พรหมลิขิต ขออนุญาตวิจารณ์แบบวัตถุวิสัย

พูดกันแบบแฟร์ๆ
1. นิยาย คือ ไม้ผลัดที่ 1 เมื่อซื้อลิขสิทธ์ เขาก็อนุญาตให้นำไปดัดแปลงตามชอบ เพื่อมิให้ละครขาดทุน
นิยายเปรียบเสมือน งานที่เสร็จแล้ว 50% หรือ การวิ่งแล้ว ครึ่งสนาม

2. การเขียนบทละคร คือ ไม้ผลัดที่ 2 งานที่ต้องทำต่อ โดยดัดแปลงและเพิ่มเติมได้ 
ดังนั้นเมื่อซื้อลิขสิทธิ์มาทำละครแล้ว ผู้เขียนนิยายไม่สามารถมายุ่งหรือท้วงติงว่าทุกอย่างต้องเหมือนกับนิยายต้นฉบับ
เพราะได้ส่งไม้ผลัดแล้ว บทเสร็จ ได้กรอบเรื่องที่ลงรายละเอียดแล้ว 70%

3. อีก 15% คือ หน้าที่ผู้กำกับ และผู้จัด คือ ไม้ผลัดที่ 3 บทละครอาจจะเพี้ยนไปบ้าง หรือ เพิ่มเติมขึ้นบ้าง ตามสภาพหน้างาน 
รวมถึงวิธีการเล่าในส่วนการกำกับการแสดง ฉาก เสื้อผ้า เพื่อให้สิ่งเหล่านี้สร้างอารมณ์ประกอบไปกับบท  และ อีก 15% ความเก่งของนักแสดงคือ ไม้ผลัด 4  ที่จะทำการบ้าน ให้ตัวละคร shine ออกมา นี่คือ กระบวนการเปรียบเหมือนการวิ่งรอบสนาม 1 รอบ ในระบบวิ่งผลัด 

4. ปฏิเสธไม่ได้ว่าละครมีส่วนที่ดีอยู่มาก ไม่เช่นนั้น คนคงไม่ติดทั้งบ้านทั้งเมือง ทาสทุกคนแสดงได้ดี รวมถึงทาสแม่เรียม  หามาดี 
เรื่องในวัง  การทำให้อยุธยาคืนชีวิต ทำได้ดี  ดารา Gen YZ คัดมาปังทุกคน  เพลงประกอบ เสื้อผ้าหน้าผม สมฐานะมหากาพย์อลังการ
ฮา ห่า ฮ้า ฮา ขึ้นเสียงแค่นี้ ไปร้องรายการเดอะวอยส์ คือ กดไฟให้ผ่านเลย

ขุนหลวง วังหน้า บอยแบนด์แห่งอยุธยา ขุนคลัง   คือ น้ำหนักสำคัญของเรื่องพรหมลิขิตในละคร ที่มีประเด็นให้เล่น ต่างจากยุคบุพเพ 
สิ่งเหล่านี้เราต้องให้เครดิต ว่าเขาคิดมาดี การทุบสถิติเรตติ้งได้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

5. ซีนไปฉี่ของเบลล่า น่าจะทำได้รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม  ซีนนี้ คือ ice breaker คนเริ่มชอบเรื่องนี้ขึ้นมาทันที
ซีนฉี่ + ซีนคุณหญิงการะเกด encounter พุดตาล = ซีนปราบเซียนทางการแสดง และพระเจ้าท้ายสระ ถ้าส่งออกละครเรื่องนี้
สาวๆต่างชาติกรี๊ดแน่นอน 

