เรื่องนี้เกิดขึ้นผ่านมาหลายปีแล้ว เหตุการณ์ครั้งนั้นมันส่งผลต่อชีวิตเราหลายด้านมากๆ ชีวิตช่วงนั้นเราดิ่งมากๆ เพราะมันพ่วงปัญหาหลายเหตุการณ์เข้ามารุมเร้าชีวิตเราในตอนนั้น
และทำให้เห็นธาตุแท้ของจิตใจคนเรา ว่ามันสามารถทำร้ายกันได้ถึงขนาดนี้เลยหรอ บางคนไม่รู้จักกันไม่เคยเจอกันด้วยซ้ำ แต่เรายังรู้สึกคาใจ เพราะเรายังลบล้างคำว่าขโมยให้ตัวเองไม่ได้ ตอนนั้นเราอายุ20ต้นๆ
ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งนึงเปิดรับสมัครพนง.ขอบอกแบบกระชับรวดรัดเลยแล้วกันค่ะ
ว่าเจ้าของร้าน คือน้องสาว ของเพื่อนแฟน(แฟนเก่าเรา)พ่อของเค้าเปิดร้านให้ เป็นร้านเล็กๆในห้าง รับสมัครพนง.2คน เงินเดือน 8000 (หยุดอาทิตย์ละวัน สลับกันหยุด) 10โมง-3ทุ่ม ร้านอยู่ในห้างชื่อดัง กทม.งานที่ทำช่วงร้านเปิดใหม่ ไม่มีคนเข้ามาเลย มาไม่ถึง5คน ใน2 เดือนงานที่ทำคือต้อนรับลูกค้าที่มาสอบถามบริการลูกค้า(ด้านความงามแต่เราขอไม่บอกนะคะ ว่าแนวไหน)ช่วยกันทำ2คนและ งานอีกอย่างนึง คือ ที่เพิ่มมา คือ การทำความสะอาดร้าน ทุกสิ่งทุกอย่างเลยค่ะ เสมือนแม่บ้านดีๆนี่เอง ตอนเค้าเปิดร้าน เค้าทำเป็นปรึกษาเรา ว่า รับแม่บ้านดีไหม ไอ้เราก็สาระแน ไปมีน้ำใจ เอ็นดูเค้าว่า เดี๋ยว พวกเราช่วยก็ได้ค่ะ ไม่ต้องจ้าง จากนั้นก็เข้าทางเข้าเลย 😅
(ตัวอย่างที่ทำให้เราหงุดหงิดเช่น ใช้เรา ยันพับผ้าห่มที่ ที่เค้าเพิ่งลุกออกไป (พี่ชายหรือเค้านี่แหละ จิกหัวใช้เราว่าทำไมไม่พับผ้าห่ม
ผ้าห่มคลุมตัวเค้าที่เค้าเอามาห่มเอง เราจะไปรู้มั้ยจะกลับมาหุ่มอีกรึป่าว เห็นลุกไปเข้าห้องน้ำ
แต่เจ้าของร้านเป็นคนสวยมากๆ น่ารัก เรารู้สึกชื่นชมและชื่นชอบเค้าค่ะ และบางมุมเค้าก็โอเค)
และมีวันนึงตอนที่เค้ากินขนม อะไรสักอย่างที่เค้าซื้อมากินเอง เป็นแป้ง แล้วไม่อร่อย
เค้า ร้องอี๋ แหวะ ไม่อร่อยเลย
แล้วปาขนมนั้น ลงตรงหน้าเรา แบบให้เราเป็นคนเก็บเอาไปทิ้ง
เราก็เอาทิชชู่ กับโกยทิ้งลงถังขยะ แต่เรื่องพวกนี้ เราไม่ค่อยถือสาเท่าไรนัก แต่มันจะมีมาเป็นช่วงๆ ยังมีคำพูดแรงๆ อีกเยอะ เช่น จานวางไว้ทำไมไม่เอาไปเก็บ วางไว้เส้นไหว้ใคร ทำให้เราตะหนักถึงชีวิต ว่าเราต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้ให้ได้ ไม่อยากอยู่รองรับอารมณ์ของใคร เพราะเค้าเป็นเจ้านายเค้าถูกทุกอย่างอยู่แล้วที่ร้านเป็นร้านเปิดใหม่เจ้าของร้านเธอ เหมือนเปิดกิจการครั้งแรก แบบลองผิดลองถูก (อายุไม่ต่ำกว่า20ไม่เกิน25)
เจ้าของร้านเธอเป็นสไตล์ลูกคุณหนูเลย กำลังเรียนอยู่ม.ดัง กทม.
