ต่อจาก ep1
เพราะความสามัคคีแบบขั้นสุดของกระเทยและขี้เมาเป็นที่เลื่องลือ ระแวกแถวนั้น ใตรอย่ามาหาเรื่องหรือมาแอ่วสาว บ้านนี้ ระวังกระเทยกับขี้เมาไว้ ฮ่าๆๆๆๆๆ พวกสาวๆจึงเป็น สาวเคิ้น (สาวแก่)ไม่ค่อยมีใครมาจีบและไม่ค่อยได้แต่งงานกัน อันนี้บ้านอื่นเค้านินทาชุมชนเราไปอีก ที่ลาน ขออนุญาติเรียกว่า ข่วง แก๊งขี้เมาประมาณ11-12 คน จะสุมหัวกินเหล้าทุกวันเปลี่ยนหน้าวนเวียนแต่ก็หน้าเดิมๆ ส่วนแก๊งกระเทยก็จะไป แอ่วบ่าว ตามประสาเค้า เห็นเป็นภาพชินตา ขี้เมาที่ชุมชนก็จะรุ่นๆเดียวกับผู้เขียนอาจจะเป็นรุ่นพี่ปีสองปีเห็นกันมาโตมาพร้อมๆกัน ทุกคนยังโสด เรียนจบ มอต้น มอปลาย เวลาเมาร้องเพลงหรือคุยเสียงดังมากๆ คนแก่ก็จะออกไปด่าไล่ ก็จะเงียบไปสักวันสองวัน เป็นที่รำคาน แต่ก็ลูกหลานกันทั้งนั้นไม่มีใครโกรธกัน เวลาผู้เขียนเดินผ่านไปธุระบ้านนั้นบ้านนี้มันก็จะแซว แต่ไม่ใช่แซวหนุ่มจีบสาว แซวแบบขี้ทูดขี้ถัง ไล่ไปไกลๆบัง เกะกะอย่ามาเดินแถวนี้เสียเวลากินเหล้า ถ้าเถียงมันมันก็ยิ่งสนุกเฮฮากัน เลยเฉยๆดีกว่า มากกว่านั้นไม่มี เพราะเวลาพวกขี้เมาบวช แก๊งสาวๆก็คอยใส่บาตรให้ มีการสั่งมาด้วยนะว่าอยากกินอะไร ตามประสาเพื่อนบ้านวัยเดียวกัน
ชุมชนที่เราอยู่มีนักการเมืองใหญ่ เป็นถึงรัฐมนตรี พวกเราให้การนับถือทุกคนถึงเทศกาลก็จะพากันไป ดำหัว มีอะไรท่านคอยดูแลช่วยเหลือตลอด
ผู้เขียนจะเรียกว่าลุงเพราะแม่เรียก อ้าย (ขอไม่เอ่ยนามนะคะ) ช่วงนั้น ลุงได้เป็น รัฐมนตรี พอดี ก็มีเหตุเกิดไฟไหม้ ข้างบ้านลุง เป็นโรงงานแกะสลักและทำเครื่องเงินเครื่องเขิน ไฟไหม้ใหญ่มากครั้งนั้นบ้านน้าผู้เขียนก็ไหม้ไปด้วย ช่วงนั้นไฟไหม้ใกล้ๆจะค่ำไฟแรงมากพากันตกใจ วิ่งช่วยกันชุลมุนไปหมดพี่ๆกระเทยถลกผ้าถุงวิ่งข้ามถนนไปช่วยกันขี้เมาวิ่งด้วย เสียงเอะอะโวยวาย ผู้เขียนก็ไปดูแต่โดนพี่กระเทย ดุ บอกให้ไปอยู่ในวัดไปเฝ้าของไปดูละอ่อนหน้อย ละให้ตะโกนบอกต่อๆกันให้ไปที่รวมตัวกันที่วัด ผู้เขียนก็วิ่งไปที่วัดหมื่นฯ ไปถึง ของเต็มลานวัดทีวีตู้เย็นที่นอนหมอนมุ้ง เด็กๆเล็กๆร้องระงมมีคนแก่ดูอยู่ รีบเข้าไปช่วยคนแก่ดูน้องๆ พี่ๆกระเทยหลายคนกับขี้เมารวมๆเกือบยี่สิบคน พากันยกทั้งของทั้งคน วิ่งมาวางไว้ที่วัด