หลังจากดูซีรี่ย์จันทราอัศดงจบก็มีข้อสงสัยหลายจุดเกิดขึ้น อีกอย่างซีรี่ย์มีเนื้อหาไม่เหมือนกับในนิยายต้นฉบับ ทำให้เขียนถึงที่มาที่ไปของถานไถจิ้น และเรื่องจะจบแบบไหน ถานไถจิ้นไม่ได้ไปเกิดใหม่ทำให้จำเหตุการณ์ในอดีตได้ ในซีรี่ย์การไปเกิดใหม่จะไม่สามารถจำเรื่องในอดีต การจะให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในอดีตจึงใช้ห่วงฝันเป็นตัวบอกเล่า
รุ่งอรุณแห่งจันทรา fanfiction แรงบันดาลใจจากซีรี่ย์ #จันทราอัสดง #长月烬明 #Till The End Of The Moon
หนึ่งหมื่นห้าร้อยปีหลังจากเทพทั้งสิบสองหายตัวไป ณ ดินแดนเซียนจอมมารถานไถจิ้นมาถึงสำนักเหิงหยางเพื่อมาเอาชิ้นส่วนของคันฉ่องส่องอดีตที่หลี่ซูซูเอากลับมาสำนัก
จอมมารถานไถจิ้น “ข้ามาเพื่อชิงคันฉ่องส่องอดีต ยังไม่รีบออกมาต้อนรับข้าอีก”
ฉวี่เสวียนจื่อ “จ้าวโยวรีบเปิดค่ายกลทลายแสง ส่งซูซูกลับไปก่อนที่จอมมารจะกลายเป็นมาร” หนึ่งหมื่นปีก่อนเทพจักรวาลทิ้งค่ายกลทลายแสงเอาไว้ โดยให้เจ้าสำนักเซียวเหยาสืบต่อกันมารุ่นต่อรุ่น ฟ้าดินอยู่ร่วม เมื่อถึงยามโชคชะตากำหนดก็จะเปิดออกได้ จ้าวโยวร่ายคาถาเปิดค่ายกลทลายแสงหลี่ซูซูลอยอยู่ตรงกลางค่ายกลไม่อาจขยับไปไหนได้
จ้าวโยว “เหล่าฉวีถึงจังหวะเหมาะแล้ว เจ้ายังรออะไรอยู่อีก”
หลี่ซูซู “ช้าก่อน ท่านลุงจ้าวโยวจังหวะเหมาะอะไรอีก” ฉวีเสวียนจื่อเดินออกไปหน้าสำนัก “ท่านพ่อ”
ฉวี่เสวียนจือ “ขณะที่เหล่าทวยเทพดับสูญได้ทิ้งคำทำนายเอาไว้ วันที่สำนักเซียนพังทลาย จะมีผู้เข้าสู่ค่ายกลทลายแสง เปลี่ยนแปลงอดีตและอนาคต”
หลี่ซูซู “สำนักเซียนพังทลาย ท่านลุงจ้าวโยว รีบหยุดเถิด ท่านพ่อ”
ฉวีเสวียนจื่อเดินออกไปพบจอมมาร “ซูซูในเมื่อมีโอกาสเปลี่ยนแปลงชะตาที่จอมมารจะจุติ สรรพชีวิตใต้หล้าก็จะมีโอกาสอยู่รอด การเข้าไปในค่ายกลทลายแสงและมีชีวิตต่อไปคือโชคชะตาของเจ้า และรักษาสำนักเซียนคือโชคชะตาของข้ากับลุงจ้าวโยวของเจ้า ลาก่อนหลี่ซูซู อยู่ทางนั้นดูแลตัวเองให้ดีด้วย ศิษย์แห่งสำนักเหิงหยางจงฟังคำสั่ง” “ขอรับ” “ความอยู่รอดของสี่ดินแดนขึ้นอยู่กับศึกนี้ ถึงตายก็ต้องรักษาวิหารหมิงอู๋เอาไว้ สำนักไม่ดับสิ้น ม่านเขตแดนไม่ทลาย กางค่ายกล”
จอมมารถานไถจิ้น “พวกเจ้ามันช่างดื้อด้านเสียจริง” จอมมารถานไถจิ้นใช้พลังจากฝ่ามือเดียวก็ทำลายค่ายกลได้สำเร็จ
หลี่ซูซู “ท่านพ่อ” บิดาของนางกระอักเลือด
