เมื่อวันที่22มิ.ย.65 เราได้พาคุณแม่ไปทำการย้ายค่ายเบอร์เดิม แต่ทางศูนย์ดีแทคได้แจ้งว่า เบอร์ของคุณแม่ไม่สามารถย้ายค่ายได้เพราะติดสัญญาสองปี เราจึงได้สอบถามรายละเอียดจากดีแทคได้ความว่ามีบุคคลอื่นได้นำเราจึงได้สอบถามรายละเอียดจากดีแทคได้ความว่ามีบุคคลอื่นได้ Numbers ของคุณแม่ไปเป็นหลักประกันในการซื้อเครื่อง iPhone 13 สีชมพู โดยได้ส่งเครื่องไปยังบ้านเลขที่ 59 ซอย สมปรารถนา1 กทม. เราจึงได้บอกไปว่าเราไม่รู้จักผู้ซื้อและไม่ได้ยินยอมให้เกินการผู้มัดติดสัญญา2ปี ทางดีแทคศรีมมหาโพธิจึงแจ้งว่าให้ไปลงบันทึกประจำวันที่โรงพักและนำใบแจ้งความไปให้กับศูนย์ดีแทค โรบินสัน ฉะเชิงเทรา เราจึงได้นำเอกสารไปส่งทิ้งไว้(ระยะทางห่างจากบ้านเรา 60 กิโล)
ระยะเวลาผ่านมาเป็นปีเราจึงได้โทรไปสอบถามทางคอลเซ้นเตอร์อีกครั้ง ในวันที่ 25 ต.ค.66 ได้ความว่า ยังไม่มีเอกสารอะไรส่งไป ให้ไปลงบันทึกประจำวันใหม่และส่งไปอีกครั้ง และในการคุยสายครั้งนี้เราได้สอบถามไปว่า ถ้าเรารอจนมันครบสัญญา แล้วเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีกไหม ทางคอลเซ็นเตอร์ตอบว่าเราไม่สามารถตอบได้ว่าจะเกิดขึ้นอีกไหม(พระเจ้าเราต้องโดนแบบนี้อีกเหรอ) พอได้ยินคำนี้เราเลยรู้สึกว่าเราไม่ควรรอ และเราควรทำอะไรสักอย่างเราจึงได้เริ่มดำเนินการใหม่ทั้งหมด โดยถามว่าครั้งนี้เราต้องทำอะไรบ้างเพื่อที่จะได้ส่งเอกสารไป ทางคอลแจ้งว่าแค่ลงบันทึกประจำวันแล้วก็บัตรประชาชนมาก็พอ ไม่เอาอะไรเพิ่ม เราถามย้ำ 3 ครั้งก็ยังได้คำตอบเหมือนเดิม เราเลยไปลงบันทึกประจำวันไว้ เมื่อวันที่ 26 ตุลา 2566 และส่งเอกสารไปทางไปรษณีย์ไทยตามที่อยู่ที่ดีแทคให้มา
เมื่อเอกสารส่งไปถึง เราจึงได้โทรไปสอบถามทางดีแทค ได้ความว่า ต้องรอดำเนิน ต้องรอดำเนินเรื่อง 7-15 วัน เราก็ก็รอจนระยะเวลาผ่านมาจนถึงวันที่ 14 ธันวา 2566 เราได้โทรไปหาดีแทคอีกครั้งนึงทาง DTAC แจ้งว่าเราต้องส่งเอกสารไปเพิ่ม นั่นคือหมายเรียกพยานเอกสาร ซึ่งที่ผ่านมาหนึ่งเดือนไม่ยอมแจ้งอะไรเราเลยถ้าเราไม่โทรไปถามเราก็ต้องรอต่อไปเรื่อยๆ และในขณะนี้เราส่งหมายเรียกพยานเอกสารไปให้ทาง DTAC แล้วเราจึงได้ถามต่อว่าเราส่งหมายเรียกเสร็จแล้วจะจะดำเนินการและในขณะนี้เราส่งหมายเรียกพยานเอกสารไปให้ทาง DTAC แล้วเราจึงได้ถามต่อว่าเราส่งหมายเรียกเสร็จแล้วแล้วจะดำเนินการให้เรายังไงต่อเพราะเราไม่ต้องการใช้ค่ายดีแทคอีกต่อไปแล้ว พนักงานจึงแจ้งกลับมาว่าไม่ทราบเดี๋ยวต้องสอบถามทางฝ่ายกฎหมายอีกที และจนบัดนี้ยังไม่มีใครติดต่อกลับมาแจ้งว่าเราต้องทำและจนบัดนี้ยังไม่มีใครติดต่อกลับมาแจ้งว่าเราต้องทำยังไงต่อเพื่อที่จะจะได้ย้ายค่ายสักที