หอบเหนื่อยกันไปหมด กว่ารถดับเพลิงจะมาก็เกือบครึ่งชั่วโมง กว่าไฟจะสงบก็นานจนมืดไฟก็โดนตัดมืดไปหมด จุดตะเกียง จุดเทียนกัน เด็กๆก็เช็ดตัวให้กินนมกินน้ำปูผ้าบนศาลาละช่วยกันพัด ก็ค่อยๆหลับไป สักพักทุกคนมาที่วัดมาดูของตัวเองและลูกหลานตัวเอง ยังไม่มีใครแยกของบอกตอนเช้าค่อยแยกของ ก็ได้แต่นั่งปรับทุกข์สรุปวันนั้นต้องช่วยกันเฝ้าของ ถ้าไม่ใช่คนบ้านเราห้ามหยิบของ พวกเรานั่งปลอบใจกันไปมา และนอนวัดกันจนสว่างก็ค่อยๆแยกของกัน เก็บบ้านใครบ้านมันบ้านที่ไฟไหม้ก็เอาไปไว้บ้านญาติ ตอนเช้าเจ้าอาวาสเปิดโรงครัวให้ญาติโยมทำอาหารเลี้ยงกัน ผู้เขียนรู้สึก ดีมากๆที่ทุกคนสามัคคีกัน
หลังจากนั้น มีเหตุการณ์ที่ดีมากๆ ลุงรัฐมนตรี แจ้งว่าให้ขี้เมาทั้งหมดไปหาที่บ้านเงียบๆ และให้ขี้เมาทั้งหมดไปตามแม่มา เอาเอกสารส่วนตัวรวมทั้งวุฒิการศึกษาไปด้วยให้แม่เซ็นยินยอม แล้วจู่ๆขี้เมาที่บ้านก็หายจากบ้านไปนานเหมือนกันไม่แน่ใจว่ากี่เดือนน่าจะสี่เดือนได้ ถามแม่ๆเพื่อนขี้เมาก็บอกเค้าส่งไปเรียนอบรมอะไรสักอย่างนี่แหละ ก็ไม่ได้สนใจนักเพียงแต่ มันหายไปไหนกันเหงาๆ
วันนั้นผู้เขียนยืนรอรถไป โรงเรียน อยู่ๆมีรถหกล้อแบบขนส่งคนที่มีม้านั่งยาวๆมาจอดตรงข่วง ป้าดดดดดด ขี้เมาทั้งแก๊งลงรถมา ลักษณะแบบกรำการฝึกมาดูแข็งแรงขึ้นเป็นผู้เป็นคนขึ้น ใส่เสื้อแขนยาวสีขาวกางเกงสีดำทุกคน เห็นเราก็ทักกันแต่ยังไม่ทันคุยรถ โรงเรียนมาซะก่อน แต่พร้อมๆกันนั้นช่วงขี้เมาหายไปจากชุมชน มีการก่อสร้างสถานีดับเพลิงที่ตลาดใหญ่ใกล้บ้านเรา หลังจากนั้นสักอาทิตย์ ผู้เขียนปิดเทอมพอดี มีแม่ๆแก๊งขี้เมาบอกไปส่งหน่อยจะไปที่ตลาดเค้ามีเปิดสถานีดับเพลิง ด้วยเป็นเด็กก็ไปกับแม่ๆ ไปถึง โอ้โห.......คุณพระช่วย กล้วยทอด แก๊งขี้เมา ใส่ชุด พนักงานดับเพลิงยืนเข้าแถว ชักธงชาติขึ้นยอดเสา ร้องเพลงชาติเพลงสดุดีมหาราชา เสียงดังคนไปตลาดหยุดมุงชื่นชมลูกใครหลานใครหนอ แม่ๆน้ำตาซึม ใครจะคิดจากขี้เมากลางวันรับจ้างทำขันเงินจะกลายมาเป็นพนักงานทำงานในหน่วยราชการ ยังไม่พอแถวบ้านอีก พ่อแม่เป็นหน้าเป็นตามากๆ ยืนเช็ดน้ำตาปรบมือ เราก็พลอยดีใจตื่นเต้นไปด้วยผู้ใหญ่ในจังหวัดมาเปิดงานให้โอวาทตัดริบบิ้น