จ้าวโยว “ซูซู ไม่ทันการณ์แล้วล่ะ เจ้าจำเป็นต้องรีบกลับไป การกลับไปอดีตเป็นโอกาสเดียวที่จะพลิกโอกาสได้ ข้าจะส่งเจ้ากลับไปยังแคว้นเซิ่งเมื่อห้าร้อยปีก่อน จำไว้แม้ว่ามองเห็นอะไรก็ห้ามหันหลังกลับเด็ดขาด สี่ดินแดนสามภพขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว เข้าใจหรือยัง”
จอมมารถานไถจิ้นยืนฟังอยู่ก็พูดขึ้นว่า “ตาข้าแล้ว” จอมมารถานไถจิ้นลอยออกไปข้างนอกสำนักเหิงหยางและเปิดใช้ศรสังหารเทพ เขาเล็งศรไปยังทุกคน ไม่ถึงอึดใจศรสังหารเทพก็ตรงเข้าหาผู้คนในสำนักเซียน ฉวีเสวียนจื่อโดนศรสังหารเทพเข้ากลางอก “ไม่นะ ท่านพ่อ” จ้าวโยวล้มลง จอมมารถานไถจิ้นเดินมาหาหลี่ซูซู “ถานไถจิ้นข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้” เมื่อสิ้นเสียงของหลี่ซูซู นางก็ไปยังเมื่อห้าร้อยปีก่อน

จอมมารถานไถจิ้นเดินไปยังร่างของจ้าวโยว เขาเป็นคนเดียวที่จอมมารถานไถจิ้นไม่ได้สังหาร จอมมารถานไถจิ้นใช้คาถาหุ่นเชิด “น้ำมลานไร้เงากักขังวิญญาณเจ้า จ้าวโยวตื่นขึ้นมา” จ้าวโยวลุกขึ้นอย่างว่าง่าย แต่จิตของจ้าวโยวยังรับรู้ได้เขาพยายามฝืนตัวเอง “เจ้าส่งนางไปที่ใดจงส่งข้าไปที่นั้น” จอมมารถานไถจิ้นส่งคันฉ่องส่องอดีตให้จ้าวโยว มันเป็นชิ้นส่วนที่ใหญ่ซึ่งชิ้นส่วนที่เล็กกว่าหลี่ซูซูเก็บกลับมาสำนักก่อนหน้าแล้ว จ้าวโยวคิดในใจ “ไม่ได้ จะให้จอมมารตามซูซูไปไม่ได้” จ้าวโยวเริ่มร่ายค่ายกลทลายแสง “ถ้าส่งจอมมารไปให้ไกลจากซูซู สิ่งที่ซูซูทำจอมมารก็แก้ไขอะไรไม่ได้ ดีละหนึ่งหมื่นห้าร้อยปีเป็นไง” จอมมารถานไถจิ้นเข้าค่ายกลทลายแสง จ้าวโยวร่ายคาถาสำเร็จแล้วล้มลงเสียชีวิต ถานไถจิ้นถูกส่งตัวไปยังอดีต
จอมมารถานไถจิ้นเมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตนเองอยู่ในวังมาร เขายืนอยู่ตรงกลางของท้องพระโรงของวังมาร บนบัลลังก์มีจอมมารนั่งอยู่
จอมมารบรรพกาล “เจ้าเป็นใคร”
จอมมารถานไถจิ้น “เจ้าก็คือจอมมาร” จอมมารถานไถจิ้นเรียกตราผนึกล้างไขกระดูกเข้าตรึงร่างจอมมารบรรพกาล จอมมารบรรพกาลมีเพียงกระบี่คู่กายไม่สามารถขยับไปไหนได้ จอมมารตนนี้เพิ่งเป็นจอมมารได้ไม่กี่ปีพลังมารที่ดูดกลืนมาจากมารปีศาจยังไม่มากเท่าจอมมารถานไถจิ้น ไม่นานจอมมารถานไถจิ้นก็ดูกลืนจอมมารบรรพกาลเข้ามาในร่างของตนเองสำเร็จ จอมมารถานไถจิ้นเดินขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ เขานั่งทบทวนเหตุการณ์ “จ้าวโยวไม่ได้ส่งข้ามาห้าร้อยปีก่อนแต่นี้เป็นหนึ่งหมื่นห้าร้อยปีก่อน วังมารเพิ่งสร้างมีแค่จอมมารตนแรกแล้วก็ต้องมี... ”
