ธนาคารอิสลาม’ แจงปมโฉนดบ้าน-ที่ดิน 40 ล้านบาท ของลูกค้าหาย ยันไม่ได้หายระหว่างเก็บรักษาของ บสอ. เคาะทางออก ‘ขยายเวลาชำระหนี้-งดคิดดอกเบี้ย-เบี้ยปรับ-คืนเงินมัดจำ’
จากกรณี นายไพศาล อายุ 68 ปี อดีตเลขานุการรัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากธนาคารแห่งหนึ่งย่านพระราม 9 ทำโฉนดบ้านและที่ดินหายตั้งแต่ พ.ศ.2564 ทำให้ไม่สามารถขายที่ดินเพื่อชำระหนี้ทันตามกำหนดเวลาและเกิดความเสียหาย
ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม บริษัทบริหารสินทรัพย์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จำกัด (บอส. หรือ IAM) มีหนังสือชี้แจงว่า ตามที่ปรากฏข่าวผ่านสื่อออนไลน์และสื่อสาธารณะ โดยรายงานว่า ธนาคารแห่งหนึ่งย่านพระราม 9 ได้ทำโฉนดที่ดินของลูกค้าสูญหาย ทำให้ไม่สามารถขายที่ดินเพื่อชำระหนี้ได้ทันตามกำหนดเวลาและเกิดความเสียหายนั้น
บริษัทบริหารสินทรัพย์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จำกัด ให้ความสำคัญในการให้บริการกับลูกค้าอย่างเป็นธรรม (Market Conduct) ตระหนักถึงสิทธิของลูกค้า และรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเต็มความสามารถ โดยได้หารือร่วมกับลูกค้าหรือผู้ร้องเรียนเพื่อแก้ไขสถานการณ์ให้ลูกค้าสามารถโอนขายทรัพย์ตามความประสงค์ได้อย่างเร็วที่สุด และหาแนวทางชดเชยเยียวยาจนเป็นที่พอใจของลูกค้าและผู้ค้ำประกันแล้ว จึงขอเรียนชี้แจงดังนี้
บสอ.มีการเก็บรักษาเอกสารสำคัญของลูกค้าภายในห้องมั่นคง และมีกระบวนการควบคุมการเข้าถึงการเบิกใช้เอกสารเพื่อป้องกันการสูญหาย และการนำไปใช้ที่ไม่สมควร
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บสอ.ได้ตรวจสอบแล้วพบว่า โฉนดที่ดินของลูกค้าไม่ได้เกิดการสูญหายในระหว่างเก็บรักษาของ บสอ. อย่างไรก็ตาม บสอ.รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยขอรับมอบอำนาจจากลูกค้าไปดำเนินการออกใบแทนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.66 ซึ่งตามขั้นตอนทราบว่าภายในวันที่ 15 ก.พ.67 ลูกค้าจะสามารถใช้ใบแทนดังกล่าวทำการโอนขายทรัพย์ได้
ในการนี้ บสอ.ได้มีมาตรการชดเชยเยียวยาให้กับลูกค้า โดยจะขยายเวลาชำระหนี้ออกไปจนถึงวันที่ 15 ก.พ.67 หรือจนกว่าจะได้ใบแทน และในระหว่างนี้ บสอ.จะงดคิดดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ รวมทั้งจะทำการคืนเงินมัดจำ (Upfort) ทั้งจำนวนให้กับลูกค้าเพื่อนำเงินไปคืนให้กับผู้ซื้อทรัพย์ ซึ่งจะทำให้ทุกฝ่ายไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้
บสอ.ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงการคลัง ยังคงมุ่งมั่นในการช่วยเหลือลูกหนี้ทุกรายให้กลับมาประกอบธุรกิจและดำเนินชีวิตได้ตามปกติอย่างเต็มความสามารถ เพื่อสร้างความเข้มแข็งและความมั่นคงทางการเงินให้กับธุรกิจและชุมชน และเป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาลในการแก้หนี้สาธารณะของประเทศ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบการเงินของประเทศชาติต่อไป
เครดิตจาก..มติชนออนไลน์