มีใครโดนแบบแม่เราบ้างไหมคะ ซึ่งในความคิดเราการซื้อเครื่องแบบนี้มันละหลวมมากพนักงานคอลเซ็นเตอร์บอกว่าการซื้อแบบนี้ต้องมีการยืนยันโอทีพีซึ่งแม่เราไม่ได้มีotp เข้ามาเลยและแม่ก็เป็นคนยืนยันด้วยตัวเองว่าแม่ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำนี้ หรือมันอาจจะเป็นพนักงานของบริษัทนั้นเองหรือเปล่าที่มาทำแบบนี้
แม่เราถูกเอาเบอร์ไปซื้อไอโฟนติดโปร2ปี ของค่าย DTAC โดยที่เราไม่รู้ว่าคนซื้อนั้นคือใคร ใครโดนเหมือนแม่เราบ้าง
ระยะเวลาผ่านมาเป็นปีเราจึงได้โทรไปสอบถามทางคอลเซ้นเตอร์อีกครั้ง ในวันที่ 25 ต.ค.66 ได้ความว่า ยังไม่มีเอกสารอะไรส่งไป ให้ไปลงบันทึกประจำวันใหม่และส่งไปอีกครั้ง และในการคุยสายครั้งนี้เราได้สอบถามไปว่า ถ้าเรารอจนมันครบสัญญา แล้วเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีกไหม ทางคอลเซ็นเตอร์ตอบว่าเราไม่สามารถตอบได้ว่าจะเกิดขึ้นอีกไหม(พระเจ้าเราต้องโดนแบบนี้อีกเหรอ) พอได้ยินคำนี้เราเลยรู้สึกว่าเราไม่ควรรอ และเราควรทำอะไรสักอย่างเราจึงได้เริ่มดำเนินการใหม่ทั้งหมด โดยถามว่าครั้งนี้เราต้องทำอะไรบ้างเพื่อที่จะได้ส่งเอกสารไป ทางคอลแจ้งว่าแค่ลงบันทึกประจำวันแล้วก็บัตรประชาชนมาก็พอ ไม่เอาอะไรเพิ่ม เราถามย้ำ 3 ครั้งก็ยังได้คำตอบเหมือนเดิม เราเลยไปลงบันทึกประจำวันไว้ เมื่อวันที่ 26 ตุลา 2566 และส่งเอกสารไปทางไปรษณีย์ไทยตามที่อยู่ที่ดีแทคให้มา
เมื่อเอกสารส่งไปถึง เราจึงได้โทรไปสอบถามทางดีแทค ได้ความว่า ต้องรอดำเนิน ต้องรอดำเนินเรื่อง 7-15 วัน เราก็ก็รอจนระยะเวลาผ่านมาจนถึงวันที่ 14 ธันวา 2566 เราได้โทรไปหาดีแทคอีกครั้งนึงทาง DTAC แจ้งว่าเราต้องส่งเอกสารไปเพิ่ม นั่นคือหมายเรียกพยานเอกสาร ซึ่งที่ผ่านมาหนึ่งเดือนไม่ยอมแจ้งอะไรเราเลยถ้าเราไม่โทรไปถามเราก็ต้องรอต่อไปเรื่อยๆ และในขณะนี้เราส่งหมายเรียกพยานเอกสารไปให้ทาง DTAC แล้วเราจึงได้ถามต่อว่าเราส่งหมายเรียกเสร็จแล้วจะจะดำเนินการและในขณะนี้เราส่งหมายเรียกพยานเอกสารไปให้ทาง DTAC แล้วเราจึงได้ถามต่อว่าเราส่งหมายเรียกเสร็จแล้วแล้วจะดำเนินการให้เรายังไงต่อเพราะเราไม่ต้องการใช้ค่ายดีแทคอีกต่อไปแล้ว พนักงานจึงแจ้งกลับมาว่าไม่ทราบเดี๋ยวต้องสอบถามทางฝ่ายกฎหมายอีกที และจนบัดนี้ยังไม่มีใครติดต่อกลับมาแจ้งว่าเราต้องทำและจนบัดนี้ยังไม่มีใครติดต่อกลับมาแจ้งว่าเราต้องทำยังไงต่อเพื่อที่จะจะได้ย้ายค่ายสักที
มีใครโดนแบบแม่เราบ้างไหมคะ ซึ่งในความคิดเราการซื้อเครื่องแบบนี้มันละหลวมมากพนักงานคอลเซ็นเตอร์บอกว่าการซื้อแบบนี้ต้องมีการยืนยันโอทีพีซึ่งแม่เราไม่ได้มีotp เข้ามาเลยและแม่ก็เป็นคนยืนยันด้วยตัวเองว่าแม่ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำนี้ หรือมันอาจจะเป็นพนักงานของบริษัทนั้นเองหรือเปล่าที่มาทำแบบนี้