สงครามเทพมารผ่านมาแล้วหนึ่งหมื่นหนึ่งพันปี ถานไถจิ้นและกระดูกมารถูกทำลายเมื่อห้าร้อยปีที่ผ่านมา หลี่ซูซูกับลูกสาวปรากฏตัว นางพาอามี่มาเที่ยวตลาดแคว้นจิ่ง
อามี่ “ท่านแม่ ๆ รีบมาเจ้าคะ” เด็กน้อยเรียกท่านแม่เพื่อจับมือ อามี่เดินจูงมารดาเที่ยวตลาดอีกมือก็ถือขนม “โลกมนุษย์ยังมีที่ไหนน่าสนุกอีกไหมเจ้าคะ”
หลี่ซูซู “ยังมีอีกที่หนึ่ง สวยมาก” นางพาเด็กน้อยมายังแม่น้ำโม่เห่อ
อามี่ “ท่านแม่ ท่านแม่รีบดูเร็ว ในน้ำนี่มีปลาตัวน้อยเยอะมากเลย”
หลี่ซูซูนั่งมองแม่น้ำโม่คิดถึงคำพูดของถานไถจิ้น “กระแสแม่น้ำโม่แห่งนี้หลั่งไหลไม่ขาดสาย ราวกับเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาแต่ก็ราวกับไม่เคยเปลี่ยนผัน ข้ากำลังคิดว่าเมื่อถึงวันที่ความรักดับสูญ ความเกลียดชังดับสูญและสังขารดับสูญนั้นมาถึง จะพิสูจน์อย่างไรว่าความรักความชังเหล่านี้ มันเคยมีอยู่จริง ๆ เรื่องราวระหว่างเรา วันหน้าจะยังมีคนรับรู้อีกหรือไม่”
อามี่ “ท่านแม่ ๆ นี่คือที่ไหนหรือเจ้าคะ”
หลี่ซูซู “แม่น้ำสายนี้มีชื่อว่าแม่น้ำโม่ ในอดีตสองฝั่งแม่น้ำของมันคือแคว้นเซิ่งและแคว้นจิ่ง และในอดีตก่อนหน้านั้นไปอีก ในแม่น้ำนี้มีหอยมุกน้อยมากมาย และลึกลงไปใต้แม่น้ำก็ยังมีองค์หญิงหอยมุกด้วยนะ”
อามี่ “แล้วต่อจากนั้นละ องค์หญิงหอยมุกเป็นอย่างไรหรือ”
หลี่ซูซู “หลังจากนั้นวันหนึ่ง ตรงข้างแม่น้ำ องค์หญิงหอยมุกก็เห็นท่วงท่าองอาจห้าวหาญอันไรเทียมทานของเทพสงคราม”
อามี่ “ว้าว เทพสงครามหรือ ร้ายกาจเหมือนท่านพ่อของข้าหรือไม่”
หลี่ซูซู “ใช่แล้วละ เหมือนกับบิดาของเจ้า กล้าหาญ เด็ดเดี่ยวและห่วงใยปวงประชา”
หลี่ซูซูพาอามี่เดินชมขบวนแห่เทศกาลพัวหานยามค่ำคืนนางเห็นว่าอามี่เริ่มง่วงแล้วจึงพากลับมายังสำนักเหิงหยาง บ้านพักของนางตั้งอยู่เชิงเขาใกล้กับสระสวรรค์ นางพาอามี่เข้านอน
อามี่ “ท่านแม่ ๆ เล่าให้ลูกฟังอีกครั้งท่านพ่อหน้าตาเป็นเช่นไร”
หลี่ซูซู “เขาเป็นคนสูงสง่าหน้าตาหล่อเหลา”
อามี่ “สง่าและหล่อกว่าท่านลุงกงเหยี่ยจี้อู๋ใช่หรือไม่” “จ้าลูกรัก”
อามี่เติบโตเหมือนเด็กอายุสิบสอง หน้าตาเหมือนหลี่ซูซูย่อส่วน วันนี้หลี่ซูซูจิตใจรู้สึกฟุ้งซ่านคิดถึงอดีตของนางกับถานไถจิ้น นางจึงลงไปบำเพ็ญตบะยังสระสวรรค์ปล่อยให้อามี่นอนอยู่คนเดียว อามี่นอนฝันเห็นแสงสว่างใจกลางแม่น้ำโม่และลึกลงไปที่ก้นแม่น้ำมีหอยมุกอยู่ คืนนั้นมีคนสองคนแอบเข้ามาในห้องของอามี่แล้วแบกอามี่ขี้เซาขึ้นหลังไป อามี่ตื่นมาพบว่าตนเองนอนพิงอยู่กับต้นไม้ใหญ่ริมแม่น้ำโม่แล้ว ห่างไปไม่ไกลนักมีคนที่นางรู้จักสองคน