เปิดสถานีดับเพลิงใหม่ เสร็จพิธีพ่อๆแม่ๆพากันจ่ายตลาดสนุกสนานชวนกันไปเปิดครัวที่วัดจะทำขนมจีนน้ำเงี้ยวถวายเพลเพื่อเป็นศิริมงคลต่อลูกๆ ผู้เขียนก็พลอยสนุกไปด้วยซื้อขนมกลับมาเต็มไม้เต็มมือทุกคน ระหว่างทางกลับคุยกันเสียงดังหยกล้อกันไปหัวเราะเอิ้กอ้าก ถึงวัดไปบอกเจ้าอาวาสแย่งกันคุยให้เจ้าอาวาสฟัง เจ้าอาวาสพลอยมีความสุขบอกดีแล้วๆ ดีใจด้วย ต่างๆนาๆ ก็ถวายเพลจนเสร็จกำลังเก็บกวาดกัน จะแยกย้ายกลับบ้าน มีคนมาจากดับเพลิงมาท่าทางโมโห ตะโกนว่า...ใครเป็นพ่อแม่ พนักงานดับเพลิงใหม่ ให้ไปดูหน่อย พวกมันนอนเมาเละเทะที่สถานี..... ผู้เขียนถึงกับสำลักอยากจะหัวเราะดังๆแต่เกรงใจ ได้อมยิ้ม เสียงพ่อๆแม่ๆ ดังขึ้นล้วนแต่สบถด่าทั้งนั้น ฮาว่าละ หมู่ปั๋นตาย จาดหมา หมู่นี้ ฮ่าๆๆๆๆๆ ...........เจ้าอาวาสพูดเบาๆ.................เฮ้อ......เสือ มันบ่ทิ้งลายต่ะ ถึงตรงนี่ผู้เขียน ก๊ากกกกกก ออกมา ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ หมดกันความปลื้มใจเมื่อตอนเช้า ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
พี่ๆกระเทย...ขี้เมา...และดับเพลิง ep2
เพราะความสามัคคีแบบขั้นสุดของกระเทยและขี้เมาเป็นที่เลื่องลือ ระแวกแถวนั้น ใตรอย่ามาหาเรื่องหรือมาแอ่วสาว บ้านนี้ ระวังกระเทยกับขี้เมาไว้ ฮ่าๆๆๆๆๆ พวกสาวๆจึงเป็น สาวเคิ้น (สาวแก่)ไม่ค่อยมีใครมาจีบและไม่ค่อยได้แต่งงานกัน อันนี้บ้านอื่นเค้านินทาชุมชนเราไปอีก ที่ลาน ขออนุญาติเรียกว่า ข่วง แก๊งขี้เมาประมาณ11-12 คน จะสุมหัวกินเหล้าทุกวันเปลี่ยนหน้าวนเวียนแต่ก็หน้าเดิมๆ ส่วนแก๊งกระเทยก็จะไป แอ่วบ่าว ตามประสาเค้า เห็นเป็นภาพชินตา ขี้เมาที่ชุมชนก็จะรุ่นๆเดียวกับผู้เขียนอาจจะเป็นรุ่นพี่ปีสองปีเห็นกันมาโตมาพร้อมๆกัน ทุกคนยังโสด เรียนจบ มอต้น มอปลาย เวลาเมาร้องเพลงหรือคุยเสียงดังมากๆ คนแก่ก็จะออกไปด่าไล่ ก็จะเงียบไปสักวันสองวัน เป็นที่รำคาน แต่ก็ลูกหลานกันทั้งนั้นไม่มีใครโกรธกัน เวลาผู้เขียนเดินผ่านไปธุระบ้านนั้นบ้านนี้มันก็จะแซว แต่ไม่ใช่แซวหนุ่มจีบสาว แซวแบบขี้ทูดขี้ถัง ไล่ไปไกลๆบัง เกะกะอย่ามาเดินแถวนี้เสียเวลากินเหล้า ถ้าเถียงมันมันก็ยิ่งสนุกเฮฮากัน เลยเฉยๆดีกว่า มากกว่านั้นไม่มี เพราะเวลาพวกขี้เมาบวช แก๊งสาวๆก็คอยใส่บาตรให้ มีการสั่งมาด้วยนะว่าอยากกินอะไร ตามประสาเพื่อนบ้านวัยเดียวกัน