ขอเข้าเรื่องวันเกิดปัญหาเลยนะคะแต่เราคงจะ ไม่เล่าเรื่องนี้ไม่ได้ แต่เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้านายของเรา แต่ก็มีส่วนเกี่ยวที่ทำให้เราไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วอยู่ไม่ไหวก็คือร้าน ข้างๆไม่รู้จักกัน ไม่สนิท กัน เป็นมนุษย์ป้า ชอบบูลี่กลั่นแกล้ง พูดจาเสียดสี ด่าทอ เหมือนคนเป็นประสาท ทั้งๆที่เราอยู่ของเรา กันดีๆ เพื่อนเราก็โดน ที่ทำงานด้วยกัน(เพื่อนรู้จักกันที่ทำงาน) ด่าเราเช่นว่า แม้ สบายกันจังเลยเนาะ นั่งอยู่เฉยๆ
เท้าเอว มองแรง จิกกัดด่าบางวัน นาง เอาขยะ ,เอาหนอน แอบมาเทใส่ร้านเรา
และ ทำเป็นมายืนมอง ว่าอี๋ร้าน สรกปรกปวดประสาทมาก นั่งก้มเก็บขยะกัน
ไม่ได้ตอบโต้ป้า เพราะยังไม่มีหลักฐานชัดๆ
แต่เราคิดว่าเค้า นั่นแหละทำ แต่เรื่องนี้เราไม่ได้บอกเจ้านาย เพราะคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว
ต่อมาจะเข้าเรื่องของวันที่เกิดเหตุแล้วนะคะ
เราเห็นเจ้านาย นั่งคุย นั่งพูดกับแฟน ว่าเนี่ย ไอแพต ที่(คนรู้จักของเค้าให้มาแล้วจำไม่ได้) เค้าบอกไม่ได้ใช้เลยเหมือนหาวิธีขาย นัดคนที่นัดรับมาเอา
แต่ว่าเราไม่ได้จำและสนใจ ว่า อะไรยังไง เรื่องของเค้า
แต่ เหมือนว่า ขายไม่ได้ จริงๆ เราไม่ได้ ตั้งใจจะสนใจเรื่องของเค้าแต่ เค้านั่งใกล้เราและร้านมันเล็กได้ยินอยู่แล้ว
และ เราเห็นเจ้านาย ชอบ จับๆ วางๆ ไอแพต แบบทิ้ง ๆขว้างๆ แล้วเดินไปไหนมาไหน
เราก็เฝ้าดูไว้ ให้อยู่ เป็นเรื่องปกติ ลืมบอกอีกอย่าง ว่า เก๊ะเงินด้านล่าง
เจ้านาย เป็นคนดูแลกุญแจ แค่คนเดียวจะไม่ให้พวกเราจับกุญแจ
ถ้าได้เงินมาจากการที่ลูกค้ามาบริการ เก็บเงินสดส่งให้ แล้วเจ้าของร้านจะเอาเงินเข้าลิ้นชักเอง
มันอาจจะขัดๆ เกินๆแต่เข้าใจเจ้าของร้านคง กลัวเงินหาย เพราะเราก็เป็นพนง.ใหม่
มาต่อที่เรื่องไอแบต เจ้าต้นเรื่องค่ะ เจ้าของร้านวางทิ้งขว้างและไม่เอากลับบ้านด้วย
เรา
ด้วยความหวังดีเลยเอาไอแพต ของเจ้าของร้าน ไปไว้ลิ้นชักด้านบน ที่เป็นห้อง มีประตูปิดแต่ไม่มีกุญแจ
(เจ้าของร้านเช่าไว้2ห้อง ห้องด้านล่าง ที่มีเก๊ะมีกุญแจล็อกแต่ อย่างที่บอกกุญแจอยู่กับเจ้าของร้าน)
จากนั้น เราก็วุ่นวายกับการ ทำความสะอาดร้าน นั่นนี่ ไม่ได้สนใจไอแพตแล้ว
แล้วเราก็กะว่าค่อยจะบอกเจ้าของร้านทีหลังเพราะว่ามันก็อยู่ตรงนี้แหละไม่ไปไหนแต่ถ้าเจ้าของร้านมาเปิดเจอก็เห็นเองหรือว่าถ้าเจอตัวจริงก็ค่อยบอก
เรา ทำแบบนี้คือผิด มากไม่น่าไป จับไปยุ่งของเค้าเลย
2วันต่อมา เราเพิ่งบอกเจ้าของร้าน ว่าเราเอาไอแพต มาเก็บไว้ให้เองนะ อยู่ในลิ้นชักชั้น2
และขึ้นไปเปิดจะเอาให้เค้าแต่ว่าไม่มีแล้ว สิ่งแรกที่เราได้ฟังแล้วเสียใจ
เค้าบอกว่าของมันหายไป เราไม่ทำท่าตกใจอะไรเลย
เรา ที่ไม่ตกใจเพราะตอนแรกมั่นใจ ว่าอยู่ตรงนี้
และเราไม่ได้เป็นคนเอาไปแน่นอน
ถ้าเราเป็นคนเอา ไป เราจะโง่ บอกเค้าเพื่ออะไร ว่าเราเป็นคนเอาไปเก็บ
ตอนที่เราเอาไปเก็บ
จากนั้นเค้ายืนยัน โทษเรา2คนให้ได้ ว่าเป็นคนขโมยไป
และเรารู้สึกว่า จะต้องให้เราทำยังไง คุณวางทิ้งเหมือนของไม่สำคัญไม่ถามหา ไม่อะไรเลย