จิ่งเมี่ย “เจ้าไม่บอกแม่ของนาง เดียวนางตามมาเราจะโดนลงโทษได้”
ซื่ออิง “นางเป็นลูกของจอมมาร ตอนนี้เราเตรียมการมาถึงขนาดนี้แล้ว อามี่จะต้องเปิดประตูวังมารได้เป็นแน่ ข้าจะให้นางเป็นผู้นำของเรากอบกู้วังมาร”
จิ่งเมี่ย “ถ้าเราสองคนไม่ได้พลังเทพของหลี่ซูซูช่วยไว้ มีหรือเราจะมายืนอยู่ตรงนี้ นางให้เราดูแลกำกับเหล่ามารและปีศาจไม่ให้ก่อความชั่วทำร้ายมนุษย์ ข้ากลัวนางจะมาเอาเรื่อง”
ย้อนไปเมื่อ 500 ปีก่อนหลี่ซูซูพบกับโม่หนี่นางมาดูแลกงเหยี่ยจี้อู๋ที่บาดเจ็บและเอ่ยถึงพี่สาวซื่ออิงและจิ่งเมี่ย ทั้งสองโดนตี้เหมี่ยนดูดตบะในเหวร้างน่าจะเสียชีวิตแล้ว หลี่ซูซูพอได้ยินดังนั้นจึงไปตามหาในเหวร้างแต่ก็ไม่พบ นางมาสำรวจวังมารแต่ไม่สามารถเข้าไปในวังมารได้ด้วยจอมมารเท่านั้นที่จะเปิดประตูของวังมารได้ นางพบซื่ออิงกับจิ่งเมี่ยอยู่ในถ้ำที่ทำเป็นห้องเหมือนห้องรักษาพยาบาล ทั้งสองชีพจรอ่อนสูญสิ้นตบะ นางใช้พลังเทพของนางรักษาให้ทั้งสอง หลี่ซูซูคิดว่าถ้ารักษาชีวิตของทั้งสองไว้ได้เท่ากับยังมีผู้ที่ดูแลมารและปีศาจต่อไปได้ แท้จริงแล้วผู้ที่ช่วยทั้งสองมาคือถานไถจิ้น เข้าช่วยมารทั้งสองก่อนที่จะไปสู้กับตี้เหมี่ยน
อามี่ตื่นมานอกจากเห็นป้าซื่ออิงกับลุงจิ่งเมี่ย นางยังเห็นแสงสว่างกลางแม่น้ำนางจึงเดินตามแสงไป เมื่อถึงริมแม่น้ำโม่ น้ำในแม่น้ำแยกออกเป็นทางให้นางเดินลงไป เหมือนกับมีผู้เปิดข่ายอาคมเปิดทางให้นาง ปลายทางเป็นก้นแม่น้ำโม่ มีรูปปั้นหญิงสาวขนาดใหญ่ยืนหันหลังให้ทางเดิน ที่พื้นด้านหน้ารูปปั้นมีหอยมุกเก่า ๆ อามี่ร้องเรียก “ท่านป้าซื่ออิง ๆ” อามี่เรียกให้ป้าเดินตามนางลงไปก้นแม่น้ำ
ซื่ออิง “บอกว่าไม่ให้เรียกป้า เรียกใหม่ซิ พี่ซื่ออิง” ซื่ออิงกับจิ่งเมี่ยเดินตามอามี่ลงไปที่ก้นแม่น้ำโม่
อามี่ “ท่านแม่บอกข้าว่าท่านอายุมากกว่าท่านแม่หนึ่งหมื่นปี ต้องเรียกป้าเจ้าคะ”
จิ่งเมี่ย “ไม่รู้มาก่อนว่าจะมีสถานที่แบบนี้”
ทางลงไปเป็นด้านหลังของรูปปั้นเมื่อเดินมาถึงด้านหน้าของรูปปั้นก็พบแสงสว่างที่อามี่มองเห็น
