จากการที่มีข่าว คนมุสลิม ซึ่งเป็นเจ้ากรรมนายเวร คนที่ 7 ของคนวินัยไกรบุตร ไม่เข้าร่วม พิธีอโหสิกรรม
และเป็นทางตันนั้น เกิดจากอะไร และจะแก้ปัญหาอย่างไร
คำแนะนำ ของคุณ เยาฮารี แหละตี ที่ปรึกษาด้านครอบครัวพหุวัฒนธรรม การแต่งงาน ได้ให้ความเห็นไว้ดังนี้
กรณีของคุณวินัย ไกรบุตร และ การขอให้คนมุสลิมเข้าพิธีอโหสิกรรม ซึ่งถือเป็นประเด็นพหุวัฒนธรรม ก็ขอเขียนสรุปไว้ เผื่อเป็นประโยชน์นะครับ
พิธีอโหสิกรรม เป็นพิธีกรรม วัฒนธรรม ของ ผู้นับถือพุทธศาสนาชาวไทย
ที่มีความเชื่อว่า กิจกรรมดังกล่าวเป็นกระบวนการขั้นตอน การขออภัย
กับผู้ที่เราไปก่อกรรมไว้ใน ภพชาติ ก่อน หรือปัจจุบัน
เนื่องด้วย เป็นพิธีกรรมทางศาสนา ในทางหลักการศาสนาและสังคม ศาสนาอิสลามไม่มีพิธีกรรมอโหสิกรรม
หรือสามารถทำกิจกรรมใดๆที่แสดงออกในทำนองความเชื่อว่า ธูปเทียน และกระบวนการนี้ จะเป็นการ
ขออภัยต่อคนที่จากไปแล้วได้ หรือ คนละภพละชาติได้ เนื่องจาก
การขออภัยในอิสลามนั้นเป็นเรื่องของคนที่กำลังดำเนินชีวิตอยู่
และการขออภัยคนที่ตายไปแล้วนั้น ตามหลักการไม่สามารถ สร้างความเป็นธรรมใดๆให้กับผู้ที่ล่วงลับได้
การขออภัยในศาสนาอิสลามจึงเป็นเรื่องของคนที่มีชีวิตอยู่ที่จะปฏิบัติดีต่อกัน
เพราะตะหนักว่า กาขออภัย-ให้อภัย เป็นเรื่องของคนที่มีชีวิตอยู่นั่น
ศาสนาอิสลามีกิจกรรมที่เรียกว่า การ ขอมาอัฟ หรือ การขออภัยต่อกัน
อิสลามขอให้มุสลิมนั้น ตระหนักถึง สิ่งที่ได้กระทำผิดทางกาย วาจา ใจ ต่อผู้อื่นๆในทุกวันๆ
และ จะย้ำอีกครั้งในทุกๆปีของวัน ในขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่
"ฮารีรายอ" หรือวันอีด หรือ วันปีใหม่อิสลาม เป็นวันที่ มุสลิมจะขอมาอัฟ
ระหว่างกันทั้งเพื่อน ญาติพี่น้อง และครอบครัว แม้จะคนละศาสนา
เป็นสิ่งที่แสดงว่า อิสลามให้ความสำคัญกับการให้อภัย
และขออภัยอย่างมาก โดยเฉพาะกับคนที่ยังมีชีวิตอยู่
เพราะ ถ้าเค้าจากไปแล้วการขออภัย และการให้อภัย ไม่สามารถนำพาความยุติธรรมใดๆให้เกิดขึ้นได้
ในขณะเดียวกัน ถึงแม้มุสลิมจะเข้าร่วมพิธีกรรมอโหสิกรรม
ข้ามภพ ข้ามชาติตามหลัก(พุทธ-พราห์ม) แบบวัฒนธรรมไทยเราไม่ได้
เพราะการให้อภัย ขออภัยเป็นเรื่องคนปัจจุบัน สิ่งที่ดำเนินอยู่
และเพราะคุณวินัยไม่ได้ทำผิดอะไรต่อมุสลิมท่านนั้น ในภพชาตินี้