ชุมชนที่เราอยู่มีนักการเมืองใหญ่ เป็นถึงรัฐมนตรี พวกเราให้การนับถือทุกคนถึงเทศกาลก็จะพากันไป ดำหัว มีอะไรท่านคอยดูแลช่วยเหลือตลอด
ผู้เขียนจะเรียกว่าลุงเพราะแม่เรียก อ้าย (ขอไม่เอ่ยนามนะคะ) ช่วงนั้น ลุงได้เป็น รัฐมนตรี พอดี ก็มีเหตุเกิดไฟไหม้ ข้างบ้านลุง เป็นโรงงานแกะสลักและทำเครื่องเงินเครื่องเขิน ไฟไหม้ใหญ่มากครั้งนั้นบ้านน้าผู้เขียนก็ไหม้ไปด้วย ช่วงนั้นไฟไหม้ใกล้ๆจะค่ำไฟแรงมากพากันตกใจ วิ่งช่วยกันชุลมุนไปหมดพี่ๆกระเทยถลกผ้าถุงวิ่งข้ามถนนไปช่วยกันขี้เมาวิ่งด้วย เสียงเอะอะโวยวาย ผู้เขียนก็ไปดูแต่โดนพี่กระเทย ดุ บอกให้ไปอยู่ในวัดไปเฝ้าของไปดูละอ่อนหน้อย ละให้ตะโกนบอกต่อๆกันให้ไปที่รวมตัวกันที่วัด ผู้เขียนก็วิ่งไปที่วัดหมื่นฯ ไปถึง ของเต็มลานวัดทีวีตู้เย็นที่นอนหมอนมุ้ง เด็กๆเล็กๆร้องระงมมีคนแก่ดูอยู่ รีบเข้าไปช่วยคนแก่ดูน้องๆ พี่ๆกระเทยหลายคนกับขี้เมารวมๆเกือบยี่สิบคน พากันยกทั้งของทั้งคน วิ่งมาวางไว้ที่วัด หอบเหนื่อยกันไปหมด กว่ารถดับเพลิงจะมาก็เกือบครึ่งชั่วโมง กว่าไฟจะสงบก็นานจนมืดไฟก็โดนตัดมืดไปหมด จุดตะเกียง จุดเทียนกัน เด็กๆก็เช็ดตัวให้กินนมกินน้ำปูผ้าบนศาลาละช่วยกันพัด ก็ค่อยๆหลับไป สักพักทุกคนมาที่วัดมาดูของตัวเองและลูกหลานตัวเอง ยังไม่มีใครแยกของบอกตอนเช้าค่อยแยกของ ก็ได้แต่นั่งปรับทุกข์สรุปวันนั้นต้องช่วยกันเฝ้าของ ถ้าไม่ใช่คนบ้านเราห้ามหยิบของ พวกเรานั่งปลอบใจกันไปมา และนอนวัดกันจนสว่างก็ค่อยๆแยกของกัน เก็บบ้านใครบ้านมันบ้านที่ไฟไหม้ก็เอาไปไว้บ้านญาติ ตอนเช้าเจ้าอาวาสเปิดโรงครัวให้ญาติโยมทำอาหารเลี้ยงกัน ผู้เขียนรู้สึก ดีมากๆที่ทุกคนสามัคคีกัน
หลังจากนั้น มีเหตุการณ์ที่ดีมากๆ ลุงรัฐมนตรี แจ้งว่าให้ขี้เมาทั้งหมดไปหาที่บ้านเงียบๆ และให้ขี้เมาทั้งหมดไปตามแม่มา เอาเอกสารส่วนตัวรวมทั้งวุฒิการศึกษาไปด้วยให้แม่เซ็นยินยอม แล้วจู่ๆขี้เมาที่บ้านก็หายจากบ้านไปนานเหมือนกันไม่แน่ใจว่ากี่เดือนน่าจะสี่เดือนได้ ถามแม่ๆเพื่อนขี้เมาก็บอกเค้าส่งไปเรียนอบรมอะไรสักอย่างนี่แหละ ก็ไม่ได้สนใจนักเพียงแต่ มันหายไปไหนกันเหงาๆ