6. ที่ผิดหวัง คือ ช่วงท้าย เพราะคนชินกับซีรีย์ และจักรวาล Marvel
ที่ทุกตอน มีการจบเรื่องราวของการต่อสู้อุปสรรคของแต่ละคน มีสตอร์รี่ของ subplots ที่ช่วยบิ้วด์อารมณ์
มีการพลิกผัน เกินคาดเดา และมีอะไรให้ลุ้น อย่างความรักของแม่แก้ว น่าจะเพิ่มอุปสรรคให้หนักหนา เช่น รักกับเพื่อนพี่อีกคน แต่คนที่ไปขอขุนหลวงกลับเป็นอีกคน เขาอาจจะจืดไป ไม่กล้าแสดงออก กว่าจะรักได้ ก็ต้องมีเหตุการณ์พิสูจน์รักแท้  และบุคลิคพ่อมิ่ง ควรจะกอดแม่แก้วอย่างไร เพราะผู้ชายที่ใช้สายตาแสดงความรัก อารมณ์เขาต้องละเมียดมาก ถ้าเขาจะกอดสักที แม่แก้วต้องขนลุก เพราะตัวละครนี้เล่นน้อยแต่มาก 
คนที่คุมโทนได้ดี คือ พี่จ้อย ไม่หลุดเลย เราเชื่อว่า เขาอายุเยอะขึ้นจริง บุคลิกไม่แกว่ง เหมือนพ่อมิ่ง 
หมู่สงกับแม่กลิ่น เขาเล่นอะไรกัน จริงๆ แม่กลิ่นคือ เด็กมีปัญหา + กำพร้า ถ้าหมู่สงเขาเห็นในมุมที่น่าสงสาร จะมีมิติของความรู้สึกที่ซับซ้อนอีกระดับ
และไม่ค่อยเข้าใจทำไมแม่กลิ่นอยากเป็นเมียเดียว สมัยนั้นการมีเมียหลายคน เป็นที่ยอมรับ แต่ปัญหาที่แม่กลิ่นน่าจะต้องเจอแน่ๆ คือ 
จะอยู่ร่วมกับเมียอื่นอย่างไร ยากกว่าอยู่กับยายกุยหรือไม่

7. ล้มแล้วมีผู้ชายมารับ การเล่นคำสมัยใหม้ ใช้ได้ แต่อย่าบ่อย เล่นมุขนี้ซ้ำๆ จนรู้สึกหนักสมอง 

8. มองว่า 85% คือ ดีมาตลอด ข้อเสียคือ 1.) ep. จบ  2.) ความรักนักแสดงประกอบที่ไม่มีอะไรเซอร์พร้ายซ์ 3.) เรื่องเมื่อ2พันปีก่อน
จริงๆ ถ้าเป็นละครอื่นๆ มันก็เป็นแบบนั้น เน้นเฉพาะความรักนักแสดงนำ แต่ด้วยความที่ตัวละครประกอบแต่ละตัวมีความเป็นดาว
คนดูจึงไม่ได้มองผ่าน แต่มองพิศ ตัวละครยังอยู่ในความทรงจำ และเขาอยากรู้ว่าใครชีวิตเป็นอย่างไร

ผูกเรื่องความรักแต่ละคู่ไว้น่าตื่นเต้น แต่ช่วงหลังๆ เราไม่รู้สึกเต็มเติมตอนคลายปม เหมือนวิ่งมา แล้วมาดูวิว ที่แบบ...แค่เนี้ยะ ? 
อุตส่าห์วิ่งตามผู้เล่ามา ซึ่งแน่นอน พอความรู้สึกไม่ตอบสอง ไม่มีซีนพีคย่อยตามคาดหวัง คนดูก็เลยโวยวาย