ซื่ออิง “อามี่อย่าจับ” นางกลัวจะมีอาคมเป็นอันตรายต่ออามี่ พูดไม่ทันขาดคำอามี่วิ่งตรงดิ่งไปยังหอยมุกที่นางเห็นในฝัน นางอยากรู้ว่าอะไรอยู่ข้างใน แต่ด้วยหอยมุกมีขนาดใหญ่เกือบเท่าตัวของอามี่ นางจึงจับหอยมุกมากอดไม่อยากให้ป้ากับลุงแย่งไป ทันใดนั้นเปลือกหอยมุกก็สลายปรากฏมังกรตัวน้อยอยู่ในอ้อมกอดของอามี่ อามี่เห็นมังกรตัวน้อยก็ดีใจ แต่ดีใจได้ไม่นานมังกรน้อยลืมตา ตาของมันสีแดงร่างของมันขยายใหญ่พุ่งขึ้นฟ้าจากที่อามี่กอดมังกรกลายเป็นอามี่ต้องเกาะอยู่บนหัวมังกรแทน มันพุ่งขึ้นฟ้าหายไปกับก้อนเมฆ ซื่ออิงกับจิ่งเมี่ยยืนตะลึงงันกับสิ่งที่เห็นไม่รู้จะช่วยหลานได้อย่างไร
รุ่งอรุณแห่งจันทรา fanfiction #จันทราอัสดง #长月烬明官微 #Till The End Of The Moon
รุ่งอรุณแห่งจันทรา fanfiction แรงบันดาลใจจากซีรี่ย์ #จันทราอัสดง #长月烬明 #Till The End Of The Moon
หนึ่งหมื่นห้าร้อยปีหลังจากเทพทั้งสิบสองหายตัวไป ณ ดินแดนเซียนจอมมารถานไถจิ้นมาถึงสำนักเหิงหยางเพื่อมาเอาชิ้นส่วนของคันฉ่องส่องอดีตที่หลี่ซูซูเอากลับมาสำนัก
จอมมารถานไถจิ้น “ข้ามาเพื่อชิงคันฉ่องส่องอดีต ยังไม่รีบออกมาต้อนรับข้าอีก”
ฉวี่เสวียนจื่อ “จ้าวโยวรีบเปิดค่ายกลทลายแสง ส่งซูซูกลับไปก่อนที่จอมมารจะกลายเป็นมาร” หนึ่งหมื่นปีก่อนเทพจักรวาลทิ้งค่ายกลทลายแสงเอาไว้ โดยให้เจ้าสำนักเซียวเหยาสืบต่อกันมารุ่นต่อรุ่น ฟ้าดินอยู่ร่วม เมื่อถึงยามโชคชะตากำหนดก็จะเปิดออกได้ จ้าวโยวร่ายคาถาเปิดค่ายกลทลายแสงหลี่ซูซูลอยอยู่ตรงกลางค่ายกลไม่อาจขยับไปไหนได้
จ้าวโยว “เหล่าฉวีถึงจังหวะเหมาะแล้ว เจ้ายังรออะไรอยู่อีก”
หลี่ซูซู “ช้าก่อน ท่านลุงจ้าวโยวจังหวะเหมาะอะไรอีก” ฉวีเสวียนจื่อเดินออกไปหน้าสำนัก “ท่านพ่อ”
ฉวี่เสวียนจือ “ขณะที่เหล่าทวยเทพดับสูญได้ทิ้งคำทำนายเอาไว้ วันที่สำนักเซียนพังทลาย จะมีผู้เข้าสู่ค่ายกลทลายแสง เปลี่ยนแปลงอดีตและอนาคต”
หลี่ซูซู “สำนักเซียนพังทลาย ท่านลุงจ้าวโยว รีบหยุดเถิด ท่านพ่อ”
ฉวีเสวียนจื่อเดินออกไปพบจอมมาร “ซูซูในเมื่อมีโอกาสเปลี่ยนแปลงชะตาที่จอมมารจะจุติ สรรพชีวิตใต้หล้าก็จะมีโอกาสอยู่รอด การเข้าไปในค่ายกลทลายแสงและมีชีวิตต่อไปคือโชคชะตาของเจ้า และรักษาสำนักเซียนคือโชคชะตาของข้ากับลุงจ้าวโยวของเจ้า ลาก่อนหลี่ซูซู อยู่ทางนั้นดูแลตัวเองให้ดีด้วย ศิษย์แห่งสำนักเหิงหยางจงฟังคำสั่ง” “ขอรับ” “ความอยู่รอดของสี่ดินแดนขึ้นอยู่กับศึกนี้ ถึงตายก็ต้องรักษาวิหารหมิงอู๋เอาไว้ สำนักไม่ดับสิ้น ม่านเขตแดนไม่ทลาย กางค่ายกล”
จอมมารถานไถจิ้น “พวกเจ้ามันช่างดื้อด้านเสียจริง” จอมมารถานไถจิ้นใช้พลังจากฝ่ามือเดียวก็ทำลายค่ายกลได้สำเร็จ
หลี่ซูซู “ท่านพ่อ” บิดาของนางกระอักเลือด