วันนั้นผู้เขียนยืนรอรถไป โรงเรียน อยู่ๆมีรถหกล้อแบบขนส่งคนที่มีม้านั่งยาวๆมาจอดตรงข่วง ป้าดดดดดด ขี้เมาทั้งแก๊งลงรถมา ลักษณะแบบกรำการฝึกมาดูแข็งแรงขึ้นเป็นผู้เป็นคนขึ้น ใส่เสื้อแขนยาวสีขาวกางเกงสีดำทุกคน เห็นเราก็ทักกันแต่ยังไม่ทันคุยรถ โรงเรียนมาซะก่อน แต่พร้อมๆกันนั้นช่วงขี้เมาหายไปจากชุมชน มีการก่อสร้างสถานีดับเพลิงที่ตลาดใหญ่ใกล้บ้านเรา หลังจากนั้นสักอาทิตย์ ผู้เขียนปิดเทอมพอดี มีแม่ๆแก๊งขี้เมาบอกไปส่งหน่อยจะไปที่ตลาดเค้ามีเปิดสถานีดับเพลิง ด้วยเป็นเด็กก็ไปกับแม่ๆ ไปถึง โอ้โห.......คุณพระช่วย กล้วยทอด แก๊งขี้เมา ใส่ชุด พนักงานดับเพลิงยืนเข้าแถว ชักธงชาติขึ้นยอดเสา ร้องเพลงชาติเพลงสดุดีมหาราชา เสียงดังคนไปตลาดหยุดมุงชื่นชมลูกใครหลานใครหนอ แม่ๆน้ำตาซึม ใครจะคิดจากขี้เมากลางวันรับจ้างทำขันเงินจะกลายมาเป็นพนักงานทำงานในหน่วยราชการ ยังไม่พอแถวบ้านอีก พ่อแม่เป็นหน้าเป็นตามากๆ ยืนเช็ดน้ำตาปรบมือ เราก็พลอยดีใจตื่นเต้นไปด้วยผู้ใหญ่ในจังหวัดมาเปิดงานให้โอวาทตัดริบบิ้น เปิดสถานีดับเพลิงใหม่ เสร็จพิธีพ่อๆแม่ๆพากันจ่ายตลาดสนุกสนานชวนกันไปเปิดครัวที่วัดจะทำขนมจีนน้ำเงี้ยวถวายเพลเพื่อเป็นศิริมงคลต่อลูกๆ ผู้เขียนก็พลอยสนุกไปด้วยซื้อขนมกลับมาเต็มไม้เต็มมือทุกคน ระหว่างทางกลับคุยกันเสียงดังหยกล้อกันไปหัวเราะเอิ้กอ้าก ถึงวัดไปบอกเจ้าอาวาสแย่งกันคุยให้เจ้าอาวาสฟัง เจ้าอาวาสพลอยมีความสุขบอกดีแล้วๆ ดีใจด้วย ต่างๆนาๆ ก็ถวายเพลจนเสร็จกำลังเก็บกวาดกัน จะแยกย้ายกลับบ้าน มีคนมาจากดับเพลิงมาท่าทางโมโห ตะโกนว่า...ใครเป็นพ่อแม่ พนักงานดับเพลิงใหม่ ให้ไปดูหน่อย พวกมันนอนเมาเละเทะที่สถานี..... ผู้เขียนถึงกับสำลักอยากจะหัวเราะดังๆแต่เกรงใจ ได้อมยิ้ม เสียงพ่อๆแม่ๆ ดังขึ้นล้วนแต่สบถด่าทั้งนั้น ฮาว่าละ หมู่ปั๋นตาย จาดหมา หมู่นี้ ฮ่าๆๆๆๆๆ ...........เจ้าอาวาสพูดเบาๆ.................เฮ้อ......เสือ มันบ่ทิ้งลายต่ะ ถึงตรงนี่ผู้เขียน ก๊ากกกกกก ออกมา ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ หมดกันความปลื้มใจเมื่อตอนเช้า ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