เราอุส่าห์มีน้ำใจไปเก็บไว้ให้ และไม่คิดเลยว่าจะหายไป
และเพื่อนเราที่ร่วมงานกันชั้น2 ไม่มีกุญแจล็อกประตูและ บรรไดนี้ เป็นส่วนรวม คนเข้านอกออกในได้ ที่เป็นเจ้าของร้าน หรือคนทั่วไปก็ขึ้นได้เราไม่แน่ใจเท่าไรจากนั้น เค้าให้เรารับผิดชอบกันคนละครึ่ง กับของที่หายไป
เราบอกให้เค้าไปแจ้งความ ดำเนินคดีก็ได้ให้ตำรวจมาตรวจสอบ ว่ากันตามกฎหมาย
เพราะเราไม่ได้เอาไปจริงๆ และเราก็ไม่มีเงินที่จะจ่ายเขา
แต่เหมือนเขา ก็มีข้อเสนอ อีกแบบนึง แต่ยังไม่ชัดเจนประมาณว่า ให้เราทำงานชดใช้ ไอแพต
หักเงินเดือนไปเรารู้สึกไม่โอเคจึงลาออกแต่เราไม่ได้เงินเดือน แถมยังเรียกเก็บเงิน เราและเพื่อน กันคนละ 5000 บาท
และยังพูดพาพี่ชายมา พูดใส่เราว่า การที่เราลาออก มันก็ชัดเจนแล้วว่า เรา เป็นคนเอาไปแน่นอน
ถ้าไม่ได้ทำผิดจริง แล้วจะหนีทำไมเรายิ่ง อยากลาออกให้เร็วที่สุด
และเราก็ออกมาจริงค่ะเพื่อนเราก็ออกมาแต่เรา จำได้ประมาณว่าเพื่อนเรา เค้าไม่มีเงินจ่าย
เพราะเค้าลำบากจริงๆ เลย อยู่ทำงานต่อ จนครบสิ้นเดือน และให้เจ้านายหักเงินแทน
ส่วนเงินที่จ่ายเค้าเราไม่ได้เป็นคนเอาไปจริงๆ เรายังยืนยันที่จะให้เค้าไปแจ้งความ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ผิดก็ว่าไปตามผิด
เพราะเราไม่มีเงินเลยเงินเดือนตกวันละ266บาท ค่ารถไปกับ ก็ เป็น100แล้ว
แต่ที่เราไม่อยากอยู่ต่อ เพื่อรับเงินเดือนแล้ว เอามาหักค่าของแบบเพื่อน เพราะเราเสียความรู้สึก
เค้าโทษแต่คนอื่นไม่คิดว่าตัวเอง ผิดเลยสักนิดเดียว ที่วางของ เรี่ยราด ถ้ามันสำคัญจริงๆ
ทำไมเค้าไม่เก็บให้มันดีๆทำเป็นไม่ไว้ใจเราแม้แต่เก๊ะ ที่เปิดเก็บเงิน ยังมีเงินน้อย กว่า ค่าไอแพต ที่ มาเอาเราไป1หมื่นอีก
สรุป เราใจแข็งมาตั้งนานที่จะไม่รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ
แต่ แฟนเก่าเรา เค้า แคร์ความรู้สึกเพื่อนมาก กลัวเสียเพื่อน (พี่ชายของเธอ)
เลยโพสขายกล้อง ของตัวเอง ได้เงิน มา5000 แล้ว แอบเอาไปจ่าย เพื่อจบเรื่องโดยที่ไม่ถามเราสักคำ
และเราก็ทะเลาะกันใหญ่โต กับแฟนกล้องนั่น เป็นของสำคัญกับแฟนมาก
คือ เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในตอนนี้เพราะเราอยู่กับลำบากจะตายอยู่แล้ว
และเรื่องนี้ก็ผ่านพ้นไปทิ้งท้ายด้วยสิ่งที่ทุกคน พี่ชายของแฟน เจ้านายเรา
และเพื่อนๆ ของพี่ชายแฟนตราหน้าเราว่าเป็นคนไม่ดี เป็นคนขี้โขมย
ในวันต่อๆมายกพวกมารุ่ม ยืนว่าเรา มีผช.2คน คือเพื่อนสนิทของแฟนเราพี่ชายไม่เท่าไรแต่เพื่อนสนิทของ พี่ชายแฟน เกี่ยวอะไรด้วย
แถมยังมี ผญ. ที่เป็นแฟน ของเพื่อนสนิท พี่ชายเจ้านายเรา โพส ด่า จิก แขวะ เราเป็นไบโพล่า(แต่ผู้หญิงคนนี้จุดจบคือกินยาฆตต.เพิ่งรู้ข่าวไม่กี่ปีต่อมาเพราะประสาทหลอน) เรารู้สึกแย่กับเหตุการณ์ช่วงนั้นมากๆ เราดิ่งอยู่หลายปี และยังไม่เคยลืม
ถ้าแจ้งเค้าให้เร็วกว่านั้น มันจะมีอะไรดีขึ้นมาเพราะมันต้องอยู่ข้ามคืนอยู่ดี ถ้ามันจะมีคนนอกมาเอาก็เอาอยู่ดี
และถ้าเราเก็บไว้กับตัวกลับบ้านด้วย แล้วแจ้งเจ้านายว่า พน.เอามาคืน เพราะเก็บไว้ให้
เกิดเราทำหาย ขึ้นมา หรือไอแพตเค้าเป็นอะไรไปเราก็รับผิดชอบอยู่ดี