จ้าวโยว “ซูซู ไม่ทันการณ์แล้วล่ะ เจ้าจำเป็นต้องรีบกลับไป การกลับไปอดีตเป็นโอกาสเดียวที่จะพลิกโอกาสได้ ข้าจะส่งเจ้ากลับไปยังแคว้นเซิ่งเมื่อห้าร้อยปีก่อน จำไว้แม้ว่ามองเห็นอะไรก็ห้ามหันหลังกลับเด็ดขาด สี่ดินแดนสามภพขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว เข้าใจหรือยัง”
จอมมารถานไถจิ้นยืนฟังอยู่ก็พูดขึ้นว่า “ตาข้าแล้ว” จอมมารถานไถจิ้นลอยออกไปข้างนอกสำนักเหิงหยางและเปิดใช้ศรสังหารเทพ เขาเล็งศรไปยังทุกคน ไม่ถึงอึดใจศรสังหารเทพก็ตรงเข้าหาผู้คนในสำนักเซียน ฉวีเสวียนจื่อโดนศรสังหารเทพเข้ากลางอก “ไม่นะ ท่านพ่อ” จ้าวโยวล้มลง จอมมารถานไถจิ้นเดินมาหาหลี่ซูซู “ถานไถจิ้นข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้” เมื่อสิ้นเสียงของหลี่ซูซู นางก็ไปยังเมื่อห้าร้อยปีก่อน
จอมมารถานไถจิ้นเดินไปยังร่างของจ้าวโยว เขาเป็นคนเดียวที่จอมมารถานไถจิ้นไม่ได้สังหาร จอมมารถานไถจิ้นใช้คาถาหุ่นเชิด “น้ำมลานไร้เงากักขังวิญญาณเจ้า จ้าวโยวตื่นขึ้นมา” จ้าวโยวลุกขึ้นอย่างว่าง่าย แต่จิตของจ้าวโยวยังรับรู้ได้เขาพยายามฝืนตัวเอง “เจ้าส่งนางไปที่ใดจงส่งข้าไปที่นั้น” จอมมารถานไถจิ้นส่งคันฉ่องส่องอดีตให้จ้าวโยว มันเป็นชิ้นส่วนที่ใหญ่ซึ่งชิ้นส่วนที่เล็กกว่าหลี่ซูซูเก็บกลับมาสำนักก่อนหน้าแล้ว จ้าวโยวคิดในใจ “ไม่ได้ จะให้จอมมารตามซูซูไปไม่ได้” จ้าวโยวเริ่มร่ายค่ายกลทลายแสง “ถ้าส่งจอมมารไปให้ไกลจากซูซู สิ่งที่ซูซูทำจอมมารก็แก้ไขอะไรไม่ได้ ดีละหนึ่งหมื่นห้าร้อยปีเป็นไง” จอมมารถานไถจิ้นเข้าค่ายกลทลายแสง จ้าวโยวร่ายคาถาสำเร็จแล้วล้มลงเสียชีวิต ถานไถจิ้นถูกส่งตัวไปยังอดีต
จอมมารถานไถจิ้นเมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตนเองอยู่ในวังมาร เขายืนอยู่ตรงกลางของท้องพระโรงของวังมาร บนบัลลังก์มีจอมมารนั่งอยู่
จอมมารบรรพกาล “เจ้าเป็นใคร”
จอมมารถานไถจิ้น “เจ้าก็คือจอมมาร” จอมมารถานไถจิ้นเรียกตราผนึกล้างไขกระดูกเข้าตรึงร่างจอมมารบรรพกาล จอมมารบรรพกาลมีเพียงกระบี่คู่กายไม่สามารถขยับไปไหนได้ จอมมารตนนี้เพิ่งเป็นจอมมารได้ไม่กี่ปีพลังมารที่ดูดกลืนมาจากมารปีศาจยังไม่มากเท่าจอมมารถานไถจิ้น ไม่นานจอมมารถานไถจิ้นก็ดูกลืนจอมมารบรรพกาลเข้ามาในร่างของตนเองสำเร็จ จอมมารถานไถจิ้นเดินขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ เขานั่งทบทวนเหตุการณ์ “จ้าวโยวไม่ได้ส่งข้ามาห้าร้อยปีก่อนแต่นี้เป็นหนึ่งหมื่นห้าร้อยปีก่อน วังมารเพิ่งสร้างมีแค่จอมมารตนแรกแล้วก็ต้องมี... ”