https://www.matichon.co.th/economy/news_4342461
ธนาคารอิสลาม แจงปมโฉนดบ้าน-ที่ดิน 40 ล้าน ของลูกค้าหาย ทั้งที่จำนองไว้ ขยายเวลาชำระหนี้ให้
จากกรณี นายไพศาล อายุ 68 ปี อดีตเลขานุการรัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากธนาคารแห่งหนึ่งย่านพระราม 9 ทำโฉนดบ้านและที่ดินหายตั้งแต่ พ.ศ.2564 ทำให้ไม่สามารถขายที่ดินเพื่อชำระหนี้ทันตามกำหนดเวลาและเกิดความเสียหาย
ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม บริษัทบริหารสินทรัพย์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จำกัด (บอส. หรือ IAM) มีหนังสือชี้แจงว่า ตามที่ปรากฏข่าวผ่านสื่อออนไลน์และสื่อสาธารณะ โดยรายงานว่า ธนาคารแห่งหนึ่งย่านพระราม 9 ได้ทำโฉนดที่ดินของลูกค้าสูญหาย ทำให้ไม่สามารถขายที่ดินเพื่อชำระหนี้ได้ทันตามกำหนดเวลาและเกิดความเสียหายนั้น
บริษัทบริหารสินทรัพย์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จำกัด ให้ความสำคัญในการให้บริการกับลูกค้าอย่างเป็นธรรม (Market Conduct) ตระหนักถึงสิทธิของลูกค้า และรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเต็มความสามารถ โดยได้หารือร่วมกับลูกค้าหรือผู้ร้องเรียนเพื่อแก้ไขสถานการณ์ให้ลูกค้าสามารถโอนขายทรัพย์ตามความประสงค์ได้อย่างเร็วที่สุด และหาแนวทางชดเชยเยียวยาจนเป็นที่พอใจของลูกค้าและผู้ค้ำประกันแล้ว จึงขอเรียนชี้แจงดังนี้
บสอ.มีการเก็บรักษาเอกสารสำคัญของลูกค้าภายในห้องมั่นคง และมีกระบวนการควบคุมการเข้าถึงการเบิกใช้เอกสารเพื่อป้องกันการสูญหาย และการนำไปใช้ที่ไม่สมควร
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บสอ.ได้ตรวจสอบแล้วพบว่า โฉนดที่ดินของลูกค้าไม่ได้เกิดการสูญหายในระหว่างเก็บรักษาของ บสอ. อย่างไรก็ตาม บสอ.รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยขอรับมอบอำนาจจากลูกค้าไปดำเนินการออกใบแทนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.66 ซึ่งตามขั้นตอนทราบว่าภายในวันที่ 15 ก.พ.67 ลูกค้าจะสามารถใช้ใบแทนดังกล่าวทำการโอนขายทรัพย์ได้
ในการนี้ บสอ.ได้มีมาตรการชดเชยเยียวยาให้กับลูกค้า โดยจะขยายเวลาชำระหนี้ออกไปจนถึงวันที่ 15 ก.พ.67 หรือจนกว่าจะได้ใบแทน และในระหว่างนี้ บสอ.จะงดคิดดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ รวมทั้งจะทำการคืนเงินมัดจำ (Upfort) ทั้งจำนวนให้กับลูกค้าเพื่อนำเงินไปคืนให้กับผู้ซื้อทรัพย์ ซึ่งจะทำให้ทุกฝ่ายไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้
บสอ.ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงการคลัง ยังคงมุ่งมั่นในการช่วยเหลือลูกหนี้ทุกรายให้กลับมาประกอบธุรกิจและดำเนินชีวิตได้ตามปกติอย่างเต็มความสามารถ เพื่อสร้างความเข้มแข็งและความมั่นคงทางการเงินให้กับธุรกิจและชุมชน และเป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาลในการแก้หนี้สาธารณะของประเทศ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบการเงินของประเทศชาติต่อไป
เครดิตจาก..มติชนออนไลน์
https://www.matichon.co.th/economy/news_4342461