สรุปไม่มีทางเลือกอะไรเลยในเหตุการณ์วันนั้น เหตุการณ์ในครั้งนั้นสอนใจเราได้ดีเลย แม้แต่ตอนจบ ที่ชีวิตเราออกจากที่นั่น ขนาดเสียเงินให้พวกเขาแล้ว
ก็ยังไม่พ้น คนกล่าวหามองว่าขี้โขมย ชอบข่มขู่ และเบ่งอำนาจ จนถึงทุกวันนี้แม้แต่เราจะไปเดินผ่านหน้าร้าน เพื่อนสนิทของพี่ชายเจ้าของร้าน เค้าก็ดูเกลียดเรามากแบบเข้าใส้ ทั้งๆที่เราไม่ได้รู้จักกัน ไม่ได้สนิทกัน ใครที่คิดว่า มันจะมีจริงหรอ คนแบบนี้เราเขียนเวอร์รึป่าว
มันมีอยู่จริงๆค่ะคนแบบนี้ พวกเค้าเป็นคนมีฐานะร่ำรวยด้วย คนรู้จักเยอะด้วย เพื่อนสนิทของแฟนเรา ถ้าบอกชื่อไปใครๆก็อ๋อ
นึกออกแน่นอน เปิดร้านดังด้วย แต่ ถ้าเราบอกชื่อไปแล้ว นอกจากจะอ๋อ คนนี้เอง
ก็คงไม่มีใครเชื่อเราล้าน% ว่า คนพวกนี้ทำกับเราแบบนี้ เกลียดเราทั้งๆที่เราไม่ได้ทำอะไรผิด ฟังความข้างเดียว
จำได้ดีเลยวันที่เรา ยืน จะมีเรื่องกันกับเค้า ก็คือผช.ที่เป็นพี่ชายของ เจ้านายเราและเพื่อนสนิทของพี่ชาย เจ้านาย
ยืนรุมด่าเราเราไม่รู้ จะโต้เถียงอะไรแล้ว เราเลยร้องให้
ทะเลาะกันในกรณีที่เราไม่ยอม ชดใช้เรื่อง ไอแพตนั่นแหละ ในตอนแรก
และด่าว่าเรา คือคนที่ไม่ยอมจบ ชดใช้มาก็จบ
อะไรประมาณนั้นก็เพราะรู้ว่ามันไม่จบเราเลยไม่ยอมจะจ่ายหรือไม่จ่ายเค้าก็ว่าเราคือโขมยอยู่ดี
และลืมเล่าค่ะ ย้อนไปตอนที่เกิดเรื่องแฟนของเพื่อนสนิทพี่ชายของ เจ้านายเรา
ที่ตอนนี้เค้าก็ได้ฆตตไปด้วยปัญหาส่วนตัวของเค้านานมาแล้ว (เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเราเป็นปัญหาชีวิตคู่)
เราได้ทักมาหาพี่ผช.คนนี้ว่า แฟนเค้าโพสแบบนี้ทำไม มันเกี่ยวอะไรกันกับ พี่
จากนั้น เพื่อนสนิทแฟน และพี่ชายเจ้าของร้าน
บุกมาที่บ้านเราทำท่า ทั้งแตะ และต่อย และจะตบตีเรา
ด่าเรา หยาบคาย แบบบ้าคลั่งแต่กุญแจรั้ว มันปิดอยู่
เราพยายาม จะไขกุญแจเปิดให้เค้าเข้ามาเครียร์กันแต่ ว่าแรงที่เค้าดึง กระชาก และพ่อเค้าที่ห้าม ตัวเค้า
เลยทำให้เราไม่สามารถไขกุญแจประตูรั้วได้ และ คิดว่าตัวเอง โง่มากจะไปเปิดให้มาทำร้ายเรา ทำไมวะ
สู้แรงได้ที่ไหน เค้าสูง190แล้วพ่อก็ห้ามๆ เค้าดึงตัวเค้ากลับไป
เรา แบบ อีหยังวะมากเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวาย มหากราฟ
และผช. เพื่อนสนิท ของพี่ชาย เจ้านายเรา เค้ามีแฟน
มาหึงหวงเรา ที่เรามีปัญหากับแฟนเขาทั้งๆ ที่แฟนเค้ามาหาเรื่องหาหัวปวดหัว เราเห็นว่า เรื่องวุ่นวั่นวาย ใหญ่โตมากเลย
และประกอบกับแฟน ก็จ่ายเงิน เพื่อจบปัญหา ไปแล้ว
เราเหนื่อย ที่จะสู้เพื่อปกป้องตัวเองแล้ว เพราะนี่มันบ้าอะไรเนี่ย มันเกินที่เราจะรับไหว
เราเลย ไม่ได้ติดตามที่จะแก้ตัวอีกแล้ว เหนื่อย อยากจะมาบันทึกไว้เป็นความทรงจำ
ว่าครั้งหนึ่งเราเคยโดนเข้าใจผิดว่าขโมยของทั้งๆที่เราไม่ได้ทำ
และรวมถึงคนอื่นทำไมถึงได้ทำกันได้ขนาดนี้ ทั้งๆที่เราไม่ได้รู้จักกันเลย
ไม่ได้รู้จักเราเลย แต่เกลียดเราแล้วไม่ว่าเราโต้ตอบ อะไรไป ด่าเรากลับทันที ทำไมไม่ยอมจบ ทั้งๆที่ทุกคนนั่นแหละ รุมว่า รุมด่า เราอยู่
มีอยู่ประโยคนึง เพื่อนของแฟนที่มีปัญหากับเรา (ไม่ใช่คนที่มาทำร้ายเรานะ แต่เคยแค่มาหาเรื่องเรา