สงครามเทพมารผ่านมาแล้วหนึ่งหมื่นหนึ่งพันปี ถานไถจิ้นและกระดูกมารถูกทำลายเมื่อห้าร้อยปีที่ผ่านมา หลี่ซูซูกับลูกสาวปรากฏตัว นางพาอามี่มาเที่ยวตลาดแคว้นจิ่ง
อามี่ “ท่านแม่ ๆ รีบมาเจ้าคะ” เด็กน้อยเรียกท่านแม่เพื่อจับมือ อามี่เดินจูงมารดาเที่ยวตลาดอีกมือก็ถือขนม “โลกมนุษย์ยังมีที่ไหนน่าสนุกอีกไหมเจ้าคะ”
หลี่ซูซู “ยังมีอีกที่หนึ่ง สวยมาก” นางพาเด็กน้อยมายังแม่น้ำโม่เห่อ
อามี่ “ท่านแม่ ท่านแม่รีบดูเร็ว ในน้ำนี่มีปลาตัวน้อยเยอะมากเลย”
หลี่ซูซูนั่งมองแม่น้ำโม่คิดถึงคำพูดของถานไถจิ้น “กระแสแม่น้ำโม่แห่งนี้หลั่งไหลไม่ขาดสาย ราวกับเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาแต่ก็ราวกับไม่เคยเปลี่ยนผัน ข้ากำลังคิดว่าเมื่อถึงวันที่ความรักดับสูญ ความเกลียดชังดับสูญและสังขารดับสูญนั้นมาถึง จะพิสูจน์อย่างไรว่าความรักความชังเหล่านี้ มันเคยมีอยู่จริง ๆ เรื่องราวระหว่างเรา วันหน้าจะยังมีคนรับรู้อีกหรือไม่”
อามี่ “ท่านแม่ ๆ นี่คือที่ไหนหรือเจ้าคะ”
หลี่ซูซู “แม่น้ำสายนี้มีชื่อว่าแม่น้ำโม่ ในอดีตสองฝั่งแม่น้ำของมันคือแคว้นเซิ่งและแคว้นจิ่ง และในอดีตก่อนหน้านั้นไปอีก ในแม่น้ำนี้มีหอยมุกน้อยมากมาย และลึกลงไปใต้แม่น้ำก็ยังมีองค์หญิงหอยมุกด้วยนะ”
อามี่ “แล้วต่อจากนั้นละ องค์หญิงหอยมุกเป็นอย่างไรหรือ”
หลี่ซูซู “หลังจากนั้นวันหนึ่ง ตรงข้างแม่น้ำ องค์หญิงหอยมุกก็เห็นท่วงท่าองอาจห้าวหาญอันไรเทียมทานของเทพสงคราม”
อามี่ “ว้าว เทพสงครามหรือ ร้ายกาจเหมือนท่านพ่อของข้าหรือไม่”
หลี่ซูซู “ใช่แล้วละ เหมือนกับบิดาของเจ้า กล้าหาญ เด็ดเดี่ยวและห่วงใยปวงประชา”
หลี่ซูซูพาอามี่เดินชมขบวนแห่เทศกาลพัวหานยามค่ำคืนนางเห็นว่าอามี่เริ่มง่วงแล้วจึงพากลับมายังสำนักเหิงหยาง บ้านพักของนางตั้งอยู่เชิงเขาใกล้กับสระสวรรค์ นางพาอามี่เข้านอน
อามี่ “ท่านแม่ ๆ เล่าให้ลูกฟังอีกครั้งท่านพ่อหน้าตาเป็นเช่นไร”
หลี่ซูซู “เขาเป็นคนสูงสง่าหน้าตาหล่อเหลา”
อามี่ “สง่าและหล่อกว่าท่านลุงกงเหยี่ยจี้อู๋ใช่หรือไม่” “จ้าลูกรัก”
อามี่เติบโตเหมือนเด็กอายุสิบสอง หน้าตาเหมือนหลี่ซูซูย่อส่วน วันนี้หลี่ซูซูจิตใจรู้สึกฟุ้งซ่านคิดถึงอดีตของนางกับถานไถจิ้น นางจึงลงไปบำเพ็ญตบะยังสระสวรรค์ปล่อยให้อามี่นอนอยู่คนเดียว อามี่นอนฝันเห็นแสงสว่างใจกลางแม่น้ำโม่และลึกลงไปที่ก้นแม่น้ำมีหอยมุกอยู่ คืนนั้นมีคนสองคนแอบเข้ามาในห้องของอามี่แล้วแบกอามี่ขี้เซาขึ้นหลังไป อามี่ตื่นมาพบว่าตนเองนอนพิงอยู่กับต้นไม้ใหญ่ริมแม่น้ำโม่แล้ว ห่างไปไม่ไกลนักมีคนที่นางรู้จักสองคน