พี่เรืองเล็ก คือ คนที่เรารู้จัก
แต่เมื่อเขาตาย ทำไมเราไม่เศร้าเท่าตอนที่โกโบริตาย อยู่ดีๆ เล่าว่า คนทั้งเรือนร้องไห้เพราะพี่เรืองตาย แต่จะมีการบิ้วด์อารมณ์คนดูได้ ถ้าพี่เรืองทำตัวเป็นนายที่น่ารักกับทาสหลายๆ ตอน ซึ่งอาจจะมี แต่เล่าออกมาน้อยจึงไม่มีน้ำหนักพอ เป็นงง ว่าร้องไห้อะไรกันนักหนา ถ้าขายต่างประเทศนี่งงหนัก
เพราะทาสแต่ละคนไม่ได้ร้องไห้เพราะหน้าที่ เขาร้องไห้เพราะผูกพัน --- แต่เรื่องราวไม่ได้ถูกเล่า --- ซึ่งไม่ต้องยาว ยึดแบบน้อยแต่มาก 

แม่เรียมออกแบบมาคล้ายๆแม่ปราง เป็นผู้หญิงเชิงรุก ร่าเริง และได้ผู้ชายหล่อๆมาง่ายมาก ดูร่วมสมัยเกินไป ถ้าจะให้ function คู่แม่ปราง ช่วยให้คู่แม่แก้วสมหวัง คู่แม่เรียม น่าจะมีความแปลกใหม่ที่ต่างออกไป อาทิ แม่เรียมแอบชอบพ่อเรืองฝ่ายเดียว เพราะพ่อเรืองทราบว่า ตัวเองไม่ได้อยู่สองแควไปตลอดจึงไม่อยากมีพันธะ แม่เรียมก็ต้องเสียน้ำตาน้อยใจหลายสถาการณ์กว่าพี่เรืองจะเห็นใจ

พ่อของทั้งสองฝ่าย สังกัดเจ้านายที่เป็นศัตรูกัน ทำให้ไม่อาจรักกันได้  ฝ่ายหนึ่งสังกัดพระเจ้าท้ายสระ และอีกฝ่ายสังกัดวังหน้า เมื่อขุนนางคนละกลุ่ม ก็เหมือนนักการเมืองคนละพรรค คุณคิดว่า นายแพทย์ชลน่าน สมมุติถ้าท่านมีลูกสาวท่านจะให้ แต่งกับ สส พรรคก้าวไกลหรือเปล่า นี่แหละ ปัญหาเดียวกัน แม่เรียมกับพ่อเรือง จึงไม่อาจเป็นผัวเป็นเมียกันได้โดย smooth เพราะถ้ามันง่าย มันก็คือ เรื่องราวของคนธรรมดาควงแฟนมาโชว์แบบในติ๊กต็อก
  
9. การเล่าเรื่องเมื่อ 2000 ปี ควรเพิ่มความลึกลับ ถึงบทไม่เยอะ แต่อย่าลืมว่า นี่คือ EMPIRE ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว การใช้ไฟนสลัว  น่าจะช่วย ให้เรื่องดูน่ากลัว เหี้ยม มีชั้นเชิง ชิงไหว ชิงพริบ ทางการเมืองและอำนาจ

10.  โป๊บเล่นให้เห็นความแตกต่าง พ่อ – ริด - เรือง เป็นไอเดียที่ไม่เลว เอามาแสดง 3 บท แต่ลืมคิดไปว่า ทำอย่างไร ให้คนดูหลงรักริด ริดควรจะทำบางอย่างที่มากกว่า คนเป็นแฟนกันแสดงต่อกัน กล่าวคือ 

ก่อนที่จะรักใครสัก คนเขาต้องมีความฮีโร่ในตัวเอง ที่ shine ออกมาก่อน  ที่ทำให้นึกถึงได้ อย่างคู่กรรม ตอนที่พระเอก ตัดสินว่า คนขโมยน้ำมัน ต้องลงโทษ การยืน การพูด มันดูเท่ห์ สง่า เหนือกว่านางเอกมาก หรือ ตอนที่บอกเรื่องเฉลยเยอรมันทำตัวไร้เกียรติ วิธีพูดเท่ห์ๆ แบบนี้ ตอน ยังไม่เป็นแฟนกัน แต่ผู้หญิงต้องเก็บผู้ชายไปฝันแน่นอน  จริงๆ พ่อริด อาจจะออกแบบให้เกลียดการช่อราษฎร์บังหลวงตัวยง แล้วมีคำพูดกินใจออกมาเรื่อยๆ เพื่อปูทางว่า
เขากับข้าราชการรับสินบน ไม่น่าร่วมงานกันได้   