เค้าพูดด้วยคำแรงๆประมาณว่า เธอดูเกลียดพี่อยู่แล้ว และหยิ่งมาก มองพี่หัวจรดเท้า
เรางง มากว่าเค้า ทำไมคิดว่าเรามองเค้าแบบนั้น
เราเคยมองเค้า อยู่2-3ครั้งก็จริง แต่ พี่คนนี้เค้าตัวสูงมาก สูงเกือบถึงประตู ตอนที่เราเคยเจอ ยอมรับว่าเราก็อาจจะมอง เพราะแค่ว่าพี่เค้า ตัวสูงเฉยๆและเราจำได้ดี ว่าเรา ก็ยกมือไหว้ สวัสดี ยิ้มให้ด้วยซ้ำ เราไม่เคย คิดเรื่องแบบนั้น ว่าจะดูถูกใคร โคตรคิดไปเองสังคม ที่พวกพี่เค้าอยู่ เราไม่ได้เข้าถึงไม่อยากจะพิมพ์ว่าเกี่ยวกับอะไร เดี๋ยวจะพาดพิง ความชอบ และอาชีพ
เรื่องทั้งหมดก็มีประมาณนี้ค่ะมาแชร์ช่วงชีวิตที่ซวยๆ ช่วงนึง ที่เราเขียนบันทึกไว้เป็นความจำ เตือนใจตัวเอง
แชร์ประสบการณ์โดนเจ้าของร้านให้รับผิดชอบของที่หายไป
และทำให้เห็นธาตุแท้ของจิตใจคนเรา ว่ามันสามารถทำร้ายกันได้ถึงขนาดนี้เลยหรอ บางคนไม่รู้จักกันไม่เคยเจอกันด้วยซ้ำ แต่เรายังรู้สึกคาใจ เพราะเรายังลบล้างคำว่าขโมยให้ตัวเองไม่ได้ ตอนนั้นเราอายุ20ต้นๆ
ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งนึงเปิดรับสมัครพนง.ขอบอกแบบกระชับรวดรัดเลยแล้วกันค่ะ
ว่าเจ้าของร้าน คือน้องสาว ของเพื่อนแฟน(แฟนเก่าเรา)พ่อของเค้าเปิดร้านให้ เป็นร้านเล็กๆในห้าง รับสมัครพนง.2คน เงินเดือน 8000 (หยุดอาทิตย์ละวัน สลับกันหยุด) 10โมง-3ทุ่ม ร้านอยู่ในห้างชื่อดัง กทม.งานที่ทำช่วงร้านเปิดใหม่ ไม่มีคนเข้ามาเลย มาไม่ถึง5คน ใน2 เดือนงานที่ทำคือต้อนรับลูกค้าที่มาสอบถามบริการลูกค้า(ด้านความงามแต่เราขอไม่บอกนะคะ ว่าแนวไหน)ช่วยกันทำ2คนและ งานอีกอย่างนึง คือ ที่เพิ่มมา คือ การทำความสะอาดร้าน ทุกสิ่งทุกอย่างเลยค่ะ เสมือนแม่บ้านดีๆนี่เอง ตอนเค้าเปิดร้าน เค้าทำเป็นปรึกษาเรา ว่า รับแม่บ้านดีไหม ไอ้เราก็สาระแน ไปมีน้ำใจ เอ็นดูเค้าว่า เดี๋ยว พวกเราช่วยก็ได้ค่ะ ไม่ต้องจ้าง จากนั้นก็เข้าทางเข้าเลย 😅
(ตัวอย่างที่ทำให้เราหงุดหงิดเช่น ใช้เรา ยันพับผ้าห่มที่ ที่เค้าเพิ่งลุกออกไป (พี่ชายหรือเค้านี่แหละ จิกหัวใช้เราว่าทำไมไม่พับผ้าห่ม
ผ้าห่มคลุมตัวเค้าที่เค้าเอามาห่มเอง เราจะไปรู้มั้ยจะกลับมาหุ่มอีกรึป่าว เห็นลุกไปเข้าห้องน้ำ
แต่เจ้าของร้านเป็นคนสวยมากๆ น่ารัก เรารู้สึกชื่นชมและชื่นชอบเค้าค่ะ และบางมุมเค้าก็โอเค)
และมีวันนึงตอนที่เค้ากินขนม อะไรสักอย่างที่เค้าซื้อมากินเอง เป็นแป้ง แล้วไม่อร่อย
เค้า ร้องอี๋ แหวะ ไม่อร่อยเลย
แล้วปาขนมนั้น ลงตรงหน้าเรา แบบให้เราเป็นคนเก็บเอาไปทิ้ง
เราก็เอาทิชชู่ กับโกยทิ้งลงถังขยะ แต่เรื่องพวกนี้ เราไม่ค่อยถือสาเท่าไรนัก แต่มันจะมีมาเป็นช่วงๆ ยังมีคำพูดแรงๆ อีกเยอะ เช่น จานวางไว้ทำไมไม่เอาไปเก็บ วางไว้เส้นไหว้ใคร ทำให้เราตะหนักถึงชีวิต ว่าเราต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้ให้ได้ ไม่อยากอยู่รองรับอารมณ์ของใคร เพราะเค้าเป็นเจ้านายเค้าถูกทุกอย่างอยู่แล้วที่ร้านเป็นร้านเปิดใหม่เจ้าของร้านเธอ เหมือนเปิดกิจการครั้งแรก แบบลองผิดลองถูก (อายุไม่ต่ำกว่า20ไม่เกิน25)
เจ้าของร้านเธอเป็นสไตล์ลูกคุณหนูเลย กำลังเรียนอยู่ม.ดัง กทม.
