องมะหมาคู่ซี้ 2 ตัวที่ผาฮี้ไม่เห่าไม่กัดแถมต้อนรับแขกเป็นอย่างดีซะด้วย ใครเจอฝากกอดน้องด้วยนะ เพราะน้องน่ารักและขี้อ้อนเบอร์แรงเลย //
// ร้านอาหารบนผาฮี้ช่วงกลางวันต่อช่วงค่ำค่อนข้างคึกคัก สายแฟ สายชิล ไม่ต้องกลัวอด ร้านอาหารมีเปิดอยู่รายทาง รีสอร์ทบางที่ก็รับทำอาหารส่งตามที่พักด้วย อย่างก๋อยพักที่ผาฮี้แค้มปิ้งแต่เค้าจะสั่งอาหารเซ็ทจากรีสอร์ทแถวนั้นมาให้สำหรับมื้อค่ำในราคาสำรับละ 599 บาท คน 4 คนทานกันอิ่มแน่นท้อง รสชาติอาหารดี ซึ่งเมนูที่หากินไม่ได้ทั่วไปคือรากชูที่นำมาทำอาหารหลายอย่างในสำรับนี้ และรากชูนี่เองที่ถือเป็นชูรสทางธรรมชาติอันเป็นต้นตออาการกระหายน้ำของเราในยามดึกอีกด้วย..แฮร่ร่ร่ร่ //
ไปกันต่อที่..
ผาหมี
++ จากผาฮี้จุดที่สูงสุดลงมาผาหมีซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ต้องขับผ่าน เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์อีกแห่งที่เคยรับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ถึง 3 ครั้ง อันเนื่องมาจากแต่เดิมพื้นที่รอบๆ หมู่บ้านมีปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติดและการปลูกฝิ่น เพราะอยู่ในเส้นทางการลำเลียงยาเสพติดข้ามชายแดน แต่ปัญหาเหล่านี้ได้หมดไปและกลายเป็นความเจริญบวกกับความเป็นอยู่ที่ดีของชาวบ้านที่ดีขึ้นด้วยการเสด็จพระราชดำเนินของพ่อหลวงของแผ่นดินฯ ในการพลิกแผ่นดินแดนฝิ่นเป็นพื้นที่ปลูกชากาแฟที่ถูกทำนองคลองธรรม ++
++ และหนึ่งในบุคคลในภาพที่ยังมีชีวิตอยู่แถมสุขภาพยังแข็งแรง “พ่อหลวงซาเจ๊ะ” เจ้าของร้านภูฟ้าซะเจ๊ะที่เปลี่ยนบ้านเป็นรีสอร์ทและร้านอาหาร..พ่อหลวงซาเจ๊ะในวัย 80 ปี ++
// เก้าอี้ที่เคยประทับคราวเสด็จฯ มาทรงงานที่หมู่บ้านผาหมี //
// ชาสูตรที่เคยเสวย..ลองสั่งมาจิบดู จิบชาไปชมหมอกไป..ฟินสุด //
// และที่ต้องลอง..ก๋วยเตี๋ยวสูตรเด็ดมาพร้อมโปรแถมน้ำในราคา 99 บาท อร่อยดีนะยิ่งมีผักดองแนมมาด้วย อื้มมม อาโหร่ย..(หมอกหนาสะใจมาก)//
// มุมมองจากร้านภูฟ้าซาเจ๊ะ ชมหมอกคลุมหมู่บ้านและนั่งดูลูกแมวมอมแมมที่ผาหมี..ซึ่งบางภาพกลับทำให้รู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก //
ปล. ถือเป็นทริปที่มีเรื่องประทับใจคือการได้มีโอกาสเห็นเก้าอี้ประทับ และยังได้คุยกับพ่อหลวงซาเจ๊ะซึ่งเคยรับใช้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทฯ แบบใกล้ชิดถึง 3 ครั้ง..เรียกว่าสุขสุดๆ กันไปเล้ยยยยย...
-- รีวิวหน้าจะพาไปชมที่เที่ยวอีกสองสามแห่งในจังหวัดเชียงราย ส่วนวันนี้ขอลาไปก่อนละจ้า --
มัดรวมผาฮี้-ผาหมี (9-10 ธ.ค.66)