จึงไม่มีเหตุอะไรให้ มุสลิมท่านนั้นต้องให้อภัยใดๆ ต่อกัน
แต่ไม่ได้มีข้อห้ามใดๆที่ มุสลิมจะแสดงความปราถนาดีต่อกัน มีความเมตาาและความรักต่อกันแม้จะคนละศาสนาก็ตาม
มุสลิมท่านนั้น สามารถที่จะ ขอให้เค้าสุขภาพกาย สุขภาพใจ หายไปป่วยได้ มีความปราถนาดีต่อกันได้
ทางออกของปัญหานี้ ซึ่งเป็นคนละศาสนา
ในกรณีนี้ ตามความเชื่อส่วนบุคคล ของคุณวินัย เพียงต้องการให้ คนที่ 7 ให้อภัย
ก็ลองขอให้เค้าแสดงความปรถานาดี ด้วยจิตใจที่เมตตาดีต่อกันดู
โดยไม่ต้องมีพิธีรีตรองตามความเชื่อ หรือไปบังคับใจให้เค้ากระทำสิ่งที่เป็นไปตามความเชื่อของเรา
อาจจะให้คุณวินัย แวะไป ขอมาอัฟ วันฮารีรายอที่จะถึงนี้ หรือโอกาสอื่นๆที่สะดวก
เช่นนี้ก็จะถือว่าให้อภัยแล้วในมุมผู้รับ และ ในมุมผู้ให้ก็ไม่ผิดหลักการศาสนา
ไม่มีใครบังคับใจใคร ไม่มีกิจกรรมที่ผิดหลักศาสนาใดๆ
ความดีต่อกันเป็นเรื่องสากล
ถ้าเราถอดรูปแบบ ความต้องการทางพิธีกรรมออก อุปกรณ์และข้าวของออก
เหลือเพียงความปราถนาดีต่อกัน ระหว่างคนต่อคน จิตใจต่อจิตใจ
ทางตันที่ว่าก็จะหายไปก็ได้นะครับ และ ในฐานะมุสลิม ขอให้คุณวินัยสุขภาพกายใจดีขึ้นในทุกวันครับ
ทำไมคนมุสลิม ไม่อโหสิกรรมให้คุณวินัย ไกรบุตร
และเป็นทางตันนั้น เกิดจากอะไร และจะแก้ปัญหาอย่างไร
คำแนะนำ ของคุณ เยาฮารี แหละตี ที่ปรึกษาด้านครอบครัวพหุวัฒนธรรม การแต่งงาน ได้ให้ความเห็นไว้ดังนี้
กรณีของคุณวินัย ไกรบุตร และ การขอให้คนมุสลิมเข้าพิธีอโหสิกรรม ซึ่งถือเป็นประเด็นพหุวัฒนธรรม ก็ขอเขียนสรุปไว้ เผื่อเป็นประโยชน์นะครับ
พิธีอโหสิกรรม เป็นพิธีกรรม วัฒนธรรม ของ ผู้นับถือพุทธศาสนาชาวไทย
ที่มีความเชื่อว่า กิจกรรมดังกล่าวเป็นกระบวนการขั้นตอน การขออภัย
กับผู้ที่เราไปก่อกรรมไว้ใน ภพชาติ ก่อน หรือปัจจุบัน
เนื่องด้วย เป็นพิธีกรรมทางศาสนา ในทางหลักการศาสนาและสังคม ศาสนาอิสลามไม่มีพิธีกรรมอโหสิกรรม
หรือสามารถทำกิจกรรมใดๆที่แสดงออกในทำนองความเชื่อว่า ธูปเทียน และกระบวนการนี้ จะเป็นการ
ขออภัยต่อคนที่จากไปแล้วได้ หรือ คนละภพละชาติได้ เนื่องจาก
การขออภัยในอิสลามนั้นเป็นเรื่องของคนที่กำลังดำเนินชีวิตอยู่
และการขออภัยคนที่ตายไปแล้วนั้น ตามหลักการไม่สามารถ สร้างความเป็นธรรมใดๆให้กับผู้ที่ล่วงลับได้