ขอเข้าเรื่องวันเกิดปัญหาเลยนะคะแต่เราคงจะ ไม่เล่าเรื่องนี้ไม่ได้ แต่เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้านายของเรา แต่ก็มีส่วนเกี่ยวที่ทำให้เราไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วอยู่ไม่ไหวก็คือร้าน ข้างๆไม่รู้จักกัน ไม่สนิท กัน เป็นมนุษย์ป้า ชอบบูลี่กลั่นแกล้ง พูดจาเสียดสี ด่าทอ เหมือนคนเป็นประสาท ทั้งๆที่เราอยู่ของเรา กันดีๆ เพื่อนเราก็โดน ที่ทำงานด้วยกัน(เพื่อนรู้จักกันที่ทำงาน) ด่าเราเช่นว่า แม้ สบายกันจังเลยเนาะ นั่งอยู่เฉยๆ
เท้าเอว มองแรง จิกกัดด่าบางวัน นาง เอาขยะ ,เอาหนอน แอบมาเทใส่ร้านเรา
และ ทำเป็นมายืนมอง ว่าอี๋ร้าน สรกปรกปวดประสาทมาก นั่งก้มเก็บขยะกัน
ไม่ได้ตอบโต้ป้า เพราะยังไม่มีหลักฐานชัดๆ
แต่เราคิดว่าเค้า นั่นแหละทำ แต่เรื่องนี้เราไม่ได้บอกเจ้านาย เพราะคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว
ต่อมาจะเข้าเรื่องของวันที่เกิดเหตุแล้วนะคะ
เราเห็นเจ้านาย นั่งคุย นั่งพูดกับแฟน ว่าเนี่ย ไอแพต ที่(คนรู้จักของเค้าให้มาแล้วจำไม่ได้) เค้าบอกไม่ได้ใช้เลยเหมือนหาวิธีขาย นัดคนที่นัดรับมาเอา
แต่ว่าเราไม่ได้จำและสนใจ ว่า อะไรยังไง เรื่องของเค้า
แต่ เหมือนว่า ขายไม่ได้ จริงๆ เราไม่ได้ ตั้งใจจะสนใจเรื่องของเค้าแต่ เค้านั่งใกล้เราและร้านมันเล็กได้ยินอยู่แล้ว
และ เราเห็นเจ้านาย ชอบ จับๆ วางๆ ไอแพต แบบทิ้ง ๆขว้างๆ แล้วเดินไปไหนมาไหน
เราก็เฝ้าดูไว้ ให้อยู่ เป็นเรื่องปกติ ลืมบอกอีกอย่าง ว่า เก๊ะเงินด้านล่าง
เจ้านาย เป็นคนดูแลกุญแจ แค่คนเดียวจะไม่ให้พวกเราจับกุญแจ
ถ้าได้เงินมาจากการที่ลูกค้ามาบริการ เก็บเงินสดส่งให้ แล้วเจ้าของร้านจะเอาเงินเข้าลิ้นชักเอง
มันอาจจะขัดๆ เกินๆแต่เข้าใจเจ้าของร้านคง กลัวเงินหาย เพราะเราก็เป็นพนง.ใหม่
มาต่อที่เรื่องไอแบต เจ้าต้นเรื่องค่ะ เจ้าของร้านวางทิ้งขว้างและไม่เอากลับบ้านด้วย
เรา
ด้วยความหวังดีเลยเอาไอแพต ของเจ้าของร้าน ไปไว้ลิ้นชักด้านบน ที่เป็นห้อง มีประตูปิดแต่ไม่มีกุญแจ
(เจ้าของร้านเช่าไว้2ห้อง ห้องด้านล่าง ที่มีเก๊ะมีกุญแจล็อกแต่ อย่างที่บอกกุญแจอยู่กับเจ้าของร้าน)
จากนั้น เราก็วุ่นวายกับการ ทำความสะอาดร้าน นั่นนี่ ไม่ได้สนใจไอแพตแล้ว
แล้วเราก็กะว่าค่อยจะบอกเจ้าของร้านทีหลังเพราะว่ามันก็อยู่ตรงนี้แหละไม่ไปไหนแต่ถ้าเจ้าของร้านมาเปิดเจอก็เห็นเองหรือว่าถ้าเจอตัวจริงก็ค่อยบอก
เรา ทำแบบนี้คือผิด มากไม่น่าไป จับไปยุ่งของเค้าเลย
2วันต่อมา เราเพิ่งบอกเจ้าของร้าน ว่าเราเอาไอแพต มาเก็บไว้ให้เองนะ อยู่ในลิ้นชักชั้น2
และขึ้นไปเปิดจะเอาให้เค้าแต่ว่าไม่มีแล้ว สิ่งแรกที่เราได้ฟังแล้วเสียใจ
เค้าบอกว่าของมันหายไป เราไม่ทำท่าตกใจอะไรเลย
เรา ที่ไม่ตกใจเพราะตอนแรกมั่นใจ ว่าอยู่ตรงนี้
และเราไม่ได้เป็นคนเอาไปแน่นอน
ถ้าเราเป็นคนเอา ไป เราจะโง่ บอกเค้าเพื่ออะไร ว่าเราเป็นคนเอาไปเก็บ
ตอนที่เราเอาไปเก็บ
จากนั้นเค้ายืนยัน โทษเรา2คนให้ได้ ว่าเป็นคนขโมยไป
และเรารู้สึกว่า จะต้องให้เราทำยังไง คุณวางทิ้งเหมือนของไม่สำคัญไม่ถามหา ไม่อะไรเลย
เราอุส่าห์มีน้ำใจไปเก็บไว้ให้ และไม่คิดเลยว่าจะหายไป
และเพื่อนเราที่ร่วมงานกันชั้น2 ไม่มีกุญแจล็อกประตูและ บรรไดนี้ เป็นส่วนรวม คนเข้านอกออกในได้ ที่เป็นเจ้าของร้าน หรือคนทั่วไปก็ขึ้นได้เราไม่แน่ใจเท่าไรจากนั้น เค้าให้เรารับผิดชอบกันคนละครึ่ง กับของที่หายไป