อย่าลืมว่าการทำให้รักสำคัญ เพราะถ้าไม่รัก จะไม่ซื้อของที่ระลึกพรหมลิขิต เอาคนอายุ 40 เล่นเป็นเด็กอายุ 25 แรงดึงดูดทางเพศหายไป ริด กลายเป็นเด็กเนิร์ด ดูเรียนเก่ง ขาดบุคลิกเด็กหนุ่มไฟแรง ยอมให้ได้แค่ขุนหลวง หรือ มีวิธีเอาขุนหลวงลงได้ มีกรอบภาวะผู้นำตามบทบาทหน้าที่ของเขา อย่างโกโบริ ก็ยศเพียงร้อยเอก เขาก็ไม่ได้พยายามไปต้านแม่ทัพ ด้วย mindset ข้าราชการ แต่เวลาเขาปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งร้อยเอก มันเท่ห์มาก
ดังนั้น พระเอก ต้องมีมุมที่นางเอกทึ่งได้  มัน deep กว่า เป็นผู้ชายที่พึ่งพาได้

***ปล. แอบหวัง ว่า ep. สุดท้าย อาจจะเพิ่มการเล่า ด้วยเสียงของของเกศสุรางค์ ให้รู่ว่าเป็นเรื่องเล่า ชีวิตหลังจากพุดตาลอยู่อยุธยาด้วยกัน หรือ ถ่ายทำเพิ่ม ความรัก ของ Gen ลูกๆ  ให้มีเหตุผลรองรับบทสรุปต่างๆ ที่ไม่ทำให้รู้สึกเหมือนตัดต่อข้าม หรือ อาการธรรมดาจนขาดความเป็นตัวละคร เช่น พ่อเรือง เหมือนมีบทบาทแค่ไม้ประดับ ในเมื่อวางหมากให้เล่น 3 บท ก็ต้องเป็นเสาหลักของเรื่อง เช่นเดียวกับการะเกด  ที่บทน้อย แต่มีพลัง ถ้าถ่ายทำเพิ่ม คือ  คือ รอรายได้จากขายตลาดต่างประเทศ เพราะงานจะมีคุณภาพตั้งแต่ต้นจนตอนสุดท้าย และรายได้จากการดูผ่านแอพลิเคชั่น  หลายคนอยากดู 2 รอบ เพราะอลังการ์งานสร้าง ไม่ควรเก็บรายได้แบบละครทั่วไป ความเป็นแฟนตาซีเอย อิงประวัติศาสตร์เอย ความสามารถนักแสดงเอย ส่งออก soft power ไม่ควรจะได้ดูกันแค่ 60 ล้านคนในประเทศไทย ไม่ต้องรอเรื่องใหม่ ในเมื่อลงทุนมาแล้ว 85% ลงทุนเพิ่ม 15% เพื่อให้เรื่องสมบูรณ์ เสื้อผ้าทั้งหมด อาจทำเป็นสารคดีเจาะลึกได้อีกตอน และสารคดีเชิงประวัติศาสตร์ เบื้องหลังการถ่ายทำ แปลเสียงพากษ์เป็นภาษาอังกฤษ แล้วส่งขายต่างประเทศไปคู่กับละคร

อย่าลืมว่า  Lisa Blackpink ขึ้นอันดับ 1 ของโลก ธุรกิจประกวดความงาม คือ global business ที่เป็นของคนไทย ตอนนี้เราคือ ประเทศแถวหน้า ด้าน soft power  จีน+อเมริกา ทำธุรกิจ platforms  เราต้องเป็นเลิศให้ได้ในด้านคอนเทน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่