การขออภัยในศาสนาอิสลามจึงเป็นเรื่องของคนที่มีชีวิตอยู่ที่จะปฏิบัติดีต่อกัน
เพราะตะหนักว่า กาขออภัย-ให้อภัย เป็นเรื่องของคนที่มีชีวิตอยู่นั่น
ศาสนาอิสลามีกิจกรรมที่เรียกว่า การ ขอมาอัฟ หรือ การขออภัยต่อกัน
อิสลามขอให้มุสลิมนั้น ตระหนักถึง สิ่งที่ได้กระทำผิดทางกาย วาจา ใจ ต่อผู้อื่นๆในทุกวันๆ
และ จะย้ำอีกครั้งในทุกๆปีของวัน ในขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่
"ฮารีรายอ" หรือวันอีด หรือ วันปีใหม่อิสลาม เป็นวันที่ มุสลิมจะขอมาอัฟ
ระหว่างกันทั้งเพื่อน ญาติพี่น้อง และครอบครัว แม้จะคนละศาสนา
เป็นสิ่งที่แสดงว่า อิสลามให้ความสำคัญกับการให้อภัย
และขออภัยอย่างมาก โดยเฉพาะกับคนที่ยังมีชีวิตอยู่
เพราะ ถ้าเค้าจากไปแล้วการขออภัย และการให้อภัย ไม่สามารถนำพาความยุติธรรมใดๆให้เกิดขึ้นได้
ในขณะเดียวกัน ถึงแม้มุสลิมจะเข้าร่วมพิธีกรรมอโหสิกรรม
ข้ามภพ ข้ามชาติตามหลัก(พุทธ-พราห์ม) แบบวัฒนธรรมไทยเราไม่ได้
เพราะการให้อภัย ขออภัยเป็นเรื่องคนปัจจุบัน สิ่งที่ดำเนินอยู่
และเพราะคุณวินัยไม่ได้ทำผิดอะไรต่อมุสลิมท่านนั้น ในภพชาตินี้
จึงไม่มีเหตุอะไรให้ มุสลิมท่านนั้นต้องให้อภัยใดๆ ต่อกัน
แต่ไม่ได้มีข้อห้ามใดๆที่ มุสลิมจะแสดงความปราถนาดีต่อกัน มีความเมตาาและความรักต่อกันแม้จะคนละศาสนาก็ตาม
มุสลิมท่านนั้น สามารถที่จะ ขอให้เค้าสุขภาพกาย สุขภาพใจ หายไปป่วยได้ มีความปราถนาดีต่อกันได้
ทางออกของปัญหานี้ ซึ่งเป็นคนละศาสนา
ในกรณีนี้ ตามความเชื่อส่วนบุคคล ของคุณวินัย เพียงต้องการให้ คนที่ 7 ให้อภัย
ก็ลองขอให้เค้าแสดงความปรถานาดี ด้วยจิตใจที่เมตตาดีต่อกันดู
โดยไม่ต้องมีพิธีรีตรองตามความเชื่อ หรือไปบังคับใจให้เค้ากระทำสิ่งที่เป็นไปตามความเชื่อของเรา
อาจจะให้คุณวินัย แวะไป ขอมาอัฟ วันฮารีรายอที่จะถึงนี้ หรือโอกาสอื่นๆที่สะดวก
เช่นนี้ก็จะถือว่าให้อภัยแล้วในมุมผู้รับ และ ในมุมผู้ให้ก็ไม่ผิดหลักการศาสนา
ไม่มีใครบังคับใจใคร ไม่มีกิจกรรมที่ผิดหลักศาสนาใดๆ
ความดีต่อกันเป็นเรื่องสากล
ถ้าเราถอดรูปแบบ ความต้องการทางพิธีกรรมออก อุปกรณ์และข้าวของออก
เหลือเพียงความปราถนาดีต่อกัน ระหว่างคนต่อคน จิตใจต่อจิตใจ
ทางตันที่ว่าก็จะหายไปก็ได้นะครับ และ ในฐานะมุสลิม ขอให้คุณวินัยสุขภาพกายใจดีขึ้นในทุกวันครับ