เราบอกให้เค้าไปแจ้งความ ดำเนินคดีก็ได้ให้ตำรวจมาตรวจสอบ ว่ากันตามกฎหมาย
เพราะเราไม่ได้เอาไปจริงๆ และเราก็ไม่มีเงินที่จะจ่ายเขา
แต่เหมือนเขา ก็มีข้อเสนอ อีกแบบนึง แต่ยังไม่ชัดเจนประมาณว่า ให้เราทำงานชดใช้ ไอแพต
หักเงินเดือนไปเรารู้สึกไม่โอเคจึงลาออกแต่เราไม่ได้เงินเดือน แถมยังเรียกเก็บเงิน เราและเพื่อน กันคนละ 5000 บาท
และยังพูดพาพี่ชายมา พูดใส่เราว่า การที่เราลาออก มันก็ชัดเจนแล้วว่า เรา เป็นคนเอาไปแน่นอน
ถ้าไม่ได้ทำผิดจริง แล้วจะหนีทำไมเรายิ่ง อยากลาออกให้เร็วที่สุด
และเราก็ออกมาจริงค่ะเพื่อนเราก็ออกมาแต่เรา จำได้ประมาณว่าเพื่อนเรา เค้าไม่มีเงินจ่าย
เพราะเค้าลำบากจริงๆ เลย อยู่ทำงานต่อ จนครบสิ้นเดือน และให้เจ้านายหักเงินแทน
ส่วนเงินที่จ่ายเค้าเราไม่ได้เป็นคนเอาไปจริงๆ เรายังยืนยันที่จะให้เค้าไปแจ้งความ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ผิดก็ว่าไปตามผิด
เพราะเราไม่มีเงินเลยเงินเดือนตกวันละ266บาท ค่ารถไปกับ ก็ เป็น100แล้ว
แต่ที่เราไม่อยากอยู่ต่อ เพื่อรับเงินเดือนแล้ว เอามาหักค่าของแบบเพื่อน เพราะเราเสียความรู้สึก
เค้าโทษแต่คนอื่นไม่คิดว่าตัวเอง ผิดเลยสักนิดเดียว ที่วางของ เรี่ยราด ถ้ามันสำคัญจริงๆ
ทำไมเค้าไม่เก็บให้มันดีๆทำเป็นไม่ไว้ใจเราแม้แต่เก๊ะ ที่เปิดเก็บเงิน ยังมีเงินน้อย กว่า ค่าไอแพต ที่ มาเอาเราไป1หมื่นอีก
สรุป เราใจแข็งมาตั้งนานที่จะไม่รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ
แต่ แฟนเก่าเรา เค้า แคร์ความรู้สึกเพื่อนมาก กลัวเสียเพื่อน (พี่ชายของเธอ)
เลยโพสขายกล้อง ของตัวเอง ได้เงิน มา5000 แล้ว แอบเอาไปจ่าย เพื่อจบเรื่องโดยที่ไม่ถามเราสักคำ
และเราก็ทะเลาะกันใหญ่โต กับแฟนกล้องนั่น เป็นของสำคัญกับแฟนมาก
คือ เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในตอนนี้เพราะเราอยู่กับลำบากจะตายอยู่แล้ว
และเรื่องนี้ก็ผ่านพ้นไปทิ้งท้ายด้วยสิ่งที่ทุกคน พี่ชายของแฟน เจ้านายเรา
และเพื่อนๆ ของพี่ชายแฟนตราหน้าเราว่าเป็นคนไม่ดี เป็นคนขี้โขมย
ในวันต่อๆมายกพวกมารุ่ม ยืนว่าเรา มีผช.2คน คือเพื่อนสนิทของแฟนเราพี่ชายไม่เท่าไรแต่เพื่อนสนิทของ พี่ชายแฟน เกี่ยวอะไรด้วย
แถมยังมี ผญ. ที่เป็นแฟน ของเพื่อนสนิท พี่ชายเจ้านายเรา โพส ด่า จิก แขวะ เราเป็นไบโพล่า(แต่ผู้หญิงคนนี้จุดจบคือกินยาฆตต.เพิ่งรู้ข่าวไม่กี่ปีต่อมาเพราะประสาทหลอน) เรารู้สึกแย่กับเหตุการณ์ช่วงนั้นมากๆ เราดิ่งอยู่หลายปี และยังไม่เคยลืม
ถ้าแจ้งเค้าให้เร็วกว่านั้น มันจะมีอะไรดีขึ้นมาเพราะมันต้องอยู่ข้ามคืนอยู่ดี ถ้ามันจะมีคนนอกมาเอาก็เอาอยู่ดี
และถ้าเราเก็บไว้กับตัวกลับบ้านด้วย แล้วแจ้งเจ้านายว่า พน.เอามาคืน เพราะเก็บไว้ให้
เกิดเราทำหาย ขึ้นมา หรือไอแพตเค้าเป็นอะไรไปเราก็รับผิดชอบอยู่ดี
สรุปไม่มีทางเลือกอะไรเลยในเหตุการณ์วันนั้น เหตุการณ์ในครั้งนั้นสอนใจเราได้ดีเลย แม้แต่ตอนจบ ที่ชีวิตเราออกจากที่นั่น ขนาดเสียเงินให้พวกเขาแล้ว
ก็ยังไม่พ้น คนกล่าวหามองว่าขี้โขมย ชอบข่มขู่ และเบ่งอำนาจ จนถึงทุกวันนี้แม้แต่เราจะไปเดินผ่านหน้าร้าน เพื่อนสนิทของพี่ชายเจ้าของร้าน เค้าก็ดูเกลียดเรามากแบบเข้าใส้ ทั้งๆที่เราไม่ได้รู้จักกัน ไม่ได้สนิทกัน ใครที่คิดว่า มันจะมีจริงหรอ คนแบบนี้เราเขียนเวอร์รึป่าว