จิ่งเมี่ย “เจ้าไม่บอกแม่ของนาง เดียวนางตามมาเราจะโดนลงโทษได้”
ซื่ออิง “นางเป็นลูกของจอมมาร ตอนนี้เราเตรียมการมาถึงขนาดนี้แล้ว อามี่จะต้องเปิดประตูวังมารได้เป็นแน่ ข้าจะให้นางเป็นผู้นำของเรากอบกู้วังมาร”
จิ่งเมี่ย “ถ้าเราสองคนไม่ได้พลังเทพของหลี่ซูซูช่วยไว้ มีหรือเราจะมายืนอยู่ตรงนี้ นางให้เราดูแลกำกับเหล่ามารและปีศาจไม่ให้ก่อความชั่วทำร้ายมนุษย์ ข้ากลัวนางจะมาเอาเรื่อง”
ย้อนไปเมื่อ 500 ปีก่อนหลี่ซูซูพบกับโม่หนี่นางมาดูแลกงเหยี่ยจี้อู๋ที่บาดเจ็บและเอ่ยถึงพี่สาวซื่ออิงและจิ่งเมี่ย ทั้งสองโดนตี้เหมี่ยนดูดตบะในเหวร้างน่าจะเสียชีวิตแล้ว หลี่ซูซูพอได้ยินดังนั้นจึงไปตามหาในเหวร้างแต่ก็ไม่พบ นางมาสำรวจวังมารแต่ไม่สามารถเข้าไปในวังมารได้ด้วยจอมมารเท่านั้นที่จะเปิดประตูของวังมารได้ นางพบซื่ออิงกับจิ่งเมี่ยอยู่ในถ้ำที่ทำเป็นห้องเหมือนห้องรักษาพยาบาล ทั้งสองชีพจรอ่อนสูญสิ้นตบะ นางใช้พลังเทพของนางรักษาให้ทั้งสอง หลี่ซูซูคิดว่าถ้ารักษาชีวิตของทั้งสองไว้ได้เท่ากับยังมีผู้ที่ดูแลมารและปีศาจต่อไปได้ แท้จริงแล้วผู้ที่ช่วยทั้งสองมาคือถานไถจิ้น เข้าช่วยมารทั้งสองก่อนที่จะไปสู้กับตี้เหมี่ยน
ซื่ออิง “บอกว่าไม่ให้เรียกป้า เรียกใหม่ซิ พี่ซื่ออิง” ซื่ออิงกับจิ่งเมี่ยเดินตามอามี่ลงไปที่ก้นแม่น้ำโม่
อามี่ “ท่านแม่บอกข้าว่าท่านอายุมากกว่าท่านแม่หนึ่งหมื่นปี ต้องเรียกป้าเจ้าคะ”
จิ่งเมี่ย “ไม่รู้มาก่อนว่าจะมีสถานที่แบบนี้”
ทางลงไปเป็นด้านหลังของรูปปั้นเมื่อเดินมาถึงด้านหน้าของรูปปั้นก็พบแสงสว่างที่อามี่มองเห็น
ซื่ออิง “อามี่อย่าจับ” นางกลัวจะมีอาคมเป็นอันตรายต่ออามี่ พูดไม่ทันขาดคำอามี่วิ่งตรงดิ่งไปยังหอยมุกที่นางเห็นในฝัน นางอยากรู้ว่าอะไรอยู่ข้างใน แต่ด้วยหอยมุกมีขนาดใหญ่เกือบเท่าตัวของอามี่ นางจึงจับหอยมุกมากอดไม่อยากให้ป้ากับลุงแย่งไป ทันใดนั้นเปลือกหอยมุกก็สลายปรากฏมังกรตัวน้อยอยู่ในอ้อมกอดของอามี่ อามี่เห็นมังกรตัวน้อยก็ดีใจ แต่ดีใจได้ไม่นานมังกรน้อยลืมตา ตาของมันสีแดงร่างของมันขยายใหญ่พุ่งขึ้นฟ้าจากที่อามี่กอดมังกรกลายเป็นอามี่ต้องเกาะอยู่บนหัวมังกรแทน มันพุ่งขึ้นฟ้าหายไปกับก้อนเมฆ ซื่ออิงกับจิ่งเมี่ยยืนตะลึงงันกับสิ่งที่เห็นไม่รู้จะช่วยหลานได้อย่างไร