มันมีอยู่จริงๆค่ะคนแบบนี้ พวกเค้าเป็นคนมีฐานะร่ำรวยด้วย คนรู้จักเยอะด้วย เพื่อนสนิทของแฟนเรา ถ้าบอกชื่อไปใครๆก็อ๋อ
นึกออกแน่นอน เปิดร้านดังด้วย แต่ ถ้าเราบอกชื่อไปแล้ว นอกจากจะอ๋อ คนนี้เอง
ก็คงไม่มีใครเชื่อเราล้าน% ว่า คนพวกนี้ทำกับเราแบบนี้ เกลียดเราทั้งๆที่เราไม่ได้ทำอะไรผิด ฟังความข้างเดียว
จำได้ดีเลยวันที่เรา ยืน จะมีเรื่องกันกับเค้า ก็คือผช.ที่เป็นพี่ชายของ เจ้านายเราและเพื่อนสนิทของพี่ชาย เจ้านาย
ยืนรุมด่าเราเราไม่รู้ จะโต้เถียงอะไรแล้ว เราเลยร้องให้
ทะเลาะกันในกรณีที่เราไม่ยอม ชดใช้เรื่อง ไอแพตนั่นแหละ ในตอนแรก
และด่าว่าเรา คือคนที่ไม่ยอมจบ ชดใช้มาก็จบ
อะไรประมาณนั้นก็เพราะรู้ว่ามันไม่จบเราเลยไม่ยอมจะจ่ายหรือไม่จ่ายเค้าก็ว่าเราคือโขมยอยู่ดี
และลืมเล่าค่ะ ย้อนไปตอนที่เกิดเรื่องแฟนของเพื่อนสนิทพี่ชายของ เจ้านายเรา
ที่ตอนนี้เค้าก็ได้ฆตตไปด้วยปัญหาส่วนตัวของเค้านานมาแล้ว (เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเราเป็นปัญหาชีวิตคู่)
เราได้ทักมาหาพี่ผช.คนนี้ว่า แฟนเค้าโพสแบบนี้ทำไม มันเกี่ยวอะไรกันกับ พี่
จากนั้น เพื่อนสนิทแฟน และพี่ชายเจ้าของร้าน
บุกมาที่บ้านเราทำท่า ทั้งแตะ และต่อย และจะตบตีเรา
ด่าเรา หยาบคาย แบบบ้าคลั่งแต่กุญแจรั้ว มันปิดอยู่
เราพยายาม จะไขกุญแจเปิดให้เค้าเข้ามาเครียร์กันแต่ ว่าแรงที่เค้าดึง กระชาก และพ่อเค้าที่ห้าม ตัวเค้า
เลยทำให้เราไม่สามารถไขกุญแจประตูรั้วได้ และ คิดว่าตัวเอง โง่มากจะไปเปิดให้มาทำร้ายเรา ทำไมวะ
สู้แรงได้ที่ไหน เค้าสูง190แล้วพ่อก็ห้ามๆ เค้าดึงตัวเค้ากลับไป
เรา แบบ อีหยังวะมากเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวาย มหากราฟ
และผช. เพื่อนสนิท ของพี่ชาย เจ้านายเรา เค้ามีแฟน
มาหึงหวงเรา ที่เรามีปัญหากับแฟนเขาทั้งๆ ที่แฟนเค้ามาหาเรื่องหาหัวปวดหัว เราเห็นว่า เรื่องวุ่นวั่นวาย ใหญ่โตมากเลย
และประกอบกับแฟน ก็จ่ายเงิน เพื่อจบปัญหา ไปแล้ว
เราเหนื่อย ที่จะสู้เพื่อปกป้องตัวเองแล้ว เพราะนี่มันบ้าอะไรเนี่ย มันเกินที่เราจะรับไหว
เราเลย ไม่ได้ติดตามที่จะแก้ตัวอีกแล้ว เหนื่อย อยากจะมาบันทึกไว้เป็นความทรงจำ
ว่าครั้งหนึ่งเราเคยโดนเข้าใจผิดว่าขโมยของทั้งๆที่เราไม่ได้ทำ
และรวมถึงคนอื่นทำไมถึงได้ทำกันได้ขนาดนี้ ทั้งๆที่เราไม่ได้รู้จักกันเลย
ไม่ได้รู้จักเราเลย แต่เกลียดเราแล้วไม่ว่าเราโต้ตอบ อะไรไป ด่าเรากลับทันที ทำไมไม่ยอมจบ ทั้งๆที่ทุกคนนั่นแหละ รุมว่า รุมด่า เราอยู่
มีอยู่ประโยคนึง เพื่อนของแฟนที่มีปัญหากับเรา (ไม่ใช่คนที่มาทำร้ายเรานะ แต่เคยแค่มาหาเรื่องเรา
เค้าพูดด้วยคำแรงๆประมาณว่า เธอดูเกลียดพี่อยู่แล้ว และหยิ่งมาก มองพี่หัวจรดเท้า
เรางง มากว่าเค้า ทำไมคิดว่าเรามองเค้าแบบนั้น
เราเคยมองเค้า อยู่2-3ครั้งก็จริง แต่ พี่คนนี้เค้าตัวสูงมาก สูงเกือบถึงประตู ตอนที่เราเคยเจอ ยอมรับว่าเราก็อาจจะมอง เพราะแค่ว่าพี่เค้า ตัวสูงเฉยๆและเราจำได้ดี ว่าเรา ก็ยกมือไหว้ สวัสดี ยิ้มให้ด้วยซ้ำ เราไม่เคย คิดเรื่องแบบนั้น ว่าจะดูถูกใคร โคตรคิดไปเองสังคม ที่พวกพี่เค้าอยู่ เราไม่ได้เข้าถึงไม่อยากจะพิมพ์ว่าเกี่ยวกับอะไร เดี๋ยวจะพาดพิง ความชอบ และอาชีพ
เรื่องทั้งหมดก็มีประมาณนี้ค่ะมาแชร์ช่วงชีวิตที่ซวยๆ ช่วงนึง ที่เราเขียนบันทึกไว้เป็นความจำ เตือนใจตัวเอง